ไหปีศาจ - บทที่ 168 ตัดขาดความสัมพันธ์
บทที่ 168
ตัดขาดความสัมพันธ์
ฉากตลกดังกล่าวได้ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาดู
เจ้าของร้านลั่วและเจ้าของร้านคนเก่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
ทำไมพวกเขาถึงมาเปิดศาลาไป่หยู่อีก?
ฟางฉุนฮีแสยะยิ้มอย่างกรุณา “ท่านคิดว่ากลเม็ดแบบเด็ก ๆ พวกนี้จะมีประโยชน์จริง ๆ งั้นเหรอ?”
หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปบอกคนรับใช้ของเขาว่า “ไปตามหามาให้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของสำนักโล่พิทักษ์”
คนรับใช้ทั้งสองพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
พวกเขารีบเดินออกไปเพื่อติดต่อกับหน่วยข่าวกรองของตระกูลลั่ว
ฟางฉุนฮีพูดอย่างเย็นชา “ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตามตระกูลลั่วสามารถริบเอาธุรกิจเหล่านี้ทั้งหมดคืนได้ตามหลักของความยุติธรรม ซึ่งพวกท่านไม่สามารถต้านทานได้”
ลั่วอู๋ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเรื่องเหล่านี้ เขานั่งอยู่ในศาลาไป่หยู่นั่งดื่มชาสบาย ๆ
ประมาณสามชั่วโมงต่อมา
ผู้รับใช้ที่ภักดีของฟางฉุนฮีทั้งสองคน ก็วิ่งกลับมาพร้อมข้อมูลจากหน่วยข่าวกรอง
“หลี่หยิน ? หลี่หยินคือใครกัน ทำไมเอกสิทธิ์ของสำนักโล่พิทักษ์ ถึงไปอยู่ในชื่อของนางได้” ฟางฉุนฮีตกใจ
คนรับใช้กระซิบว่า “นางคือสาวใช้ของลั่วอู๋”
สายตาของผู้คนต่างจับจ้องไปที่หลี่หยินในทันที
หลี่หยินกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ลั่วอู๋เพื่อชงชาให้เขา ในขณะนี้ทุกคนกำลังจ้องมองมาที่นาง นางจึงดูอึดอัดและเขินอายได้แต่ถอยขยับไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว
“อย่าซ่อนตัว อย่าหนี จงยืนอย่างเชิดหน้าชูอกซะ” ลั่วอู๋กล่าว
หลี่หยินไม่สามารถขัดขืนนายน้อยได้นางจึงพยักหน้าและรวบรวมความกล้าทำตัวให้โดดเด่น
“สาวใช้ สาวใช้อย่างงั้นเหรอ ?” ฟางฉุนฮีมองไปที่ หลี่หยินแล้วหันไปมองที่ลั่วอู๋อีกที “ไม่เลวเลยนี่นาที่โอนธุรกิจให้กับสาวใช้ของท่าน ท่านไม่กลัวว่าสาวใช้ของท่านจะฮุบเงินหนีไปรึไง ? ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้สำนักโล่พิทักษ์มีมูลค่าหลายล้านหินวิญญาณ ”
“แต่มันก็ไม่ใช่ธุระของเจ้าจริงไหมล่ะ ?” ลั่วอู๋กล่าว
หลี่หยินคงไม่สามารถพูดแบบนี้ออกไปเองได้
ลั่วอู๋มั่นใจได้ 100% ในเรื่องนี้
ฟางฉุนฮีหัวเราะในทันใด “น่าเสียดายที่แม้ท่านจะพยายามหลีกเลี่ยง108 วิธี แต่ทรัพย์สินของสาวใช้ทั้งหมดก็ยังถือเป็นของท่านอยู่ดี”
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เขามีความสุขมากพอที่จะหัวเราะ
“ท่านกำลังหัวเราะเรื่องอะไร?” หัวใจของฟางฉุนฮีปกคลุมไปด้วยเมฆอันมืดมิด
ลั่วอู๋ขยิบตาให้หลี่หยิน
หลี่หยินพยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปข้างหน้า เพื่อแสดงกระดาษยับย่นสีเหลืองของนางแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “นี่คือใบสัญญาในฐานะสาวใช้ของข้าเจ้าค่ะ”
จากนั้นหลี่หยินก็ฉีกสัญญาเป็นชิ้น ๆ ในเขาดู
“ตอนนี้ข้าไม่ใช่สาวใช้ของตระกูลลั่วอีกแล้วเจ้าค่ะ” หลี่หยินเชิดคอและพยายามอย่างยิ่งที่จะแสดงถึงความภาคภูมิใจ
จากนั้นนางก็เดินกลับมาข้างหลังลั่วอู๋แล้วกระซิบว่า “ทำแบบนี้ถูกแล้วใช่ไหมเจ้าคะนายน้อย”
ลั่วอู๋ชูนิ้วโป้งให้
หลี่หยินหัวเราะอย่างมีความสุขและพึงพอใจ
ฟางฉุนฮีและคนใช้ของเขาได้แต่มองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ “นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”
“มันแปลกรึไง ? ข้าก็แค่ใช้เงิน 1 พันหินวิญญาณจ่ายให้ผู้ดูแลเอกสารของตระกูลลั่วไม่กี่คน จากนั้นก็จ่ายหินวิญญาณอีก1 ร้อยก้อน เพื่อแลกกับสัญญาการซื้อขายของหลี่หยิน ข้าไม่ได้รบกวนใครเลยนะ” ลั่วอู๋ยิ้ม “มันก็แค่เรื่องธรรมดา ๆ ไม่ใช่เหรอ?”
ธุรกิจทั้งหมดของลั่วอู๋ถูกย้ายไปในชื่อของหลี่หยิน
รวมถึงโฉนดของร้านค้าเหล่านี้.
ตอนนี้หลี่หยินเป็นเศรษฐินีไปแล้ว
และทรัพย์สินที่ยังคงอยู่ภายใต้ชื่อของเจ้าของร้านเก่าก็มีเพียงแค่ศาลาไป่หยู่เล็ก ๆ ตรงมุมเท่านั้น
ฟางฉุนฮีโมโหมากใบหน้าของเขาดูทุกข์บิดเบี้ยวเหมือนกับเพิ่งกลืนแมลงวันเข้าไป
ฟางฉุนฮีสูดหายใจเข้าลึก ๆ “นี่มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อย่างน้อย ๆ มันก็ไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทันทีที่ข้าได้รับข่าวมางั้นเหรอ ? ท่านจะจัดการเรื่องเหล่านี้ได้เร็วกว่าข้าได้ยังไงกัน ?”
“ใช่แล้วเจ้าน่ะช้าเกินไป” ลั่วอู๋แสดงรอยยิ้มอันสดใส “พวกข้าดำเนินการเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ตอนที่ข้าเลือกที่จะขยายร้านค้าแล้ว ข้าได้มอบความไว้วางใจให้กับนาง ไปพร้อมกับสัญญาการซื้อขายใบนั้น”
“ชิ ช้าไปงั้นสิ” ฟางฉุนฮีกัดฟัน
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้เตรียมสิ่งนี้เพราะต้องการจะกลืนกำไรทั้งหมดหรือมีความปรารถนาที่จะสร้างรายได้
แต่เขาต้องการต่อสู้กับตระกูลลั่วมาเป็นเวลานานแล้ว
ฟางฉุนฮีจ้องมองไปที่ลั่วอู๋ “ท่านอาจจะแยกธุรกิจของท่านออกจากตระกูลลั่วได้สำเร็จก็จริง แต่ท่านก็อย่าเพิ่งได้ใจไป อย่าคิดว่าท่านจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการเชียวล่ะ”
“แล้วพวกเจ้าจะทำอะไรกับข้า ส่งคนมาฆ่าพวกเราทั้งหมดแล้วเก็บร้านงั้นสิ?” ลั่วอู๋ยิ้มเยาะ
ฟางฉุนฮีสำลักคำพูดของเขา
พวกเขาทำแบบนั้นได้หรือไม่ แน่นอนว่าตระกูลลั่วนั้นยืนหยัดอยู่บนแผ่นดินใหญ่มานานกว่าหลายร้อยปี พวกเขาไม่เพียงแข็งแกร่งในด้านของการทำธุรกิจ แต่ยังมีกองกำลังที่แข็งแกร่งอีกด้วย
แต่ตระกูลลั่วจะกล้าทำเช่นนั้นหรือ?
พวกเขาไม่กล้า
ไม่มีใครกล้าทำอะไรแบบนั้นโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาแน่
ไม่ว่าใครคิดจะยึดเอาทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยการใช้กำลัง เขาก็จะต้องตกเป็นเป้าในการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนอย่างแน่นอน
แม้ว่าตระกูลลั่วจะแข็งแกร่ง ในระดับที่คงไม่มีตระกูลใดที่แข็งแกร่งไปกว่าตระกูลลั่วแล้วก็ตาม แต่ถ้าหากพวกเขากล้าที่จะใช้กำลังเพื่อยึดทรัพย์สินของคนอื่นมาเป็นของตนเอง พวกเขาก็ไม่น่าจะรอดจากการถูกคนทั้งโลกดูหมิ่นอยู่ดี
นอกจากนี้อาจจะเป็นการทำให้กลุ่มก้อนที่ทรงพลังอื่น ๆ ไม่พอใจและร่วมใจหันมาเล่นงานพวกเขาในนามของความยุติธรรมได้อีกด้วย
พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นได้แน่
โลกใบนี้ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจก็จริง แต่ในบรรดาผู้มีอำนาจเองก็มีกฎของการอยู่ร่วมกันโดยผู้ที่มีอำนาจสูงสุดที่ไม่สามารถฝ่าฝืนมันได้
ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดจะถูกเรียกว่าราชวงศ์และกฎของพวกเขาก็เรียกว่ากฎหมายแห่งชาติ
“ท่านจงรู้ว่าไว้ด้วยว่ารายได้ของศาลาไป่หยู่ มันก็เป็นเพียงแค่รายได้ประปรายของตระกูลลั่วพวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจมันก็ได้ แต่ตระกูลลั่วจะไม่มีทางปล่อยให้การท้าทายเช่นนี้เกิดขึ้นต่อไปได้แน่”
ฟางฉุนฮีพูดด้วยน้ำเสียงอันโหดร้ายจากนั้นก็หันศีรษะเดินกลับออกไป
การต่อสู้จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายลั่วอู๋
ลั่วอู๋ยิ้ม “มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ”
กลับไปสู่ตระกูลลั่ว?
เขาไม่มีความคิดที่จะกลับไปแม้แต่น้อย
“มีอะไรผิดปกติรึเปล่า นายน้อย?” เจ้าของร้านคนเก่าดูกังวล
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่มีปัญหาอะไรหรอก” ลั่วอู๋ยืดหลังของเขา “สำนักโล่พิทักษ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลลั่ว ถ้าตระกูลลั่วต้องการจะจัดการกับเรา พวกเขาจะต้องใช้เพียงแต่วิธีการทางธุรกิจเท่านั้น ข้าดูเหมือนคนที่ต้องกลัววิธีการทางธุรกิจไหมล่ะ?
เจ้าของร้านเก่านึกถึงวิธีการทางธุรกิจต่างๆที่ผ่านมาของเหล่าคู่แข่ง แต่พอหวนนึกถึงพลังอันเหนือธรรมชาติของนายน้อยที่ปราบแก้ปัญหาลงได้ทุกครั้ง เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
……
……
หลังจากที่ฟางฉุนฮีออกจากสำนักโล่พิทักษ์ไป
เขาก็ได้รายงานถึงสถานการณ์ให้กับทางตระกูลลั่วทราบ จากนั้นเขาก็ติดต่อไปที่องค์กรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคทั้งหมดของเขตหวงชา นั่นก็คือพรรคหวงชา
เมื่อคงฉินได้ยินว่าตระกูลลั่วจะมา เขาก็รีบออกไปรับแขกในทันที
“ พ่อบ้านฟางยินดีที่ได้รู้จัก” คงฉินดูกระตือรือร้นมาก
ฟางฉุนฮีกล่าวตอบ “เข้าประเด็นกันเลยดีกว่าเถอะ ท่านคงฉิน สำนักโล่พิทักษ์ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตหวงชาและพวกเขาทำให้ท่านเดือดร้อนมากใช่ไหม ?”
“แน่นอนสิ” คงฉินดูเป็นทุกข์ “ถ้าเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่เกิดความปั่นป่วนในพรรคหวงชาล่ะก็ ข้าคงไม่ปล่อยให้สำนักโล่พิทักษ์ใหญ่โตได้ถึงขนาดนี้หรอก”
“ตอนนี้ถ้าข้าจะบอกว่าข้ามีแผนที่จะช่วยให้ท่านสามารถกำจัดสำนักโล่พิทักษ์ และปล่อยให้หอคอยหวงชาได้ธุรกิจทั้งหมดในพื้นที่เขตหวงชาคืน ท่านจะสนใจหรือไม่?” ฟางฉุนฮีเชิญชวน
คงฉินดูดีใจมากและพยักหน้าตอบตกลงในทันที “เยี่ยมมาก ข้าสนใจ ว่าแต่ข้าจะต้องทำอย่างไรบ้างล่ะ”
“เราจะต้องร่วมมือกัน!” ฟางฉุนฮีกล่าวอย่างมั่นใจ
ในวันนั้นที่สำนักงานพรรคหวงชาได้มีการทำข้อตกลงเกิดขึ้น