โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 67
“วิคตอเรียทำเรื่องใหญ่ไปไหมเนี่ย”
มันทำให้เย่เทียนรู้สึกตะลึงไปเลย.
เขารู้ว่าสาวหมาป่ากำลังมาแต่เขาไม่ได้คิดเลยว่าถ้าเธอถูกพบตัวแล้วเธอเลือกที่จะฆ่าแทน และทุกคนที่พยายามจะหยุดเธอถูกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างโหดร้าย.
“โฮ่ง!”
ด้วยเสียงคำรามนั้น ยามหลายคนก็ถูกส่งขึ้นไปบนเพดานแล้วตกลงมาอย่างรุนแรง. คอพวกเขาทุกคนถูกเฉือนและเลือดก็กระฉูดออกมา.
“พระเจ้าช่วย!”
“ช่วยด้วย…”
“มานี่ ทหาร, ทหาร….”
สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่กำลังปาร์ตี้กันอยู่เมื่อกี้ก็กรีดร้องออกมา พวกเขาพยายามกอดกันไว้ด้วยหน้าซีดและตัวสั่น.
“อยู่หลังข้าไว้!”
เย่เทียนพูดกับออเรเลีย, ซีซาร์, ยูเลียและท่านหญิงฉินน่าแล้วพาพวกเขาออกจากฝูงชน. เพื่อป้องกันการถูกเหยียบเขาเลยพลิกโต๊ะหินเพื่อหยุดคนกรูกันเข้ามาทางนี้.
“ซาตาน, นั่นตัวอะไร?”
พอเห็นเย่เทียนยืนอย่างสงบนิ่งตรงหน้าและร่างกายที่แข็งแกร่งคอยปัดเป่าอันตรายให้ ออเรเลียกับยูเลียก็รู้สึกปลอดภัย. ซีซาร์เองก็โล่งอก. ในเวลาเดียวกันเขาก็มองไปที่เย่เทียนอย่างใจจ่อ.
ขณะทุกคนกำลังลนลานมีเพียงน้องเขยของเขาเท่านั้นที่ดูสงบนิ่ง, เขาดูสงบอยู่ตลอดเวลามากและเป็นคนแรกที่เข้ามาปกป้องพวกเขา.
นี่แหละคือนักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุด!
ท่านหญิงฉินและยูเลียเองก็เกือบจะหลงเสน่ห์ของเย่เทียน, สามีของพวกเธอนั้นชราเกินกว่าจะทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยแบบนี้ได้.
“ข้าเองก็ไม่ทราบครับ, มันน่าจะเป็นหมาป่าไม่ก็หมีและอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดในตำนานก็ได้. บ้าเอ๊ย, บางทีแครสซัสอาจจะไปทำให้ใครไม่พอใจเลยส่งสัตว์ประหลาดมาพังงานแต่งงานแบบนี้ก็ได้!!”
เย่เทียนส่ายหัวบอกว่าเขาไม่รู้อะไรเลยในขณะเดียวกันเขาก็โบ้ยไปที่แครสซัสเพื่อทำให้ตัวเองรอดจากเรื่องนี้.
ทำไมสัตว์ประหลาดถึงมาพังงานแครสซัสและขโมยเจ้าสาวได้หรอ?
ถ้าแครสซัสไม่หมิ่นพระเป็นเจ้าแล้วจะมีเหตุผลไหนอธิบายได้ดีกว่านี้อีก?
คงจะล้อเล่นแน่ๆใครมันจะมีพลังพอจะควบคุมสัตว์ที่น่ากลัวแบบนี้?
แต่ทว่า เย่เทียนเองก็รู้ว่าสาวหมาป่าทำเกินไปจริงๆงานนี้. พ้นคืนนี้ไปเขาจำเป็นต้องซ่อนตัวเธอสักพัก.
“ข้ารู้ว่าเจ้าบ้าแครสซัสนั่นไม่ใช่คนที่ดีเด่นักหรอก. เขาสมควรโดนแล้วแต่ไม่เห็นจะต้องให้พวกเราไปพัวพันด้วยเลยหนิ…”
ยูเลียบ่นออกมา เมื่อตะกี้นี้เธอกลัวสุดขีดจริงๆ.
“แครสซัส, น่าสงสารจริง, ข้าหวังว่าเขาจะรับมือได้….”
ความรู้สึกเวทนาโผล่ขึ้นมาในตาของออเรเลีย.
ท่านหญิงฉินน่าไม่พูดใดๆ, ตาของเธอจับจ้องอยู่แต่ร่างกายสูงและกำยำของเย่เทียนเท่านั้น.
“ท่านน้องเขยของข้า, สัตว์ประหลาดมีอยู่จริงงั้นรึครับ?”
ซีซาร์ถามด้วยความสงสัย.
“ข้าว่ามีแต่พระเป็นเจ้าเท่านั้นที่จะรู้แต่มันอาจจะเป็นสัตว์ที่เราไม่รู้ก็ได้, เราเลยเรียกพวกมันว่าสัตว์ประหลาดได้อย่างเดียว. พูดง่ายๆคือข้าหวังว่ามันจะไม่ทำร้ายเรานะ…”
เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นซึ่งมันทำให้พวกเขาตัวสั่นขึ้นไปอีก.
“โฮ่ง!!”
มีเสียงเห่าดังขึ้นมาอีก, มีศพบินไปมา, มีศพหนึ่งหล่นลงมาข้างๆพวกเขา เลือดกระเด็นไปหมด, ออเรเลียและยูเลียกลัวมาก, พวกเธอเข้าไปกอดแขนของเย่เทียนพร้อมๆกัน, เพื่อที่จะหาความปลอดภัยแล้ว พวกเธอไม่ลังเลที่จะเอาแขนของเขาซุกไว้ในร่องอกเลย.
“ยาม….”
“บ้าเอ๊ย, โจมตีสัตว์ประหลาดซะ, เจ้าโง่เอ้ย ทำไมไม่ยิงมันด้วยธนูเล่า?”
แครสซัสคำรามอย่างบ้าคลั่ง, สูญเสียสติไปหมดแล้ว.
“โฮ่ง!”
สาวหมาป่าหยุดแล้วขู่ทุกคนที่อยู่ด้านล่างบันไดแล้วเผยตัวเธอให้เห็นร่างของเธอที่ปกคลุมไปด้วยขนสีทองที่เจิดจรัสออกมาเพราะไฟของคบเพลิง. แต่ทว่าใบหน้าของเธอไม่สามารถเห็นได้เพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยขนสีทอง.
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือมือของเธอเต็มไปด้วยเลือด.
มันดูน่ากลัวมากๆ.
“อะไรน่ะ…..”
“สัตว์ประหลาด, สัตว์ประหลาดอะไรกันเนี่ย”
“โอ้พระเจ้านั่นมันสัตว์ประหลาดอะไรกัน…”
แขกทุกคนล้วนหวาดกลัวและหน้าซีด, พวกเขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง.
“ฟุ่บ!”
สาวหมาป่าหายตัวไป.
“โครม!”
วินาทีต่อมาประตูห้องเจ้าสาวก็ถูกพังทันที. หัวใจทุกคนแทบจะหยุดเต้น.
“อะไรน่ะ….”
เสียงร้องหวาดกลัวของเจ้าสาวดังขึ้นมา.
“เฮร่า….”
แครสซัสโกรธเลือดขึ้นหน้า. เขาตะโกนออกไปอย่างดัง. เขาชักดาบออกมาแล้วพยายามเดินขึ้นไปชั้นสอง.
“โฮ่ง!!”
แต่ทว่ารอบนี้สาวหมาป่าส่งเสียงขู่แล้วรีบออกมา ทำให้แครสซัสกลัวแล้วถอยไปอย่างเร็วจนล้ม.
“พระเจ้า…”
พวกแขกช้อคเพราะสัตว์ประหลาดออกมาพร้อมกับเจ้าสาวของแครสซัสในมือเธอ.
“โฮ่ง!”
สาวหมาป่าคำรามออกมาแล้วเธอก็พาเจ้าสาวของแครสซัสออกไปจากชั้น2ผ่านหน้าต่างแล้วหายไปในความมืด.
“ตามมันไป!!”
แครสซัสตะโกนใส่กลุ่มทหาร ณ ตอนนั้นใจเขาแทบจะทะลักออกมา.
ในคืนวันแต่งงาน, สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเข้ามาพังงานแต่งและฆ่าคนไปมากมาย, ทำให้งานเลี้ยงเต็มไปด้วยเลือด. แล้วสัตว์ประหลาดนั้นก็ลักพาตัวเจ้าสาวแล้วจากไป.
หลังจากคืนนี้เขาจะกลายเป็นตัวตลกในโรมและตระกูลของเขาก็จะอับอายเพราะเรื่องนี้.
แต่ทว่าไม่มีใครสนใจแครสซัสเลย. สัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่งได้จากไปแล้ว ใครจะกล้าไปยั่วยุมันอีก?
“ล้อข้าเล่นงั้นเรอะ?”
“ไอ้เ*ี้ยเอ้ย!!”
แครสซัสอยากจะร้องไห้ออกมา เขาชกพื้นอย่างรุนแรง, ความเจ็บปวดนั้นเทียบไม่ได้กับความเจ็บในใจเขาเลย.
“พระเจ้า ทำไมสัตว์ประหลาดนั่นถึงลักพาตัวเจ้าสาวไป?”
ในความเงียบสงัดนั้นในที่สุดก็มีคนถามคำนี้ขึ้นมา.
“ใช่, ใครจะอธิบายได้ว่าทำไมสัตว์ประหลาดถึงลักพาตัวเจ้าสาวไป?”
“บ้าเอ๊ย, ข้าไม่สนหรอกนะว่าทำไมสัตว์ประหลาดถึงพาตัวเจ้าสาวไป. ข้ารู้แค่ว่าข้าเกือบจะถูกฆ่าแค่เพราะมางานแต่งบ้าๆนี่!”
“ใช่แล้ว, โรมวุ่นวายพอแล้ว, ยังมาเกิดเรื่องบ้าแบบนี้ขึ้นอีก!”
“แครสซัส, ข้าต้องการค่าทำขวัญ. ตะกี้ยาม2คนของข้าตายอยู่นี่, งานแต่งบ้าๆนี่!”
พวกชนชั้นสูงที่กำลังหวาดกลัวไม่สนใจใยดีแครสซัสอีกต่อไปแต่กลับระบายความโกรธและความไม่พอใจออกมา.
วันนี้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างจริงจัง, พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบนั้นมาก่อนแม้แต่คนตาขาวบางคนแทบจะเยี่ยวเล็ดออกมา.