โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 86
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
——————————————————————————————–
“ฟิลิปต้องการส่วนแบ่ง15%จากเมืองจากนั้นก็เหลืออยู่85%. ตระกูลจูเลียส, ฉินน่า, กาอิอุส มาเรียสและตระกูลออเรเลียส ค้อตต้าจากฝั่งท่านแม่ของข้า แล้วก็เจ้าทั้งหมดก็5, เราจะแบ่งส่วนแบ่งระหว่าง5กลุ่มนี้ยังไงดี?”
ออเรเลียถามเย่เทียนด้วยความเครียด.
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่เทียนนั้นตัวจ้อยที่สุดจากทั้ง5, ไม่ใช่ตระกูลด้วยซ้ำและเขาก็ไม่จำเป็นต้องเล่นบทบาทอะไรมากมายด้วยตอนที่สู้กับพันธมิตรของสุละ, พูดอีกอย่างคือจะมีหรือไม่มีเขาก็ได้.
แม้ว่าเย่เทียนจะเป็นตัวกลางแต่ตระกูลอื่นๆก็คงไม่ยอมแน่ถ้าเขาจะได้ส่วนแบ่งเท่ากับพวกเขา.
ถึงยังไงพวกเขาก็ต้องกดดันสุละและปกป้องเย่เทียนไปด้วย. มันคงดูไม่สมเหตุสมผลถ้าเย่เทียนจะได้ส่วนแบ่งเท่าพวกเขา.
ท้ายที่สุดแล้วคนเราก็ต้องเห็นแก่ครอบครัวตัวเองมาก่อนคนนอกเสมอ.
“โอ๊ะ…ไม่ต้องเครียดเรื่องข้ามากหรอกครับและข้าก็รู้จุดยืนของข้าดี. จากส่วนแบ่ง85%นั้นข้าจะขอแค่5%ครับ แล้วก็เหลืออีก80%, พวกท่านก็จะได้แบ่งเท่าๆกันได้ ดังนั้นทุกตระกูลก็จะได้เท่ากัน20%! ข้าคิดว่าท่านคงไม่มีข้อคัดค้านอะไร”
เย่เทียนยิ้มแล้วพูด ทำให้ออเรเลียกับซีซาร์ตกใจอย่างมากจนถึงขนาดช้อคไปเลย.
พออยู่ต่อหน้าความยั่วยวนที่จะได้เงินมากมายมหาศาลขนาดนั้น เย่เทียนกลับสามารถทำตัวนอบน้อมโดยไม่ฝืนใจได้อีกด้วย.
ไม่มีใครมีนิสัยแบบนี้หรอกนะ!
ในสายตาของออเรเลียกับซีซาร์ตอนนี้ ภาพลักษ์ของเย่เทียนดูยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก.
“ซาตาน, เจ้าแน่ใจรึ?! นี่เจ้าไม่รู้หรอว่าผลประโยชน์นี้มันมากมายแค่ไหน?”
ออเรเลียถามเย่เทียนด้วยความช้อค.
“ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะครับ, ไม่งั้นข้าคงไม่มาหาท่านจริงมั้ย?”
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ, เย่เทียนก็พูดอย่างช้าๆ “แต่ทว่าข้ารู้ตัวในสถานการณ์นี้ดี. การเผชิญหน้าครั้งต่อไปก็จะมีเพียงแค่ท่านที่ต้องหน้าส่วนข้านั้นก็ทำได้แค่หลบอยู่หลังท่านแล้วก็นั่งเชยชมส่วนแบ่งขณะเชียร์พวกท่านแค่นั้นเอง ดังนั้น5%ก็เพียงพอสำหรับข้าแล้ว! เหตุผลอย่างเดียวที่พันธมิตรเราจะหวั่นไหวก็คือการแบ่งส่วนแบ่งไม่เท่ากันนี่แหละครับ! ข้าถอยตัวก่อนเพื่อให้พวกเราอยู่ด้วยกันได้!”
คำพูดของเย่เทียนนั้นดูพิลึกแต่ก็จริง.
“อาจารย์ครับ ท่านคือชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ข้าเคยพบเลย!!”
ซีซาร์ยกย่องเย่เทียนสุดขีดและรู้สึกตื้นตันกับความคิดและนิสัยของเขามากๆ.
ตาของออเรเลียเองก็ส่องประกายสว่างกว่าเดิม.
บางทีชายคนนี้อาจจะดูแย่และชั่วร้ายแต่ส่วนใหญ่แล้วเขาก็เป็นคนน่าประทับใจมาก.
คนเราไม่ได้ดีเด่ไปซะหมดหรอก! แต่เพราะเขาเป็นอย่างงี้เลยทำให้เธอทั้งรักและเกลียดเขา!
“มันไม่ได้เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่หรอกนะ, มันเกี่ยวกับการวิเคราะห์สถานการณ์. หากเจ้าอยากจะก้าวไปไกลกว่านี้, อยากจะได้มากกว่านี้, เจ้าต้องรู้จักยอมเสียสละบ้าง, เสียสละแค่ชั่วคราว! ความจริงข้าก็แค่อยากจะทำเงินและอย่างน้อยได้ไมตรีจากพวกเขาบ้างแค่นั้น”
เย่เทียนยิ้มแล้วลูบหัวซีซาร์พร้อมอธิบายให้เขาฟัง.
“แหงอยู่แล้วสิ, ชายคนนี้มองสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นเสมอแหละ…”
ออเรเลียรู้สึกชื่นชมเขามากกว่าเดิมอีกครั้ง.
“แน่นอนว่าข้ายอมเสียผลประโยชน์ไปมาก. แต่ข้าก็หวังว่าจะได้กากแร่ที่เหลือบ้าง. ข้าว่าท่านคงไม่ค้านอะไรใช่ไหมครับ?”
เย่เทียนยิ้มแล้วถามออเรเลียเบาๆ. ในส่วนลึกในดวงตาของเขานั้น มีความตื่นเต้นอยู่.
ใช่แล้ว, กากแร่พวกนั้นคือสิ่งที่เย่เทียนต้องการจริงๆต่างหาก, มันคือของที่สำคัญที่สุดและเป็นปลาใหญ่ตัวจริง.
มันจะมีแร่เหล็กสมบูรณ์เยอะขนาดนั้นอยู่ในเหมืองได้ยังไงกันเล่า? ต่อให้มันมีเยอะจริงมันก็คงจะเป็นแค่ตมแร่. (ore mud เป็นดินแดงๆที่น่าจะมีแร่เหล็กอยู่ในนั้นครับ ผมไม่รู้จะใช้คำไหน)
ด้วยความสามารถด้านการถลุงแร่ของโรมันในยุคนี้คงจะไม่มีทางที่จะสามารถแยกแร่เหล็กออกมาจากตมแร่ได้เลย.
แต่มันสามารถถลุงได้สำหรับเย่เทียนที่มาจากอนาคต!
เขาสามารถใช้เทคโนโลยีจากอนาคตเปลี่ยนขยะให้เป็นสมบัติได้, เปลี่ยนตมและเศษแร่ทั้งหมดให้กลายเป็นเหล็กกล้าชั้นดีได้.
เย่เทียนสามารถซื้อเหมืองร้างถูกๆมาทำได้เลยมั้ง!
ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก, ทองแดง, เงิน, ทองเขาก็จะซื้อมันมาให้หมดแล้วแยกแร่ออกจากตมให้ดู.
แล้วตอนนั้นเขาก็จะกลายเป็นเจ้าพ่อแร่ที่ใหญ่ที่สุดในโรม.
นี่แหละคือข้อดีจากอนาคตของเขาล่ะ!
ความรู้คือพลัง!
ไม่มีใครคิดหรอกว่าเจ้าเพี้ยนจากอนาคตจะโผล่มาในยุคนี้. การปรากฏตัวของเขาจะต้องทำลายประวัติศาสตร์อันยาวนานของโรมแน่….
“กากแร่? ต่อให้เจ้าไม่ขอ เราก็ไม่อยากได้มันหรอก! ตอนนี้ข้าแค่สงสัยว่าเจ้าจะเอามันไปทำอะไร?”
พอได้ยินเย่เทียนขอเงื่อนไขที่ฟังดูประหลาด, ออเรเลียก็ตัวแข็งแล้วถามเขาด้วยความสงสัย.
“เป็นความลับครับ. มันเป็นประโยชน์กับข้าแน่!”
เย่เทียนยิ้มแล้วไม่อธิบายต่ออีก ซึ่งนั่นทำให้ออเรเลียรู้สึกถึงความไม่พอใจหน่อยๆในตัวเธอ.
“จะว่าไปแล้วท่านคิดว่าตระกูลกาอิอุส มาเรียสจะร่วมมือกับท่านหรือป่าวครับ?”
เย่เทียนถามด้วยความสงสัย.
“ไม่ต้องสงสัยเลย, แน่นอนอยู่แล้ว! ต่อให้พวกเราไม่เคยมีความสัมพันธ์ด้านผู้นำกันมาก่อน, พอได้ยินคำพูดของเจ้าแล้ว พวกเข้าก็จะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อหยุดยั้งสุละไม่ให้ได้เหมืองนั่นไปแน่! พวกเราออเรเลียสและกาอิอุส มาเรียสอยู่เรือลำเดียวกันอยู่แล้ว, พวกเราไม่ได้สนับสนุนมาเรียสจริงจังนัก แต่พอเจ้าพูดบวกกับผลประโยชน์แล้วล่ะก็ไมตรีของพวกเราก็จะแน่นแฟ้นขึ้น! เพราะถึงยังไงเราก็มีส่วนแบ่งตั้ง20% ซึ่งน่าจะพอใช้ล่อใจพวกเขาแน่!”
ออเรเลียพูดโดยไม่คิดเลย เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงที่มักใหญ่ใฝ่สูงอยู่แล้ว. แม้ว่าความคิดของเธอนั้นจะไม่กว้างไกลเท่าเย่เทียน แต่นางก็เข้าใจสถานการณ์ดี.
“ดีเลยครับ, วันนี้ข้าได้คุยแค่ท่านคนเดียว. พรุ่งนี้ไม่ก็ตอนที่ท่านสะดวก, ให้ท่านเชิญพวกเขาทุกคนมาในโอกาสเลี้ยงสังสรรค์เถอะครับ. เรามาสร้างพันธมิตรกันอย่างลับๆกันดีกว่า”
เย่เทียนคิดแล้วตอบออเรเลีย.
“ได้, คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก. แต่เรายังต้องบอกข้อมูลนี้ให้เจ้าบ้านที่สนามรบรู้หน่อย!”
ออเรเลียพยักหน้าแล้วพูด.
“ครับ, ก็จำเป็นอยู่แต่ระวังถูกคนอื่นขโมยไปล่ะครับ!”
เย่เทียนอธิบาย.
“ไม่มีทาง, ไม่มีใครกล้าขโมยจดหมายตระกูลแน่!”
ออเรเลียยิ้ม.
“เยี่ยมเลยครับ, ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเราจะคิดแผนดีๆไว้เป่าชื่อเสียงของสุละให้กระจุยแล้ว!!!”
เย่เทียนยิ้มอย่างเยือกเย็นด้วยสายตาสนุกสนาน.
แม้ว่าเขายังไม่เคยพบกับสุละ, เย่เทียนก็ไม่สนว่าจะปล่อยหมัดใส่เขาก่อนหรือป่าว เพราะยังไงเขาก็ถูกชะตาลิขิตมาให้เป็นศัตรู.