โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 95
Ch.95 – ชุดคลุมดำกระหายเลือด
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.95 – ชุดคลุมดำกระหายเลือด
แต่เมื่อได้ลองย้อนคิดดู ว่าราชันย์อัศวินน่ะมีระดับอยู่ในเลเวล F8 ฉินเฟิงก็รู้สึกว่าเขาไม่สมควรที่จะผลีผลาม
ในปัจจุบัน เขาไม่สามารถมองสถานการณ์เหมือนดังในชีวิตก่อนหน้า ที่ตนเองเป็นถึงเลเวล A ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าราชันย์อัศวินยังคงครอบครองอาวุธโล่ที่ทรงพลังไม่แตกต่างไปจากอุปกรณ์รูนสีทอง
“งั้นเอาไว้แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ แล้วค่อยยกเรื่องที่ว่ามาคิดอีกครั้งก็แล้วกัน”
ด้วยการคิดเช่นนี้ ฉินเฟิงเลยไม่รู้สึกกดดันมากจนเกินไป
ในวันต่อมา ฉินเฟิงพยายามต่อสู้สังหารซากศพเลเวล F แต่สถานการณ์ก็ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าที่ควร
ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของฉินเฟิงแข็งแกร่งจริงๆ มันเทียบเท่าได้เลยกับพวกเลเวล E แต้มสงครามและจำนวนซากศพที่ฉินเฟิงสังหารเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน
เพียงแต่ว่า จำนวนครั้งที่ชุดคลุมดำกระหายเลือดทำการเปิดช่องว่างมิติก็ถี่ขึ้นเช่นกัน ดูเหมือนว่าทางฝั่งมันเองก็ถูกกดดันเลยต้องทำเช่นนั้น
เหตุการณ์นี้เองที่นำไปสู่การยื้อยุทธ คล้ายกับการชักเย่อระหว่างมนุษย์และกองทัพซากศพ หรืออาจเรียกว่า ‘เจ้าอัญเชิญ? งั้นข้าทำลาย!’
ไม่กี่วันผ่านมา กองทัพซากศพสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมหาศาล แต่ในความเป็นจริง ผู้ใช้พลังทางฝั่งมนุษย์เองก็มีบ้างเหมือนกันที่จบชีวิตลง แต่เมืองเฉิงหยางทำการขอกำลังพลมาเติมเรื่อยๆ แน่นอน ว่าการขอกำลังพลไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เพราะการกระทำเช่นนี้นั่นเอง เลยทำให้ไม่มีใครทันสังเกต ว่าทางฝั่งมนุษย์สูญเสียผู้ใช้พลังไปแล้วกว่า 300 – 400 คน
ฉินเฟิงไม่ได้เพิกต่อสถานการณ์ดังกล่าว ตรงกันข้าม เขารู้ดีกว่าคนอื่นๆซะอีก ดังนั้น นอกเหนือไปจากการพักผ่อนที่จำเป็นแล้ว เวลาอื่นๆเขาล้วนทุ่มเทไปกับการต่อสู้ในเทือกเขาพ่อแม่ลูก ตอนนี้ แต้มสงครามของเขาเลยปาเข้าไปกว่า 80,000 แต้มแล้ว! มันเป็นจำนวนน่าสยองขวัญที่คนเบื้องหลังไม่อาจไล่ตามได้ทัน
ตรงตีนเขาภูเขาแม่ ฉินเฟิงเพิ่งจัดการตัดหัวของซากศพเพลิงระดับนายพลเบื้องหน้า
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในกะโหลกของซากศพเพลิง เป็นแก่นอบิลิตี้ หลังจากฉินเฟิงกลืนกินมันแล้ว เขาไม่เพียงได้รับพลังงานจากมัน แต่ยังได้รับรูนไฟเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย
แต่น่าเสียดาย ที่ถึงแม้ฉินเฟิงจะได้รับรูนไฟ แต่เขาก็ไม่ได้รับพลังสมาธิมาด้วย
ในปัจจุบัน เป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกินที่จะเพิ่มพูนพลังสมาธิ
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้ฉินเฟิงเล่นไล่กวาดล้างโครงกระดูกชุดคลุมดำไปจนหมดแล้ว ดังนั้นเลยไม่เหลือกองทัพซากศพตัวไหนที่เขาสามารถดูดกลืนพลังสมาธิมาจากมันได้อีกต่อไป
“ทำไมเจ้าชุดคลุมดำกระหายเลือดถึงไม่ยอมเรียกโครงกระดูกชุดคลุมดำมาให้มากกว่านี้นะ!” ฉินเฟิงบ่นพึมพำ
อันที่จริงเรื่องนี้ก็พอจะเข้าใจได้ อย่างเช่นในฝั่งมนุษย์เอง ผู้ที่สามารถควบคุมรูน ก็คือผู้ใช้อบิลิตี้ และขนาดทางฝั่งมนุษย์ยังขาดแคลนผู้ใช้อบิลิตี้เลย ดังนั้นในเผ่าพันธ์อื่นๆก็คงจะขาดแคลนไม่ต่างกัน -เนื่องขากการดำรงอยู่ของโครงกระดูกชุดคลุมดำเป็นตัวตนที่สามารถควบคุมรูนได้ ดังนั้นมันเลยเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายากเช่นกัน
ฉินเฟิงหัวเราะเบาๆ และทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายสดใส
เพราะตรงเนินลาดชัน สูงขึ้นไปบนภูเขาแม่ จู่ๆก็มีชุดคลุมดำปรากฏกายขึ้น
“ให้มันได้อย่างนี้สิ! เอ่ยปากขออะไร ก็ได้ดั่งใจต้องการ!”
ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า พุ่งเข้าหามัน
แต่เมื่อเห็นฉากนี้ ไป๋หลีกลับขมวดคิ้วมุ่น
“ที่รัก ระวังตัวด้วยนะ เจ้านั่นมันอยู่ในระดับราชันย์สัตว์ร้าย!” ไป๋หลีเตือนด้วยเสียงแผ่วเบา
หลังจากเฝ้าสังเกตพวกมันมาเป็นเวลานาน ไป๋หลีก็สามารถตระหนักถึงวิธีการจำแนกระดับของสัตว์ร้าย ตัวตนในชุดคลุมดำเบื้องหน้านี้ไม่ใช่ชุดคลุมดำธรรมดาอย่างที่ฉินเฟิงคิด แต่ว่ามันเป็นระดับราชันย์!
ในหัวใจของฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“งั้นมันก็คือชุดคลุมดำกระหายเลือด?”
ฉินเฟิงตระหนักถึงสถานะของอีกฝ่ายได้ทันที
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ชุดคลุมดำกระหายเลือดก็รับรู้ถึงตัวตนของเขาเช่นกัน มันโฉบลงจากเนินเขา พุ่งเข้าหาฉินเฟิง
“กัก กัก กัก!” กรามของชุดคลุมดำกระหายเลือดขบกันจนเกิดเสียงแปลกๆ เมื่อใกล้เข้ามา ใบหน้าของมันก็เผยโฉมต่อสายตาฉินเฟิง
นี่แตกต่างไปจากโครงกระดูกชุดคลุมดำ ใบหน้าของชุดคลุมดำกระหายเลือดมีสีแดงก่ำคล้ายกับอาบไปด้วยเลือดสมชื่อของมัน มีกล้ามเนื้อเช่นเดียวกันกับมนุษย์ปกติ หากแต่ไม่มีผิวหนังคอยปกคลุม
ดวงตายังคงมีเลือดเนื้อ หากแต่ไม่มีตาขาว เป็นสีดำสนิท ดูน่าเกลียดและน่าสยดสยองอย่างบอกไม่ถูก และปัจจุบันก็กำลังสาดประกายอะไรบางอย่างออกมา
“นั่นมัน … ลำแสงแห่งความมืด?”
ฉินเฟิงสามารถรับรู้ได้ว่านี่คืออะไร เพราะท่านี้โครงกระดูกชุดคลุมดำก็เคยใช้กับฉินเฟิงเหมือนกัน แต่ฉินเฟิงครอบครองศิลานรก ดังนั้นเลยมีภูมิคุ้มกันต่อธาตุมืด สามารถทานรับการโจมตีนี้ตรงๆได้
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ในสนามรบ มีโดรนคอยเก็บภาพอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ฉินเฟิงจึงไม่อาจเผยความลับ เข้าทานรับลำแสงนี้ตรงๆได้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลบเลี่ยง!
ยังไงก็ตาม ลำแสงแห่งความมืดของชุดคลุมดำกระหายเลือดน่ะรวดเร็วมาก แถมระยะโจมตีก็ไม่ใช่แค่เส้นตรง แต่เป็นวงกว้าง พอปลดปล่อยออกมา พื้นที่โดยรอบก็พลันกระเพื่อมไหว แพร่กระจายไปด้วยรูนมืด
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะหลบเลี่ยง
“แกคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่มีท่าโจมตีนี้รึไง?”
แม้จะพบเจอกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่ฉินเฟิงก็ยังใจเย็นมาก เขายกนิ้วชี้สวนกลับไป!
แน่นอน ว่าแม้เขาจะกล่าวแบบนั้น แต่ฉินเฟิงก็ไม่ได้ปลดปล่อยลำแสงแห่งความมืด หากแต่มันเป็นลำแสงสีแดงเพลิง ระเบิดออกจากปลายนิ้วอย่างรวดเร็ว
หลังจากเรียนรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับลำแสงแห่งความมืดแล้ว ฉินเฟิงก็สามารถเข้าใจถึงวิธีการปลดปล่อยลำแสงเปลวเพลิงเช่นกัน
ลำแสงเปลวเพลิงนั้นทรงอานุภาพมาก มันเป็นธาตุแห่งการระเบิดและเผาทำลาย เป็นมวลพลังงานที่เกาะกลุ่มกันหนาแน่น เมื่อสองลำแสงพลังงานปะทะกัน ผลลัพธ์เลยกลายเป็นเปลวเพลิงที่กุมความได้เปรียบ
เปรี้ยง!
ลำแสงสองธาตุปะทะเข้าหากันโดยตรง ในชั้นอากาศ ปรากฏหนึ่งเส้นแดง หนึ่งดำ ยื้อกันไปกันมา ไม่มีใครยอมใคร
อย่างไรก็ตาม หากเพ่งมองอย่างใกล้ชิด จะพบว่าลำแสงเปลวเพลิงของฉินเฟิงกำลังค่อยๆผลักดันลำแสงแห่งความมืดถอยร่นไปทีละขั้น ทีละขั้น
“จงโค่นมันให้ฉัน!”
พลังสมาธิของฉินเฟิงปะทุโหม รูนไฟลุกท่วมไปถึงท้องฟ้า มันเพิ่มพูนจำนวนมากขึ้น มากขึ้น จนปกคลุมรอบบริเวณ กุมความได้เปรียบ และคว้าชัยได้ในที่สุด!
ตูมมมมม!
ลำแสงเปลวเพลิงกระแทกเข้าใส่ร่างของชุดคลุมดำกระหายเลือดเข้าเต็มรัก
เหวี่ยงกระแทกศัตรูปลิวออกไปอย่างโหดเหี้ยม
“ฟู่ว … ”
ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจ
เนื่องจากเกิดการโจมตีอย่างรุนแรงระหว่างทั้งสอง ดังนั้นกลิ่นอายของชุดคลุมดำกระหายเลือดเลยเล็ดลอดออกมา เมื่อมันเผลอเผยโฉม อุปกรณ์สื่อสารก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เตือนภัย เตือนภัย! ตรวจพบสิ่งมีชีวิตระดับราชันย์สัตว์ร้าย เลเวลราวๆ F3 – F4 ห่างจากตำแหน่งปัจจุบันของคุณ 42 เมตร โปรดหลีกเลี่ยงตำแหน่งดังกล่าวด้วย!”
ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงได้เปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสารเป็นรุ่นที่ดีที่สุดแล้ว ดังนั้นการสแกนตรวจสอบของมันก็ย่อมแม่นยำที่สุดเช่นกัน
“ชุดคลุมดำกระหายเลือดมีเลเวลอยู่แค่ F3 เท่านั้นเองหรือนี่?” ฉินเฟิงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ก็แล้วในเมื่อคู่ต่อสู้อ่อนแอถึงขนาดนี้ งั้นทำไมพวกผู้ใช้พลังเลเวล E ถึงยังไม่สามารถสังหารมันลงได้ซักทีกัน?
“เป็นไอ้พวกกากจริงๆด้วย!”
ใบหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นชา แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากที่ลองขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เขาก็สามารถรู้ได้ถึงเหตุผล : ในปัจจุบัน สถานการณ์เรียกได้ว่าอยู่ในการควบคุมเป็นอย่างดี เลเวล E ออกปฏิบัติการกันทุกวัน และยังได้รับรางวัลที่สูงลิ่ว ดังนั้นทุกคนจึงคิดเพียงแต่จะหาผลประโยชน์ โดยไม่ยอมเสี่ยงอันตรายใดๆ อย่างการบุกเข้ามาสังหารมัน
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป สงครามในแนวหน้าก็จะไม่มีวันจบสิ้น!
ในทางตรงกันข้าม กลุ่มที่สูญเสียกลับเป็นผู้ใช้พลังในเลเวล G และ F
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีใครจะฆ่ามัน งั้นฉันก็จะลงมือเอง!”
คิดได้แบบนั้น ฉินเฟิงก็ไม่รอช้า ก้าวไปข้างหน้า โถมเข้ามุ่งสังหารมันทันที
เห็นได้ชัดว่าชุดคลุมดำกระหายเลือดคือหนึ่งในผู้สามารถควบคุมอบิลิตี้ได้ ดังนั้นการดำรงอยู่เช่นมัน ย่อมเป็นกลุ่มที่ครอบครองพลังสมาธิแข็งแกร่งอย่างแน่นอน หากฉินเฟิงฆ่ามัน เขาก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!
ชุดคลุมดำกระหายเลือดถูกยั่วยุโดยฉินเฟิง มันโกรธแค้นสุดแสน ในมุมมองของมัน ฉินเฟิงไม่มีอะไรมากไปกว่ามดที่พยายามจะเขย่าต้นไม้ ไม่อาจเป็นคู่ต่อกรกับตนเองได้
ไม่รอช้า มันชี้นิ้วไปทางฉินเฟิง จากนั้น บอลสีดำก็ปรากฏขึ้นในอากาศ ขยายขนาดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และเปรี้ยง! ถูกยิงออกไป
บอลแห่งความมืดนี้ สามารถช่วงชิงเอาลมหายใจของมนุษย์ไปได้ อำนาจของมันเหมือนกับบอลทมิฬของฉินเฟิงที่เคยใช้ในเหมืองฉิงซานไม่มีผิด แต่ต่างกันตรงที่ชุดคุลมดำกระหายเลือดนั้นมีพลังสมาธิสูงกว่า เลยสามารถโจมตีได้จากระยะที่ไกลยิ่งกว่า
ฉินเฟิงย่ำเท้าลงกับพื้น ดีดตัวหลบด้วยความเร็วที่ไวยิ่งกว่า!
ฉินเฟิงว่องไวและปราดเปรียวมาก กำลังภายในของเขาควบรวมไปที่สองฝ่าเท้าของตน และระเบิดมัน ถีบส่งทั้งคนทั้งร่างหลบเลี่ยงจากรัศมีการโจมตีของบอลแห่งความมืดนี้ไปได้
ในขณะเดียวกัน ลำแสงเปลวเพลิงกว่าห้าเส้นก็ปะทุขึ้นตามแต่ละนิ้วมือของฉินเฟิง แต่คราวนี้ ระยะของลำแสงทั้งห้ามันกลับสั้นมาก แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะไปถึงตัวของอีกฝ่าย!
ตูม ตูมมมมม!
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เปลวไฟจะเข้าถึงเนื้อหนัง ทั้งตนทั้งร่างของชุดคลุมดำกระหายเลือดจู่ๆก็ปรากฏความมืดเข้าปกคลุม สร้างม่านกำบังปัดป้องการโจมตีลำแสงเปลวเพลิงทั้งห้าของฉินเฟิง
ทั้งสองคนต่อสู้กันมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังยากที่จะแยกแยะว่าฝ่ายใดที่มีเปรียบ!
แน่นอน เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างทั้งสองมันกินพื้นที่เป็นวงกว้าง ดังนั้นย่อมไม่พ้นถูกตรวจจับได้โดยโดรนสังเกตการณ์
ภายในจุดรวมพลของเลเวล E ทั้งสี่เขตและเมืองเฉิงหยาง ได้รับภาพฉายนี้พร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้น เสียงดังมากเลย?”
“เป็นชุดคลุมดำกระหายเลือดกำลังต่อสู้กับใครบางคนอยู่!”
“นั่นมันฉินเฟิง เจ้าบ้านั่นมันคิดจะทำอะไร?”
“เขาครอบครองพลังมากพอที่จะสามารถสังหารราชันย์เลเวล F ได้! แบบนี้ไม่ดีแน่ พวกเราจะต้อง ‘หยุดเขา!’ ”