โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 90
นางหมาป่าจ้องมาทางเย่เทียนอย่างเลือดเย็นราวกับว่าเธอจะกลืนกินเขาทุกเมื่อ.
เย่เทียนเองก็จ้องเธอกลับ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัวและความรู้สึกตื่นเต้น.
ช่างน่าเกรงขาม, ช่างน่ากลัวจริง!
มันน่าจะเจ๋งมากถ้าเขาได้หมาป่าตัวเมียที่น่าเกรงขามมาขี่. นี่คือ “รถสปอร์ท” ที่เจ๋งสุดเด่นสุดในยุคนี้เลย.
“โฮ่ง!”
นางหมาป่าดูเหมือนจะอ่านสายตาของเย่เทียนออก, ซึ่งทำให้เธอไม่ชอบอย่างมาก. เธอกระดิกเท้านิดเดียวก็แทบจะหายไปในเงามืดแล้ว จากนั้นเธอก็พุ่งไปหวังจะฆ่าเขา.
“ฮ่า!”
เย่เทียนตะโกนอย่างดังแล้วยกโล่ขึ้นมาไว้ด้านหน้าเขา.
“ปั้ก!”
เย่เทียนรู้สึกถึงแรงช้อคในร่างกายและพลังอันน่ากลัวที่มาจากนางหมาป่าที่ชนกับโล่เข้า ทำให้เขาถึงกับถอยหลังไปเลย. ที่น่ากลัวที่สุดคือตอนปะทะกับโล่นั้น โล่มันถูกขยี้ไปสองส่วนไปแล้ว.
“ตู้ม!”
เย่เทียนไม่มีเวลามานั่งคิดแล้ว พอได้ยินเสียงดังขึ้นมาเขาก็โยกหลบทันที.
“แฉว้ก!”
กรงเล็บหมาป่ายักษ์ข่วนไปตรงที่เย่เทียนยืนอยู่ตะกี้, หินแข็งๆตรงนั้นมีรอยข่วนขึ้นมา.
“เวรเอ้ย หมาตัวเมียนี่มันกินกล้วยไม้เลือดไปเท่าไหร่วะ, น่ากลัวชิบเป๋ง!”
เย่เทียนกลัวเพราะพลังของนางหมาป่ากลายพันธุ์ตัวนี้เกินความคาดหมายของเขาไปมาก. มันน่ากลัวมาก!
“โฮ่ง!!”
พอเห็นเย่เทียนตกอยู่ในอันตราย, วิคตอเรียก็พุ่งตรงเข้ามาที่นางหมาป่าด้วยเสียงคำราม. เห็นได้เลยว่านางภักดีต่อเย่เทียนขนาดไหน.
“ฝุ่บ!”
แต่ทว่าเธอก็ยังอ่อนแอมากเมื่ออยู่ต่อหน้านางหมาป่า. นางตะปบเธอเบาๆ เธอก็กลิ้งออกด้านข้างไป.
เห็นได้ชัดเลยว่านางหมาป่านั้นเมตตาเธอมาก ไม่งั้นแล้ววิคตอเรียคงเจ็บตัวแน่.
“โฮ่ง!!”
แต่วิคตอเรียก็ลุกขึ้นมาแล้ววิ่งกลับไปหาเย่เทียนอีกครั้งแล้วยืนอยู่ด้านหน้าเขาแล้วแยกเขี้ยวใส่นางหมาป่าพร้อมกับส่งสายตาอ้อนเบาๆ.
“ดีมากวิคตอเรีย, ทีนี้ถอยไปซะ!”
เย่เทียนพูดกับวิคตอเรียแล้วค่อยๆชักดาบออกมา.
ใช่, ถึงแม้ว่านางหมาป่าจะแข็งแกร่งมาก, แล้วถ้าเขาลองสู้กับนางมือเปล่า เย่เทียนคงไม่ใช่ศัตรูเธอแน่ แต่ก็อย่าลืมว่าคนเราก็มีอาวุธเหมือนกัน.
“โฮ่ง!!”
แน่นอนพอนางหมาป่าเห็นเย่เทียนชักดาบขึ้นมา, สายตาของนางก็เริ่มระมัดระวังขึ้นและนางก็ไม่กล้าโจมตีมั่วซั่วอีกต่อไป. เพราะนางรู้ว่าถ้านางกระโดดขึ้นไปล่ะก็ นางคงถูกดาบฟันแน่.
เย่เทียนเองก็ไม่กล้าโจมตีนางเช่นกันแต่กลับเผชิญหน้ากับเธออย่างเยือกเย็น.
เพราะความต่างระหว่างความแข็งแกร่งและความเร็ว, เย่เทียนคงไม่โง่โจมตีก่อนแน่.
ในตอนนั้นเอง, จิตวิญญาณการต่อสู้อันแข็งแกร่งก็แผดไปทั่วร่างของเขาจนทำให้สายตาเย็นชาของนางหมาป่าเปลี่ยนไปเป็นสายตาหนักแน่นหน่อยๆขณะนางเริ่มเดินไปรอบๆเย่เทียนเพื่อพยายามหาจุดอ่อนของเขา.
ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอาวุธในมือล่ะก็ นางคงพุ่งไปฉีกมันเป็นชิ้นๆไปแล้ว แต่เธอรู้สึกว่ามนุษย์ตนนี้แข็งแกร่งมากจนมันทำให้เธอได้กลิ่นอันตรายตอนที่เขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับอาวุธ.
“โฮ่ง!”
ในที่สุดนางหมาป่าก็หมดความอดทน, เธอถีบขาหลังลงพื้นอย่างแรงแล้วพุ่งไปหาเย่เทียน. แต่นางก็ไม่เปิดจุดอ่อนทั้งๆที่ร่างกายใหญ่ขนาดนั้น. เย่เทียนยังคงส่งออร่าน่าเกรงขามออกมาอย่างแรง.
“ตาย!”
เย่เทียนไม่ถอยกลับแต่เอาดาบฟันไป.
“เกร๊ง!”
ดาบปะทะกับกรงเหล็บแหลมๆของหมาป่า, เย่เทียนโดนผลักกลับไปด้วยพลังมหาศาล, นางหมาป่าเองก็รู้สึกแย่กว่ามาก กรงเล็บของเธอถูกดาบฟันเข้าเลือดไหลออกมา.
“โฮ่ง!!”
นางหมาป่าที่บาดเจ็บเริ่มดุร้ายมากขึ้น, นางกระโจนเข้าหาเย่เทียนแทนที่จะจัดการกับแผล.
“ฟุ่บ!”
เย่เทียนโยนดาบไปหานางหมาป่าโดยตรง.
“โฮ่ง!”
พอเห็นดาบบินมาหา นางหมาป่าก็ก้มตัวหลบไปข้างๆ.
“ตายซะ!”
เย่เทียนโจมตีอีกครั้งด้วยมีดแหลมๆในมือ.
“……”
นางหมาป่าตะลึง. ดาบมันพุ่งออกมาแล้วจะมีอีกเล่มได้ยังไง?
“ตาย!”
เย่เทียนกระโดดขึ้นไป, มีดแหลมๆพุ่งเข้าไปทางนางหมาป่า. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้านางถูกแทงเข้า อย่างน้อยนางก็จะเจ็บหนักมากถ้าไม่ตาย.
“ฟุ่บ!”
ช่วงเวลาคับขันนั่นเอง นางหมาป่าก็พลิกตัวเธอหลบมีดเลี่ยงส่วนสำคัญของเธอ แต่เธอก็ยังมีแผลถูกเสียบและเลือดก็ไหลออกมา.
“โฮ่ง!!”
นางหมาป่าคำรามอีกครั้งแล้วเริ่มดุร้ายมากขึ้นไปอีก นางหันหัวมาทางเย่เทียนแล้วพยายามจะกัดเขา.
“เชี่ยเอ้ย!”
เย่เทียนทิ้งมีดในมือไปเพื่อหลบปากของนางหมาป่า แล้วเอาแขนรัดคอนางไว้อย่างแน่น.
“โฮ่ง!”
คอของนางหมาป่าอยู่ในอ้อมแขนของเย่เทียนและนางก็เริ่มบ้าคลั่งเพราะกำลังของเย่เทียนนั้นมากพอที่จะบีบคอเธอ. เสียงของเธอดูแหบตอนที่ร้องออกมา.
“ฉึ่กก!”
“แฉว่ก!”
…
กรงเหล็บแหลมๆของเธอฉีกร่างของเย่เทียนเข้าแล้วนางก็พยายามจะสลัดเขา, เลือดสาดนองออกมา.
“บ้าไหมล่ะ? เออ! ชั้นจะบีบคอแกให้ตายเลย!!”
เย่เทียนอดทนกับความเจ็บปวดที่ร่างกาย ดวงตาของเขาดูเยือกเย็นมาก, พละกำลังทั้งหมดของเขาถูกส่งไปที่แขนเพื่อบีบคอหมาป่าตัวนั้น.
“โฮ่ง!”
“โฮ่ง!”
…..
นางหมาป่าสลัดตัวไปมาแล้วคำรามใส่เย่เทียนอย่างบ้าคลั่ง, จนเขาโดนเหวี่ยงไปถึงกลางอากาศแต่นางก็รู้ตัวแล้วว่าสบัดเขาไม่หลุดแน่, ระหว่างการสะบัดอย่างรุนแรงนั้น ออกซิเจนก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานสมองเธอก็ขาดออกซิเจน, แรงของเธอก็ค่อยๆอ่อนลง.
“สิโรราบให้ชั้นไม่ก็ตายซะ!!”
พอรู้สึกว่าแรงของนางหมาป่าค่อยๆลดลงแล้ว เย่เทียนก็คำรามออกมาอย่างน่าเกรงขาม.
“………..”
นางหมาป่าไม่ส่งเสียงใดๆ, จริงๆคือเธอไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ก็เธอพูดไม่ได้.
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่เธอรู้สึกว่าความตายกำลังจะมาหา.
“คิดดูสิ, เจ้าได้ทำลายขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตไปแล้วนะ ถ้าจะตายแบบนี้คงจะน่าเวทนาแย่!”
หลังจากคำรามอย่างห้าวหาญเย่เทียนก็พยายามโน้มนาวเธอ.
“……”
เย่เทียนไม่ได้คำตอบจากเธอเขาจึงไม่กล้าปล่อยนางไป. เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีรัดคอเธอจนเธอเลิกขัดขืน แต่เขาก็ไม่ปล่อยเธอไปเพราะสปิริทของเขาแรงเกินจนไม่สังเกตว่าหมาป่าเลิกขัดขืนไปแล้ว.
“หงิง!”
จนกระทั่งวิคตอเรียส่งเสียงครางใส่เขา, พอมองเห็นสายตาอ้อนวอนของเธอแล้ว เย่เทียนจึงตื่นจากความบ้าคลั่งของเขาและรู้ตัวแล้วว่านางหมาป่านอนแน่นิ่งไร้กำลังอยู่ตรงนั้นไปแล้ว.
“ตายแล้วเหรอ?”
เย่เทียนตกใจแล้วเอามือไปอังที่จมูกของนางหมาป่า, แล้วรู้สึกได้ถึงลมหายใจแผ่วๆของนาง แล้วเอาตัวแนบไปกับอกเธอจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น เขาจึงโล่งใจในที่สุด.
“นางแค่หมดสติไปน่ะ, เรายังช่วยนางได้อยู่!”
เย่เทียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในที่สุด, ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกภูมิใจหน่อยๆเพราะเขาสามารถบีบคอหมาป่าตัวเมียที่แข็งแกร่งที่สุดจนหมดสติได้.