ไหปีศาจ - ตอนที่ 33 กระต่ายน้อย
บทที่ 33 กระต่ายน้อย
ในเช้าวันรุ่งขึ้น
“นายน้อยทำไมถึงมีรอยขีดข่วนเต็มใบหน้าไปหมด ไปทะเลาะกับใครมาหรือเจ้าคะ” หลี่หยินถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย
ลั่วอู๋ลูบใบหน้าของเขาและยิ้มเฝื่อนๆ “ข้าสะดุดล้มน่ะ”
หลี่หยินกะพริบตาแสดงถึงท่าทีว่านางไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
แค่สะดุดล้มไม่มีทางทำให้เกิดรอยขีดข่วนจำนวนมากขนาดนี้บนใบหน้าของเขาได้แน่
และเมื่อหลี่หยินมองไปที่ต้าหวง นางก็แปลกใจยิ่งกว่าเดิม “สวรรค์ เกิดอะไรขึ้นกับต้าหวงกันเจ้าคะ ทำไมมันกลับมาหัวล้านอีกครั้งได้กัน”
ต้าหวงมีดวงตาสีคล้ำเข้ม ดูน่าสงสารยิ่งนัก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือรอยฟกช้ำ
“ต้าหวงเองก็สะดุดล้มเหมือนกัน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรมากนักหรอก แค่เจอเรื่องลำบากระหว่างฝึกนิดหน่อยน่ะ” ลั่วอู๋อธิบายกับอีกฝ่าย
ใบหน้าหลี่หยินดูงุนงงมากยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะนายน้อยและต้าหวงวันนี้ดูมีท่าทางแปลก ๆ ผิดปกติ
ลั่วอู๋ไม่มีทางบอกหลี่หยินแน่ว่ารอยขีดข่วนบนตัวเขาและต้าหวงเกิดจากการต่อสู้กับเจ้านกหน้าโง่ เขาบอกแบบนั้นกับนางไม่ได้ เพราะมันน่าอายเกินไป
ลั่วอู๋จึงถามกลับว่า “เจ้าของร้านคนเก่า ท่านรู้ไหมว่าสัตว์วิญญาณชนิดไหนบ้างที่ต้นเชื้อสายมันแข็งแกร่งและมีราคาไม่แพงมาก”
เจ้าของร้านเก่างงงวยว่าอีกฝ่ายถามไปทำไม แต่เขาก็คิดหาคำตอบอย่างจริงจัง
“ถ้าในพื้นที่หวงชา ระดับทองแดง เชื้อสายสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังที่สุด แมงมุมทะลวงปฐพี จิ้งจอกเพลิง แร้งทราย และแมลงหินตะวัน “
“ส่วนตัวที่ราคาถูกที่สุดก็คงเป็น แมลงหินตะวัน เพราะแม้มันจะเป็นสัตว์วิญญาณที่มีการป้องกันสูง แต่มันก็เชื่องช้าและจับได้ง่าย”
“ราคาตกตัวล่ะเท่าไรกันเหรอ ” ลั่วอู๋ถาม
“ประมาณ 120 หลิงฉี” เจ้าของร้านคนเก่าตอบ
“เรามีมันอยู่ในศาลาไป่หยู่รึเปล่า”
“มีสิ อยู่ในอาคารที่ลานด้านหลังน่ะ”
เนื่องจาก ลั่วอู๋สั่งให้คนงานไปซื้อสัตว์วิญญาณมาทุกชนิดที่หาได้ในราคาถูก ในศาลาไป่หยู่จึงมีสัตว์วิญญาณอยู่หลากหลายชนิด ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้ใส่พวกมันเข้าไปในไหปีศาจทั้งหมด
“ก็ยังดีที่ยังไม่มีคนสั่งซื้อสัตว์วิญญาณ ไม่งั้นข้าคงจะลำบากเพราะเจ้านกหน้าโง่นั่น”
ลั่วอู๋เดินตรงไปยังอาคารเก่าที่ลานด้านหลังและเก็บแมลงหินทั้งหมดลงไปในไหปีศาจ
พวกมันมีขนาดเท่ากับอ่าง ที่ด้านนอกมีเกราะหินแข็งๆ ส่วนขามีแปดขาและมีเสาอากาศสีดำสองอัน หน้าตาของมันดูน่าเกลียด
ความสามารถหลัก ๆ ของมันคือเสริมการป้องกัน หรือพูดได้อีกอย่างว่าเอกลักษณ์หลักของมันคือการป้องกัน
เพราะอยู่ในระดับทองแดง มันจะเป็นไปได้รึเปล่าที่จะสังเคราะห์สัตว์วิญญาณ ขึ้นมาจากเชื้อสายที่แข็งแกร่งที่สุดตัวหนึ่งกับกระต่ายแห่งแดนสาบสูญที่อ่อนแอที่สุด
ลั่วอู๋ต้องลองดู
เริ่มการสังเคราะห์
กริ๊ง!
[ได้รับสัตว์วิญญาณระดับทองแดง, แมลงหินตะวัน, แต้มเซียน +5]
ไม่ใช่!
ข้าไม่ได้อยากได้เจ้านี่
ลั่วอู๋รู้สึกหดหู่ขึ้นมานิดหน่อย
ตามตรรกะของการคาดคะเนจากประสบการณ์ของเขา มันควรจะรวมกับกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ แต่เขาก็ลืมไปว่ามันก็มีโอกาสกว่าครึ่งหนึ่งที่มันจะรวมร่างกับแมลงหินตะวันด้วยกันเอง
เอาสิ ยังไง ๆ เขาก็ต้องทำต่อไป
ลั่วอู๋ยังพยายามใส่แมลงหินตะวันและกระต่ายแห่งแดนสาบสูญลงในส่วนต่อประสานการสังเคราะห์
[ได้รับ สัตว์วิญญาณระดับทองแดง กระต่ายแห่งแดนสาบสูญ (ระดับจ่าฝูง), แต้มเซียน + 10]
ดีมาก!
ความตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้าของลั่วอู๋
เสริมพลังสัตว์วิญญาณ!
ในความเป็นจริงสาระสำคัญของสัตว์วิญญาณสามารถเสริมความแข็งแกร่ง ได้โดยตรงด้วยไหเล่นแร่แปรธาตุ แต่ค่าใช้จ่ายนั้นแพงมากและอาจจะไม่คุ้มค่ากับที่ต้องเสียไป
เปิดข้อมูล
เผ่าพันธุ์: กระต่ายแห่งแดนสาบสูญ (ระดับจ่าฝูง)
มิติ: ทองแดงระดับ 7
ระดับ: ทองแดง
ทักษะ: กระโดด (ระดับ F) ก้าวพริบตา (ระดับ A)
พื้นเพ: กระต่ายที่มีพละกำลังสูง สามารถอยู่รอดในทะเลทรายอันโหดร้ายได้ มันมีอารมณ์อ่อนโยน มันจะหูตั้งเมื่อได้ยินเสียงของลมและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเมื่อตกอยู่ในอันตราย
ระดับทองแดง มิติ 7!
ลั่วอู๋ รู้สึกประหลาดใจ
ต้นกำเนิดของกระต่ายแห่งแดนสาบสูญนั้นอ่อนแอมาก มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถฝึกฝนมันให้ไปเกินระดับทองแดง มิติ 4 ได้ ยิ่งระดับทองแดง มิติ 7 นี่ไม่ต้องพูดถึง
กระต่ายแห่งแดนสาบสูญตัวนี้นั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก เพราะมันแตกต่างจากกระต่ายแห่งแดนสาบสูญธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
กระต่ายชนิดนี้ไม่ได้ขี้อายและตัวก็ใหญ่กว่ากระต่ายแห่งแดนสาบสูญทั่วไปนิดหน่อย ขนของมันนุ่มมากและเมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกที่สบายนุ่มมือ
ลั่วอู๋เริ่มเกิดความคิดใหม่ขึ้นในใจ จะมีอะไรรอเขาในอนาคตข้างหน้า หากพัฒนามันไปเหนือกว่าขั้นระดับจ่าฝูงได้
ถ้าสังเคราะห์มันร่วมกับสัตว์วิญญาณระดับเงิน กระต่ายแห่งแดนสาบสูญจะมีพลังเพิ่มมากขึ้นได้อีกหรือไม่ เอ๊ะ แต่มันก็อาจจะขาดทุนนิดหน่อย
“อืม”
ไม่ทันที่ลั่วอู๋จะตื่นเต้นได้นานเขาก็กลับมารู้สึกหงุดหงิดอีกครั้ง
แมลงหินตะวันเดิมทีเป็นระดับทองแดง มิติ 8 สัตว์วิญญาณ การรวมสัตว์วิญญาณสองตัวให้เป็นหนึ่งเดียว ดูเหมือนว่าไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่เลย
ทั้งที่เขาคิดว่าเขาได้พบวิธีใหม่แล้วแท้ ๆ
จะมีวิธีอื่นที่แตกต่างกันอีกไหม
ลั่วอู๋คิดอย่างจริงจังมาก
ทว่าการใช้ความคิดเป็นเวลานานของเขาก็ไม่ได้อะไรกลับมาเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก
“อา”
ลั่วอู๋นำกระต่ายแห่งแดนสาบสูญระดับจ่าฝูงออกจากมิติไหแล้วกลับไปที่ห้องโถงด้านหน้าของศาลาไป่หยู่
“ว้าว กระต่ายแห่งแดนสาบสูญตัวนั้นน่ารักมากเลยเจ้าค่ะ” หลี่หยินยิ้มให้กระต่ายแห่งแดนสาบสูญ
ลั่วอู๋พูดเชิงล้อเล่น “ข้าเองก็ชอบมัน มันเหมาะกับเจ้าดีนะ”
“ ไม่หรอกเจ้าค่ะ สัตว์วิญญาณเหล่านี้มีไว้เพื่อขายก็เพียงพอแล้ว ถึงมันจะน่ารักก็เถอะ” หลี่หยินส่ายหัวของนางและลูบขนแมวผีในอ้อมแขนของนาง
หลี่หยินก้มลงมาหากระต่ายอย่างระมัดระวังและลูบมันเบา ๆ
แม้ว่าปากจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็สังเกตได้ว่าหลี่หยินนั้นชอบกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ
ผู้หญิงคนไหนก็ชอบสัตว์ที่มีขนนุ่ม ๆ ทั้งนั้นแหละ
“เหมียวเหมียว.”
แมวผีในอ้อมแขนของหลี่หยินร้องไม่พอใจ
ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอใจอย่างมากกับการที่นางไปลูบกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ
“ฮิฮิ ข้ารู้น่า ข้ารักเจ้ามากที่สุดอยู่แล้ว” หลี่หยินลูบคางของแมวผีและแมวผีก็เหลือบอย่างสบาย ๆ
หลี่หยินพูดล้อเล่น “แต่กระต่ายแห่งแดนสาบสูญตัวนี้น่ารักจริง ๆ มันไม่ตื่นกลัวเลย ปกติแล้วมันควรจะวิ่งหนีไปเพราะกลัวคนนี่นา”
นี่มันแปลกจริงๆ
เจ้าของร้านคนเก่าและคนงานชายเอง ก็มองดูกระต่ายแห่งแดนสาบสูญอย่างงุนงง
กระต่ายแห่งแดนสาบสูญนั้นตื่นตูมเกินไป แม้ว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคย แต่ถ้าหากเข้าใกล้กับพวกมันก็จะถอยออกห่างตามสัญชาตญาณ พวกมันเป็นสัตว์ที่ขี้อาย
แต่กระต่ายแห่งแดนสาบสูญตัวนี้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีแดงเผยให้เห็นถึงพลังวิญญาณ แม้จะมีความสับสน แต่ก็ไม่มีความตื่นกลัว
มันเต้นไปรอบ ๆ ราวกับว่ามันกำลังสนุก
ที่มันทำก็มีเพียงแค่นั้น
“นายท่าน ดูเหมือนท่านจะมีความคิดบางอย่างในใจสินะ” เจ้าของร้านคนเก่าเห็นความเศร้าโศกของลั่วอู๋
ซึ่งลั่วอู๋ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ส่ายหัว
สิ่งเหล่านี้เป็นความคิดที่ต้องเก็บไว้กับตัวเองเท่านั้น
ขณะนั้นเองมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินทางมาที่ศาลาไป่หยู่ นางคลุมตัวด้วยผ้าโปร่งสีขาว ดูอ่อนโยน นางมาพร้อมกับเด็กสาวตัวน้อยหน้าตาน่ารัก
“ข้ามาขอซื้อยาเม็ดรวบรวมพลังวิญญาณ” หญิงสาวกล่าว
“ท่านโชคดีมากเลยนะ นี่เป็นห่อสุดท้ายพอดี”
หญิงสาวยิ้มให้
เนื่องจากข้อจำกัดในการขายรายวันคือขายเพียงวันละ 100 เม็ด มันจึงหมดก่อนเที่ยงเสมอ
ในเวลานี้เด็กสาวเห็นกระต่ายที่หายสาบสูญกระโดดไปมาในห้องโถง นางรู้สึกมีความสุขมากและมองมันอย่างแบบงุนงงเล็กน้อย
กระต่ายแห่งแดนสาบสูญมองดูเด็กสาวตัวน้อยอย่างสับสนและเข้าไปดมกลิ่น เมื่อเด็กสาวตรงหน้าดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ในอันตรายใด ๆ มันปล่อยให้เด็กสาวจับตัวไว้
“ช่างเป็นกระต่ายตัวน้อยที่น่ารักยิ่งนัก” สีหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางร้องออดอ้อนออกมาด้วยเสียงเศร้าน้อยๆ “เจ้าของร้านท่านมีหญ้าขายไหม ข้าอยากซื้อหญ้าให้มัน!”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหลี่หยิน ที่ในมือกำลังถือหญ้าวิญญาณอยู่ “นี่เจ้าค่ะ หญ้าวิญญาณ สำหรับหนูน้อยไม่คิดตังค์เจ้าค่ะ”
“อืมมมม” เด็กสาวส่งหญ้าให้กระต่ายแห่งแดนสาบสูญแล้วลูบขนสีขาวของกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข
“ งื้ออ” เด็กสาวอุทานออกมาเบาๆ “ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องกลับแล้ว”
“ท่านแม่ข้าอยากได้กระต่ายตัวนี้” ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างขึ้นอย่าคาดหวัง
แต่หญิงสาวผู้เป็นมารดากลับขมวดคิ้ว “ไม่ได้จ้ะ เจ้ายังเด็กเกินไปและสัตว์วิญญาณก็ยังอันตรายเกินไปสำหรับเจ้า เมื่อเจ้าโตขึ้นแม่ก็จะซื้อเอง”
เด็กสาวตัวน้อยร้องอ้าปากค้างแล้วพูดว่า “ไม่ ท่านแม่ลองดูกระต่ายน้อยตัวนี่สิ มันไม่เป็นอันตรายหรอก”
“เอ๊ะ นี่คือกระต่ายแห่งแดนหายสาบสูญ งั้นเหรอเนี่ย ” แววตาของหญิงสาวผู้นั้นทอแววตื่นตะลึงออกมา
Related