โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 53
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
——————————————————————————————–
เมื่อหัวปลาราดพริก, หมึกผัด, เท็ปปันยากิเนื้อ, เอ็นวัวเผ็ดและอาหารน่าอร่อยอื่นๆเสิร์ฟมาบนโต๊ะ กลิ่นหอมก็คลุ้งไปทั่วห้องรับแขก. ความหิวของออเรเลียก็ตื่นขึ้นเต็มตัว มันทำให้ต่อมรับรสของเธอตื่นเต้นมากๆ.
“มหัศจรรย์มาก, ไม่เพียงแค่ท่านทำอาหารเป็นเท่านั้น มันยังรสชาติอร่อยมากอีกด้วย. ซาตาน, ท่านนี่เป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ….”
ออเรเลียนั่งลงที่โต๊ะและอดใจให้ยื่นหน้าไปดมด้วยสีหน้าตื่นเต้นไม่ไหว.
“ขออภัยที่ข้าหยาบคาย, ไม่ใช่ความผิดข้านะ อาหารที่ท่านทำกลิ่นหอมมากๆ…”
ออเรเลียพูดอย่างเขินอายพอรู้ตัวว่าเสียมารยาท. แต่สายตาที่เธอมองไปทางเย่เทียนก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย, เธอทนรอค้นหาชายที่สุดยอดแบบนี้แทบไม่ไหว.
“ช่างเป็นเกียรติที่ข้าได้รับคำชมจากท่านหญิงออเรเลียผู้สูงศักดิ์นัก….”
เย่เทียนยิ้มและรินไวน์ให้เธอแก้วหนึ่ง.
ไวน์นี้ไม่เพียงแต่เป็นที่สุดของกรีซเท่านั้น แต่มันยังเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูงต่างๆอีกด้วย.
“ซีซาร์ตัวน้อย, ท่านอยากจะดื่มด้วยมั้ย?”
เย่เทียนลูบหัวซีซาร์อีกรอบแล้วถามด้วยรอยยิ้ม.
“ซาตาน, ซีซาร์ยังไม่ถึงวัย, ท่านอย่าพาเขาเดินทางผิดๆสิ….”
ออเรเลียกลอกตาใส่เย่เทียน, เธอช่างดูมีเสน่ห์และน่าสนใจมากจริงๆ!
“ก็ได้, ซีซาร์ตัวน้อย, ท่านคงต้องดื่มนมแพะไปก่อน….”
เย่เทียนยิ้มและยื่นแก้วนมแพะให้.
“ท่านแม่ครับ….”
ซีซาร์พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แล้วมองไปทางเย่เทียนด้วยสายตาคาดหวัง.
เขาบูชาเย่เทียนอย่างสุดใจจริงๆ เพราะเย่เทียนไม่เพียงแค่ใจดีและปล่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นคนตรงๆและแข็งแกร่งอีกด้วย.
“ดื่มนมแพะของเจ้าไป….”
ออเรเลียเมินเขาแล้วตักปลาหมึกชิ้นหนึ่งใส่ปากเคี้ยวไป. วินาทีต่อมา ตาของเธอส่องประกายแสงระยิบระยับ. จากนั้นเธอก็ไม่แคร์เรื่องภาพลักษณ์สุภาพสตรีบ้าบอของเธออีกต่อไป. ขณะสวาปามของอร่อยพวกนี้ไป, ปากของเธอก็ชมฝีมือการทำอาหารของเย่เทียนไปพร้อมๆกัน.
….
“มันอร่อยมาก! พระเจ้า ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนที่มีฝีมือทำอาหารที่เยี่ยมยอดแบบนี้อยู่บนโลกด้วย. ซาตาน, ถ้าท่านไม่เป็นเชฟถือว่าเสียชาติเกิดมาก….”
หลังจากกินจนพอใจแล้ว ออเรเลียทำเสียงเรออย่างหยาบคาย. จากนั้นเธอก็ชมเย่เทียนด้วยรอยยิ้มเขินอาย.
“ข้าวางแผนจะเปิดร้านอาหารน่ะ, ท่านคิดว่าอย่างไรครับ?”
เย่เทียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วชนกับออเรเลียเบาๆ.
พอดูมารยาทบนโต๊ะของออเรเลียและซีซาร์แล้ว, เย่เทียนนึกภาพออกเลยว่าร้านอาหารของเขาต้องเป็นที่นิยมมากแน่ๆ. ถ้าเวลามาถึง มันจะต้องมีปัญหาหลายๆอย่างตามมาแน่ถ้าไม่มีออเรเลียคอยหนุนหลัง. ดังนั้นเขาจึงอยากจะปรึกษากับเธอก่อนอันดับแรก.
“เปิดร้านอาหารงั้นรึ? นี่ท่านจะเป็นนักธุรกิจงั้นรึ? พระเจ้า, ทำไมท่านถึงคิดเยี่ยงนั้น? ถ้าชนชั้นสูงไปลงมือทำธุรกิจล่ะก็, คงถูกเหยียดหยามจากชนชั้นสูงผู้อื่นแน่. แค่แครสซัสคนเดียวก็พอแล้ว ข้าไม่อยากให้ลูกเขยข้าถูกคนอื่นเย้ยหยันหรอกนะ….”
เหมือนกับที่เย่เทียนเดาไว้จริงๆ, ออเรเลียดูเดือดและช้อคมากพอได้ยินว่าเย่เทียนวางแผนจะเปิดร้านอาหาร.
“เหยียดหยามข้ารึ? หึหึ…..พวกนั้นกล้ารึ? ถ้าข้าทำให้กระเป๋าพวกนั้นว่างและสั่งสมทรัพย์มากพอแล้วล่ะก็ ข้าจะให้พวกมันเลียรองเท้าข้าเลย. พวกมันกล้าดียังไงมาล้อเลียนข้า?”
เย่เทียนพูดอย่างไม่แคร์อะไรเลย.
ความจริงคือ ในระหว่างหมู่ชนชั้นสูงนั้น, ศัตรูตัวสำคัญที่สุดของเขาคือเจ้าแครสซัส เพราะเจ้านี่มีความคิดการณ์ไกลและควบคุมโรมจากด้านเศรษฐกิจ. ถึงแม้พวกชนชั้นสูงในสภาจะเหม็นขี้หน้าเขา, แต่ก็ทำได้แค่นินทาลับหลังเขาแค่นั้นแหละ. พอเจอต่อหน้าก็ยังต้องก้มหัวสง่าๆนั้นให้เขาอยู่ดี.
“แต่มันเป็นการขายหน้าต่อชื่อตระกูลเจ้านะ!”
ออเรเลียรู้สึกถึงความอยากได้อยากดีอันแรงกล้าของเย่เทียน, ใจเธอเองก็ซึ้งอยู่หน่อยๆเช่นกันแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เย่เทียนคิดในหัวได้เลยจริงๆ.
“งี่เง่า! หลายปีมานี้, ข้อพิพาทระหว่างบ้านเมืองและสงครามกับต่างชาติมันมากเกินพอสำหรับโรมแล้ว ฉะนั้นพวกกรมคลังคงไม่มีเงินเหลือแล้วแน่. ตราบใดที่เรายังคุมเงินได้ เราก็จะมีสิทธิ์ออกเสียงได้แน่. อีกอย่างคือ ทรัพย์สมบัติน่ะมีค่าเท่ากับอำนาจที่สุดยอดยังไงล่ะ!”
เย่เทียนค่อยๆพูด.
“ความมั่งคั่งเท่ากับอำนาจรึ?”
ออเรเลียสับสนกับความจริงที่เย่เทียนเพิ่งพูดไป.
“ยกตัวอย่างเช่น, ในสงครามจลาจลกับพันธมิตร ณ ปัจจุบันนี้, กองทัพโรมนั้นพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า. ฉะนั้นการขาดเสบียงและทหารก็เกิดขึ้นมา. ท่านคิดว่าพวกชั้นสูงในสภาจะมีปัญญาจ่ายบำนาญทหารด้วยเงินตัวเองงั้นรึ? ไม่เลย, พวกมันทั้งโลภและคอยดูดเลือดเนื้ออย่างกับแวมไพร์. แต่ถ้าข้ามีเงินพอและเวลามาถึงล่ะก็, เราสามารถต่อรองกับสภาและจ้างทหารของเราเองได้ ในขณะที่เราเองก็สร้างกองทัพทหารนับหมื่น. หัวหน้าทัพก็จะเป็นคนของเรา. กองทัพนั้นคือสิ่งที่แสดงว่าเรามีอำนาจเหลือล้นใช่รึป่าวล่ะครับ?”
เย่เทียนยิ้มและอธิบายให้ออเรเลียฟังอย่างช้าๆ. คำพูดของเขาทำให้ตาของซีซาร์เป็นประกาย, ออเรเลียเองก็สนใจเช่นกัน.
“ร้านอาหารนี่ทำเงินได้เยอะขนาดนั้นจริงๆหรอ?”
ออเรเลียถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น.
“ท่านเองก็มองออกแล้ว ไม่ใช่หรือครับ? ร้านอาหารน่ะมันแค่เริ่มต้นเอง, ท่านหญิง.”
เย่เทียนยิ้มอย่างมั่นใจ สุกสว่างดั่งอาทิตย์.
“แล้วก็, ข้าสาบานกับพระเจ้าได้เลยว่าเมื่อร้านอาหารทำกำไรได้แล้ว ข้าจะให้ส่วนแบ่งกำไร1% เป็นเงินในกระเป๋าของท่าน”
พอคิดอยู่พักหนึ่ง เย่เทียนก็สัญญากับออเรเลีย.
“กำไร1%รึ? เจ้านี่ใจกว้างจังนะ? เอ่อ….แล้ว ข้าต้องทำอะไรล่ะ?”
ออเรเลียตกใจพร้อมกับมึนๆเล็กน้อย แต่ก็ดีใจ . แล้วก็ตั้งสติกลับมาถามเย่เทียนได้.
“ช่วยข้ากำจัดพวกแมงวี่แมงวันที่น่ารังเกียจและพาพวกสตรีชั้นสูงมาชิมอาหารที่นี่ก่อนสิครับ!”
เย่เทียนยิ้มและตอบอย่างนิ่มนวล. เขาเป็นแค่ชนชั้นสูงหน้าใหม่, ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง, ไม่มีคนช่วยเลย. ถ้าเขาสามารถร่วมมือกับออเรเลียได้ มันก็จะเป็นการเลี่ยงปัญหาได้เยอะเลยทีเดียว.
“ได้สิ…..”
ออเรเลียรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแล้วพูดว่า “1เปอร์เซ็นต์นี่มันดูน้อยนะ จริงมั้ย?”
“ครับ, แต่ข้าจะให้เคช่า, คู่หมั้นของข้า5เปอร์เซ็นต์จากกำไร เป็นค่าสินสอด!”
เย่เทียนพูดต่อ.
“โอเค, ถ้าเจ้านึกถึงคู่หมั้นเจ้าแบบนี้ ข้าตกลงก็ได้!”
พอคิดอยู่สักแปปหนึ่ง, ออเรเลียก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่พอใจมาก.
“ขอให้เราร่วมมือกันได้ด้วยดี….”
เย่เทียนยกแก้วขึ้นแล้วชนกับเธอเบาๆ.
“ด้วยพรของพระเป็นเจ้า ขอให้สิ่งที่เจ้าหวังเป็นจริง….”
ออเรเลียยิ้มและชนกับเย่เทียนเบาๆ.
เย่เทียน, ชายที่เยี่ยมยอดคนนี้เริ่มดูลึกซึ้งขึ้นไปทุกทีๆ, ออเรเลียคิดเช่นนี้, หรือไม่เธอก็ไม่เคยเข้าใจเขาจริงๆตั้งแต่เริ่มเลยด้วยซ้ำ.