โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 103
“เจ้านาย, ทำไมล่ะคะ?”
ซูซานรู้สึกว่าตัวเองถูกกีดกันอีกครั้ง, เธอทำปากจู๋แล้วถามเย่เทียนด้วยความเศร้า.
“ที่รักจ๊ะ หนูยังเด็กมากเลยนะ. รออีกซัก2ปีดีไหม….”
เย่เทียนพูดกับเธอ. เธออายุแค่12ปีซึ่งเด็กเกินกว่าจะร่วมรักกัน. แม้ว่าเธอจะเป็นทาสของเย่เทียนและเย่เทียนก็มีสิทธิ์เหนือเธอทุกอย่างหรือเธอจะยินยอมก็ตาม แต่เย่เทียนก็ร่วมรักกับนางไม่ได้.
“ไม่เอาค่ะ….ผู้หญิงหลายคนก็แต่งงานตั้งแต่อายุ10ปีทั้งนั้น….”
ซูซานต้องการสู้เพื่อสิทธิ์ของเธอเองจึงเถียงไปและแน่นอนว่าเธอพูดความจริงด้วย.
เรื่องนั้นก็จริงอยู่ พวกชั้นสูงแก่ๆบางคนก็ชอบเด็กผู้หญิง11-12ขวบทั้งนั้น.
เพราะในยุคอันโหดร้ายนี้มันไม่มีข่าวโจดจันแบบในอนาคต.
“นี่คือคำสั่ง!”
เย่เทียนยิ้มแล้วยืนกราน.
“เจ้านายแปลกคนจัง….”
ในที่สุดซูซานก็ยอมแพ้แล้วทำหน้าบูดราวกับว่าเธอเป็นคนผิดแล้วเดินออกห้องไป, ปิดเสียงดังอย่างแรงด้วยความโกรธ. ซูซานตัดสินใจนั่งกอดเข่าอยู่หน้าห้องเย่เทียนแทนที่จะกลับห้องตัวเองไป.
อาจพูดได้เลยว่าทั่วทั้งสาธารณรัฐโรมนั้นมีเพียงแค่ทาสหญิงของเย่เทียนเท่านั้นที่สามารถครางออกมาอย่างดังต่อหน้าเจ้าของพวกเธอได้.
“พวกเจ้าใครจะเริ่มก่อนดี?”
พอซูซานออกไปเย่เทียนก็พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมเผยสัญชาตญาณที่แท้จริงออกมา.
“ข้า, เดยซี่และดินน่าค่ะ! เราสามคนเป็นคนโปรดของเจ้านายใช่ไหมล่ะคะ? ส่วนพวกมาใหม่อย่าง มา เก้และมาริน่าน่าจะยืนดูแล้ววอร์มไปก่อน….”
ไดอาน่ายิ้มอย่างน่ารักแล้วจากนั้นก็จูงมือเดยซี่กับดินน่ามาแล้วเดินไปหาเย่เทียน.
……
การนอนกับผู้หญิงหลายคนพร้อมๆกันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ, มันต้องใช้พลังกายอย่างมากเลย
วันต่อมาเมื่อเย่เทียนตื่นขึ้นเขาก็ยังมีแรงเหลืออยู่ส่วนทาสหญิงคนอื่นๆก็ออกห้องไปจัดการงานที่บ้านเรียบร้อยแล้ว.
……..
แครสซัสนั้นยุ่งมากๆช่วงหลายวันนี้ เพราะเรื่องบาดหมางรุนแรงกับทางบ้านของเฮร่า.
แครสซัสไม่อยากให้ตัวเองและตระกูลต้องมาถูกตราหน้าเรื่องงานล่ม ส่วนทางเวิร์นเนอร์เองก็ไม่อยากถูกป้ายสีเช่นกัน ไมตรีที่แข็งแกร่งต่อกันกลับพังทลายในพริบตาและแทบจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่มีใครตาย แต่ก็ไม่เป็นการดีที่ทั้งสองตระกูลจะสู้กัน.
เพราะพวกเขาสู้กันอย่างรุนแรง ทางศาลของโรมจึงตัดสินใจที่จะเข้าช่วยเหลือพวกเขาให้หาทางออกผ่านวิธีการยุติธรรม.
เมื่อเย่เทียนได้ยินข่าวเขาจึงรู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องเคลื่อนไหวแล้ว.
ดังนั้นพอกินข้าวเช้าเสร็จเขาก็ขี่ม้าไปที่บ้านตระกูลเวิร์นเนอร์.
แม้ว่าบ้านตระกูลเวิร์นเนอร์จะไม่หรูหราเท่าบ้านแครสซัสแต่มันก็ดูดีและยิ่งใหญ่กว่าบ้านเย่เทียนมาก.
“บุตรเขยแห่งจูเลียส, เจ้าเองก็มาเย้ยหยันตระกูลเราเหมือนกันรึ?”
หลังจากเย่เทียนรายงานสถานตัวเองที่หน้าประตูให้ทาสฟังแล้ว, ประตูก็รีบเปิดให้เขาเข้าไปทันที, ชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาก็เดินออกมาจากด้านในแต่เขาก็ดูเดินไม่สะดวกนักน่าจะเพราะการต่อสู้กับตระกูลแครสซัสเป็นแน่. เขาดูเหนื่อยมากๆ ราวกับว่าไม่ได้หลับมาหลายวันแล้ว. เขาถามเย่เทียนอย่างดุดันตอนที่เห็นเขา.
ตระกูลเวิร์นเนอร์ตอนนี้แทบจะกลายเป็นตัวตลกไปทั่วทั้งโรมแล้ว.
“ท่านลอร์ดวิคเตอร์ครับ ณ จุดนี้โปรดอย่าให้ความโกรธของท่านอยู่เหนือเหตุผลสิครับ!”
เย่เทียนไม่ใส่ใจแล้วยิ้มบางๆพร้อมพูด “หากท่านคิดจริงๆว่าตระกูลเวิร์นเนอร์กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว งั้นตระกูลของท่านก็จะย่อยยับลงจริงๆแน่!”
“เช่นนั้น ท่านลอร์ดซาตานผู้ทรงเกียรติ, ข้าอยากทราบว่าเหตุใดท่านจึงมาที่นี่.”
พอเย่เทียนโน้มน้าว วิคเตอร์ก็ใจเย็นลงแล้วถามให้สุภาพขึ้น.
“หากท่านไม่มีความมั่นใจที่จะขึ้นศาลพรุ่งนี้ล่ะก็, ข้าคิดว่าท่านต้องการความช่วยเหลือของข้าแน่และแน่นอนหรือถ้าท่านมีความมั่นใจพอล่ะก็ โปรดคิดซะว่าการมาของข้าเพื่อช่วยเหลือชนชั้นสูงเก่า คือสิ่งที่จะทำให้ท่านมีชัยเหนือกว่าได้แน่ครับ”
เย่เทียนยิ้มแล้วอธิบายเหตุผลที่มา.
เพื่อจะเป็นทนายให้ตระกูลเวิร์นเนอร์.
แน่นอนว่าทนายมันไม่มีในยุคนี้หรอกแต่เป็นผู้พิทักษ์ต่างหาก.
“เหอะๆ…….เจ้าล้อเล่นรึ? เจ้าอยากชนะใจตระกูลเรารึ? อย่างน้อยเจ้าน่าจะแสดงความสามารถให้เราเห็นก่อนนะ!”
วิคเตอร์ยิ้มพร้อมทำท่าตลกกลบเกลื่อนหน่อยๆ.
“ไม่ครับ! มันไม่ใช่ข้าที่ต้องการไมตรีจากท่าน ณ ตอนนี้. มันคือท่านต่างหากครับที่ต้องการไมตรีจากข้า! แน่นอนว่าค่าตัวข้าก็ต้องมีด้วย!”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วพูดอย่างมั่นใจ.
“ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมากมายนั่นมาจากไหน?”
วิคเตอร์เย้ย.
“ข้ามั่นใจเพราะท่านไม่มีทางที่จะชนะในวันพรุ่งนี้แน่! ถ้าจะพูดตรงๆล่ะก็, ท่านจนตรอกแล้ว!”
“เท่าที่ข้ารู้มา แครสซัสได้ไมตรีมาจากตระกูลสุละแล้วและศาลตัดสินปีนี้ก็เป็นคนของสุละด้วย”
“ท่านมาในนามของจูเลียสรึยังไง?”
ตาของวิคเตอร์หรี่ลงแล้วน้ำเสียงเขาก็ดีขึ้น.
“ไม่, ข้ามาในนามของซาตาน!”
เย่เทียนส่ายหัวน้ำเสียงหนักแน่นมาก.
“โปรดเข้ามาก่อนสิ, ข้าหวังว่าท่านจะมาบอกข่าวดีให้ข้าฟังได้บ้างนะ!”
วิคเตอร์สูดหายใจลึกแล้วพูดช้าๆ.
“ทาราสโส, ท่านรู้หรือป่าวว่ามันหมายความว่าอะไร?”
เย่เทียนถามเบาๆ.
“ข้าไม่รู้. มันสำคัญรึ?”
วิคเตอร์ถามพร้อมขมวดคิ้ว.
“แน่นอครับ มันเกี่ยวกับเรื่องท่านมากเลย, บางทีมันอาจจะนำชัยชนะมาให้ท่านด้วยก็ได้!”
เย่เทียนพูดเบาๆ.
ทาราสโส เป็นคำพูดที่เจ้าบ่าวในโรมันจะพูดเมื่อทักทายเจ้าสาว. (ไม่มั่นใจว่ารอบก่อนผมแปลว่า ทาราสโสหรือทาราสซัสนะครับ แต่ขอใช้ทาราสโสแล้วกัน)
แต่ไม่มีใครในทั่วทั้งโรมรู้ความหมายของคำนี้, มันเป็นแค่ประเพณีที่เหลือทิ้งไว้เมื่อเนิ่นนานมากแล้วจนไม่มีใครรู้ความหมายมันอีก.
แน่นอนเย่เทียนก็ไม่รู้เช่นกัน.
แต่ทว่าเมื่อไม่มีใครรู้ความหมายจริงๆของมัน, ไม่ว่าเย่เทียนจะพูดอะไรออกมาก็ตาม มันก็จะกลายเป็นความจริงแน่.
ความสามารถในการประดิษฐ์ของเย่เทียนนั้นเยี่ยมมากถึงขนาดว่าเขาใช้เวลามากมายในแต่ละวันเพื่อทำกระดาษแผ่นนึงขึ้นมาเพื่อให้ดูเหมือนว่ามันมีอายุมากกว่าพันปีแล้วและใช้คำโบราณที่มีแต่นักบวชเท่านั้นที่เข้าใจ.
แน่นอนว่าคนเขียนคำโบราณพวกนั้นก็คือไดอาน่า.
“ทาราสโส? มันแปลว่าอะไรรึท่าน?”
วิคเตอร์ถามด้วยความสงสัย.
“ข้ายังบอกท่านไม่ได้ครับแต่แน่นอนว่าถ้าท่านขอให้ข้าปกป้องท่านล่ะก็ ข้าก็จะบอกทุกคนในศาลพรุ่งนี้เลย!”
เย่เทียนยิ้ม.
“ท่านมั่นใจจริงๆรึว่าท่านสามารถเล่นงานสุละได้?”
พอเห็นเย่เทียนมั่นใจเบอร์นี้ วิคเตอร์ก็เริ่มมีไฟ.
“ท่านจะมีอะไรตอบแทนข้าล่ะ?”
เย่เทียนถามตอบ.
“ก็ได้! ข้าจะให้ท่านเป็นผู้พิทักษ์ข้า! ท่านต้องการเท่าไหร่!”
หลังจากคิดครู่หนึ่งวิคเตอร์ก็พูดเบาๆ.
“ข้าต้องการทาสสปาตั้น20คน, เหรียญทองครึ่งทาเลนตั้มและสัญญาว่าท่านจะสนับสนุนข้าโดยไม่มีข้อแม้ไปอีก5ปี! แน่นอนว่าข้าเองก็สนใจเรื่องเงินด้วย ข้าอยากได้ครึ่งนึงที่แครสซัสจะจ่ายให้ท่าน”
เย่เทียนพูดเบาๆ.
“เหะๆ……ท่านเก่งขนาดนั้นเลยรึ?”
วิคเตอร์แทบจะบ้าไปแล้ว.
“ไม่เกี่ยวหรอกว่าข้าเก่งมั้ยแต่เกียรติของตระกูลท่านต่างหากที่เกี่ยว. ข้าหวังว่าท่านจะรู้นะว่าสิ่งใดสำคัญ! อีกอย่างคือค่าตัวของข้าที่มันแพงเพราะมีเหตุผลนะครับ!”
เย่เทียนไม่แคร์ น้ำเสียงเขาแข็งมาก.