โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 30
“ท่านปฏิเสธหญิงงามอย่างออเรเลียไปจริงๆหรือนี่?”
พอได้ยินคำตอบของเย่เทียน, ยูเลียห้ามใจให้ยิ้มอ่อนออกมาไม่ได้.
“ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจผิดอะไรมาแน่ๆ. บอกข้าได้ไหมว่าท่านหญิงยูเลียปรารถนาสิ่งใด?”
เย่เทียนส่ายหัวและถามไปอย่างสุภาพ.
“ไม่มีอะไร. ข้าแค่บังเอิญเห็นท่าน เลยแวะลงมาทักทาย….”
ยูเลียยิ้มแต่เย่เทียนไม่เชื่อคำพูดของเธอ เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกัน.
“ข้าอยากรู้จังว่าท่านซาตานมีความคิดจะเข้าร่วมกองทัพหรือไม่?”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งยูเลียจึงถามออกมา.
“เข้ากองทัพรึ?”
เย่เทียนชะงัก. เขาไม่รู้ว่าทำไมยูเลียถึงถามแบบนั้น.
“ใช่แล้ว, ออเรเลียคาดหวังกับท่านสูงมากแปลว่าท่านต้องพิเศษมากแน่นอน. ทำไมท่านไม่ลองก้าวเข้าสนามรบ, ฆ่าศัตรูให้หมดและสั่งสมบารมีล่ะ?”
ยูเลียพูดกับเย่เทียน.
“หากท่านต้องการข้าสามารถส่งจดหมายไปให้สามีข้า, แต่งตั้งให้ท่านเป็นแม่ทัพแนวหน้า!”
ยูเลียกล่าวต่อ, ทำให้เย่เทียนเข้าใจในทันที.
ยูเลียอยากจะช่วยสามีของเธอ. เพราะยังไงสามีของเธอก็แก่แล้ว. ในตอนนี้เขาอยู่ในสนามรบทางเหนือแต่เขากำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของ นายพลไร้ความสามารถอย่างลูฟัส. ยิ่งไปกว่านั้นอายุเขาก็มากแล้ว, แรงของเขาคงไม่มี และการเคลื่อนไหวของเขาก็ช้ามาก. จนถึงตอนนี้เขายังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยฉะนั้นเธอจึงกระวนกระวาย.
ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยายามทำทุกวิถีทาง เธอได้ยินมาว่าวิชาดาบของเย่เทียนนั้นสุดยอดและมีพละกำลังมหาศาลมาก. หากเขาสามารถย่างกรายไปในสมรภูมิในฐานะแม่ทัพแนวหน้าได้, เขาจะสามารถเพิ่มพลังใจให้แก่กองทัพได้ เขาสามารถพลิกสถานการณ์ได้เลย.
“ท่านหญิงยูเลียครับ, ข้าเข้าใจความรู้สึกท่านดี แต่สงครามไม่สามารถเปลี่ยนได้ด้วยตัวคนเดียวได้!”
พอรู้ว่ายูเลียกำลังคิดอะไรอยู่ เย่เทียนจึงค่อยๆพูดออกไป.
เอาจริงๆเขาก็อยากเหยียบไปในสมรภูมิ, ฆ่าพวกศัตรู และใช้บารมีของเขาปูทางให้ขึ้นเป็นใหญ่ในเวทีการเมืองในอนาคตอยู่.
แต่ทว่าตอนนี้เขาไม่มีกองทหารหรือลูกน้องเลย. ต่อให้เข้าสนามรบไปเขาก็จะถูกคนอื่นควบคุมอยู่ดี.
ด้วยเหตุนี้เขาได้วางแผนผูกสปาตั้นพวกนี้ไว้กับรถม้าของเขา แล้ววางแผนที่จะสร้างกองทัพทาสปาตั้นเล็กๆขึ้นมา เพื่อที่เขาจะได้มีชื่อเสียงในสนามรบ.
แน่นอนว่าหากเขาอยากเข้าไปในสนามรบจริงๆแล้ว บางทีกาอิอุส มาเรียสอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา. เนื่องจากกาอิอุส มาเรียสสิ้นความทะเยอทะยานไปแล้วและไม่สามารถสั่งสมบารมีได้อีก. บางทีเขาอาจจะเหมาะสมกับความต้องการของเย่เทียนก็ได้.
ที่สำคัญกว่านั้นคือเย่เทียนในตอนนี้กำลังติดพันอยู่กับรถม้าของออเรเลียไปแล้ว และกาอิอุส มาเรียสก็พูดได้ว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรของเขา.
“แน่นอน, ข้าจะพิจารณาคำแนะนำของท่าน ท่านหญิงยูเลีย แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีนัก!”
สุดท้าย, เย่เทียนก็ส่ายหัวและพูดกับยูเรียไปอย่างสุภาพ. เขาไม่เอนเอียงไปหาเธอเลย.
ในสงครามนั้นเคยมีเรื่องแบบนั้นอยู่จริงๆ, เรื่องการใช้จำนวนคนที่น้อยกว่าเพื่อเอาชนะคนมากกว่า.
ในโรมันโบราณและแม้แต่ทั่วทั้งกรีกโบราณ, พวกทหารมีความสามารถที่เก่งกาจพอที่จะสู้ตัวคนเดียวได้. แต่ทว่า หากพูดถึงสงครามจริงๆแล้วล่ะก็ พวกนี้คงเทียบกับจีนโบราณไม่ติดเลย.
ในสายตาของชาวโรมันโบราณนั้น ผู้คนสรรเสริญฮีโร่ที่มีความสามารถเก่งกาจ.
แต่ทว่าในจีนโบราณนั้นไม่นิยมชมชอบเรื่องแบบนี้, พวกเขาใส่ใจกับความสามารถในการทำงานร่วมกันของทหารมากกว่า.
สงครามในจีนโบราณนั้นจะวางแผนก่อนแล้วค่อยลงมือทีหลัง. อย่างแรกคือวิเคราะห์ปัจจัยในสนามรบแล้วก็ทำตามแผนที่วางไว้.
แม้ว่าเย่เทียนจะไม่ใช่พี่เทพด้านการทหาร, แต่เขาก็เคยอ่านหนังสือด้านการทหารมามากมายเช่น “ พิชัยสงครามซุนจื่อ, An Essay on war” แล้วก็อื่นๆ. เขามั่นใจว่าถ้าเขาเข้าไปในสนามรบแล้ว เขาสามารถก่อความแตกต่างในสนามรบได้เลยทีเดียว.
หลังจากได้รับคำสัญญาของเย่เทียนแล้ว, ยูเลียก็คุยกับเย่เทียนต่ออีกซักพักก่อนจากไป.
“สนามรบงั้นเหรอ, ชั้นจะเข้าไปเร็วๆนี้แน่!”
เย่เทียนพึมพำเบาๆ แต่เรื่องสำคัญตอนนี้คือการรวบรวมสปาตั้นเพิ่มอีกหน่อย.
ไม่ใช่แค่300 แต่อย่างน้อยน่าจะ350ขึ้นไป.
…
“นายน้อยครับ…”
เมื่อปอมปีย์กลับบ้านมาด้วยหน้าตาอึมขรึม, พ่อบ้านก็รีบเข้ามาหาและทักทาย.
“ไป! ไปเอาสปาตั้นที่เก่งที่สุด20คนในบ้านเรามานี่!”
ปอมปีย์พูดเสียงแข็งกร้าว. แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้เงินของตระกูลได้ตามใจ แต่ถ้าพวกนักรบสปาตั้นดื้อด้านพวกนั้น เขาก็มีสิทธิอยู่บ้าง.
“ซาตาน, อยากได้ทาสสปาตั้นนักใช่ไหม? ข้าจะให้!”
ปอมปีย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น, ตาของเขามีแรงอาฆาตและแผนชั่วร้ายอยู่.
ก่อนหน้านี้ เขากลัวเย่เทียนอย่างสุดขีด แต่ระหว่างทางกลับบ้านมา, ความโมโหเดือดดาลและความไม่พอใจได้ปะทุออกมาจากหัวใจของเขา ทำให้เกิดแผนชั่วร้ายนี้ขึ้นมา.
ไม่นานนัก, ทาสถูกล่ามโซ่20คนก็มาถึง. ดูก็รู้ว่าพวกนี้ยังไม่เชื่อฟัง.
พวกเขาแข็งแกร่งเอามากๆ. ใบหน้าพวกของมีแต่หนวดรุงรังเต็มไปหมด และมีรอยแผลเป็นอยู่เต็มหลังพวกเขาไปหมด, เป็นรอยแส้. และก้นบึ้งจากนัยตาของพวกเขามีแต่แสงสว่างอันโหดร้าย.
นี่คือกลุ่มของทาสสปาตั้นที่ดื้อด้าน!
“ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดพวกเรา และก็รู้ด้วยว่าอยากจะฆ่าพวกเราด้วย. แต่ข้ารู้ว่าตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเจ้าอยากได้อิสระคืนมาและกลับไปสู่แดนเกิดของตัวเอง!”
ขณะที่มองไปทางนักรบทาสเยือกเย็นเหล่านี้ ปอมปีย์ไม่แสดงอาการกลัวออกมาเลย, แต่กำลังดีอกดีใจสุดๆแทน. แรงอาฆาตของทาสสปาตั้นพวกนี้คือสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เหรอ?
“เอาล่ะ, ข้าจะให้โอกาสเจ้าข้านายทาสแล้วหลบหนีไป. ส่วนเรื่องที่เจ้าจะหนีออกนอกเมืองไปได้หรือไม่ มันก็แล้วแต่เจ้า!”
ด้วยเสียงหัวเราะอันเยือกเย็น ปอมปีย์พูดอย่างเย็นช้า. ทำให้ดวงตาของพวกสปาตั้นทุกคนกระตุกเล็กน้อย.
“ฟังให้ดี. พรุ่งนี้ข้าจะส่งเจ้าทุกคนไปให้นายทาสคนนึง. ข้าจะให้โอกาสเจ้าถอดโซ่ล่ามตัวเอง. สิ่งที่ข้าต้องการนั้นง่ายมาก, ให้รอจนกว่าจะมีโอกาสฆ่าเจ้านายทาสนั่น!”
พอเห็นตาของพวกทาสนักรบนั่นสั่น ปอมปีย์จึงพูดค่อยๆ. เขารู้ว่าแผนของเขาสำเร็จไปแล้วครึ่งนึง.
จู่ๆทาสสปาตั้น20คนก็อาละวาดออกมา เจ้าซาตานต้องไม่รอดอย่างแน่นอน!
ปอมปีย์หัวเราะอย่างเยือกเย็นในใจ.
ไม่เพียงแค่เขาจะชำระแค้นด้วยการฆ่าซาตานเท่านั้น แถมยังไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลนั่นอีกด้วย.