ไหปีศาจ - บทที่ 169 ธุรกิจฉกฉวยโอกาส
บทที่ 169
ธุรกิจฉกฉวยโอกาส
คฤหาสน์ตระกูลลั่ว
มีชายคนหนึ่งกำลังฝึกฝนอยู่
นี่เป็นช่วงเวลาการฝึกฝนของ ลั่วฮั่นฮั๊ว หัวหน้าของตระกูลลั่วคนปัจจุบัน เขามีรูปร่างที่ดีและมีลมหายใจที่สงบ แต่ตอนนี้เขากำลังติดต่อกับผู้ควบคุมกิจการของตระกูล
“ธุรกิจของศาลาไป่หยู่ในเขตหวงชาไปได้ดี ?… ” ลั่วฮั่นฮั๊ว พยายามอย่างหนักที่จะจำได้ว่าเขาส่งบุตรชายคนไหนไปทำธุรกิจที่นั่น
“ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับวิชาลับอันทรงพลัง แต่ไม่เต็มใจที่จะส่งมอบให้กับตระกูล อีกทั้งมันยังพยายามที่จะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลและรุกล้ำทรัพย์สินของตระกูลอีกงั้นเหรอ?”
“ ลูกหลานเลว ๆ แบบนี้จะแก้นิสัยได้อย่างไรดี”
“ศาลาไป่หยู่ ในพื้นที่ป่าหวงชา … ”
“ข้าจำได้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ เคยมีข้อเสนอให้ถอนธุรกิจออกจากที่นั่นสินะ เดิมทีแค่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้คนอื่นจัดการก็ยังได้”
ลั่วฮั่นฮั๊ว มองดูรายงานคร่าวๆ และเขาก็ลงนามเห็นด้วยกับข้อเสนอของฟางฉุนฮี
ตอนนี้เขามีความสุขมากและไม่มีความคิดที่จะไปสนใจจัดการกับสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้อย่างจริงจัง
เพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่ากำลังเกิดขึ้นกับตระกูลลั่ว
ลั่วไป่เหา บรรพบุรุษของตระกูลลั่ว ผู้ได้รับการบูชาในดั่งเทพเจ้าโดยตระกูลลั่ว ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้วที่บรรพบุรุษเก่าแก่คนนี้ ได้ปรากฏตัวครั้งสุดท้าย
การที่ท่านบรรพบุรุษยังมีชีวิตอยู่ทำให้ผู้คนในตระกูลลั่วมีความสุขมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาได้สั่งให้ลูกหลานของตระกูลลั่วทุกคนที่ออกไปฝึกอบรมกลับมายังคฤหาสน์ แม้แต่คนตาบอดก็ยังรู้ได้ว่าเขากำลังรีบทำเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
บางคนในตระกูลจึงคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ว่าท่านบรรพบุรุษกำลังวางแผนตามหาผู้สืบทอดอยู่
ทันทีที่การคาดเดานี้ออกมา ทุกคนต่างก็แปลกใจ
หากใครได้กลายมาเป็นผู้สืบทอดของท่านบรรพบุรุษแล้วละก็ สถานะในตระกูลของเขาในตระกูลลั่วจะพุ่งเพิ่มขึ้นในทันที ถึงระดับที่แม้แต่หัวหน้าตระกูลยังต้องก้มหัวให้เลยก็ว่าได้
ลั่วฮั่นฮั๊ว จึงรีบเรียกเหล่าลูกชายของเขาที่ฝึกฝนอยู่ในโลกภายนอกให้กลับมา
แน่นอนว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ของเขาเองก็เรียกให้ลูกหลานของพวกเขากลับมาด้วยเช่นกัน
ตราบเท่าที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งได้รับความโปรดปรานจากท่านบรรพบุรุษ พลังอำนาจและความมั่งคั่งรวมถึงฐานะในตระกูลของเขาก็จะดีขึ้นมาในทันที มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าผู้เป็นพ่อจะต้องพึ่งบุตรชายของพวกเขาในเวลานี้
ที่แย่ก็คือหากบุตรชายจากคนอื่น ๆ ในตระกูล กลายเป็นผู้สืบทอดของท่านบรรพบุรุษแทนบุตรของเขาละก็ ตัวเขาและอำนาจของเขาจะอยู่ในจุดที่ล่อแหลม
เขาจึงรีบมาก
แม้แต่ลูกหลานของตระกูลลั่วบางคนที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับสายเลือดของพวกเขาเท่าไหร่เองก็ถูกเรียกตัวให้มารวมกันเพื่อส่งไปให้บรรพบุรุษของพวกเขาคัดเลือกเช่นกัน
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องรักษาตำแหน่งผู้นำตระกูลเอาไว้ให้ได้เสียก่อน
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านบรรพบุรุษเรียกเจ้าค่ะ” มีข้อความมาจากสาวใช้ที่หน้าประตู
ลั่วฮั่นฮั๊วรีบเดินออกจากศาลาฝึกฝนอย่างเร่งรีบและด้วยพลังวิญญาณอันทรงพลังของเขา เขาจึงพุ่งมาหาบรรพบุรุษได้อย่างรวดเร็ว
“ท่านปู่ขอรับ” ลั่วฮั่นฮั๊วทักทายด้วยความเคารพ
อย่างไรก็ตามบรรพบุรุษลั่วไป่เหาดูเหมือนจะกำลังอารมณ์ไม่ดี เขาลูบเคราสีขาวของเขาอย่างหงุดหงิด “พวกเจ้ามีลูกหลานคนอื่นที่ไปฝึกอบรมในต่างเมืองหรือไม่”
ลั่วฮั่นฮั๊วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ลั่วฉูชงไม่สิ ลูกหลานทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนในต่างเมืองได้ถูกเรียกตัวกลับมาแล้วขอรับ ยังไม่มีใครอยู่ในสายตาของท่านอีกงั้นหรือ?”
“พวกมันไม่ต่างอะไรจากขยะเลย เจ้าพวกนั้นมีอะไรดีรึไง?” ลั่วไป่เหาบ่น
สำหรับคนรุ่นใหม่ในตระกูลลั่ว พวกเขามีระดับสูงสุดอยู่ที่ผู้ปรับแต่งระดับกลางเท่านั้นและพวกเขาทั้งหมดมีอายุ 24 ปี พวกเขาจะเป็นคนที่เฒ่าเฉินกล่าวถึงไปได้อย่างไร
ลั่วฮั่นฮั๊วมีรอยยิ้มที่ขมขื่นในใจ
บุคคลเหล่านั้นคือลูกหลานที่ดีที่สุดในตระกูลลั่ว
ถ้าคนธรรมดากล้าพูดแบบนั้น พวกเขาคงจะถูกฆ่าไปแล้ว
แต่ต่อหน้าเขา บรรพบุรุษคนนี้คือคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะพูดคำเช่นนั้นออกมา
ทันใดนั้นลั่วไป่เหาก็ถามว่า “บางที คงเป็นเพราะข้าเพิ่งกลับจากการเดินทางเพียงไม่นานมานี้ เลยอาจจะพลาดตกหล่นใครไป เป็นไปได้ขอให้เจ้าเรียกลูกหลานทั้งหมดที่ออกจากคฤหาสน์ตระกูลลั่วไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาให้กลับมาด้วยก็ดี”
“อ๊ะ แต่ว่า … ” ลั่วฮั่นฮั๊วลังเล
ภาระงานนี้หนักเกินไป มีสมาชิกในตระกูลลั่วกระจายอยู่ทั่วประเทศและพวกเขาเองก็ต้องรับผิดชอบดูแลธุรกิจในทุกที่อีกด้วย
ลั่วไป่เหารู้สึกไม่ชอบใจแล้วพูดว่า “เจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
ลั่วฮั่นฮั๊วส่ายหัวอย่างรีบร้อน
สำหรับท่านบรรพบุรุษไม่มีเรื่องไหนลำบากเกินไป
“ใช่แล้ว นั่นไง ตามที่เฒ่าเฉินบอกเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาเพิ่งไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของแผ่นดินใหญ่ ตรงพื้นที่ป่าหวงชา พวกเราควรให้ความสำคัญกับลูกหลานที่อยู่แถวนั้น พวกเราควรเรียกพวกเขากลับมาให้หมด” ลั่วไป่เหากล่าว
ลั่วฮั่นฮั๊วรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
พื้นที่ป่าทรายเหลือง?
แต่แล้วความรู้สึกและร่างที่คลุมเครือก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของลั่วฮั่นฮั๊ว และดูเหมือนว่าหัวใจของเขาจะปกคลุมไปด้วยหมอกควันในทันที
ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
……
……
ณ เมืองแห่งความพินาศในเขตหวงชา
“นายน้อยนี่มันไม่ดีเลย ข้าได้ข่าวว่าหอคอยหวงชาสาขาเมืองแห่งความพินาศ กำลังจะเปิดใหม่อีกครั้งแล้ว” มีคนงานชายคนหนึ่งรีบมารายงานข่าว
แม้พรรคหวงชาจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเลิกทำธุรกิจในเมืองแห่งความพินาศไปแล้ว ดังนั้นหอคอยหวงชาสาขาเมืองแห่งความพินาศ จึงไม่ได้ทำการเปิดมาเป็นเวลานาน
ซึ่งผู้คนในเมืองแห่งความพินาศก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะอย่างไรก็ตามต่อให้พวกเขาเปิดร้านไม่มีทางแข่งขันกับธุรกิจของศาลาไป่หยู่ได้อยู่แล้ว
แต่สถานการณ์ตอนนี้มันแปลก ๆ
ทำไมหอคอยหวงชาที่แพ้ยับทางธุรกิจจึงคิดจะเปิดร้านอีกครั้งกัน
ลั่วอู๋ดูนิ่งและสงบมาก “อย่าตกใจไปน่า ปล่อยมันไป เราจะทำอะไรได้เล่าถ้าพวกเขาอยากจะเปิด”
“แต่การเปิดตัวของหอคอยหวงชา นั้นน่าจะทรงพลังมากนะขอรับ พวกเขาต้องดึงดูดแขกไปเป็นจำนวนมากนะขอรับ” คนงานชายคนนั้นพูดต่อ “พวกเขามีสินค้าดี ๆ มากมายบนชั้น”
“แล้วพวกเขามีสินค้าดี ๆ อะไร มาขายกันล่ะ” ลั่วอู๋ถาม
คนงานชายเริ่มร่ายยาว
“พวกเขามียารวบรวมพลังวิญญาณหลายชนิดที่มีผลพิเศษ”
“พวกเขามีสัตว์วิญญาณระดับเงินคุณภาพดีจำนวนมาก ที่หาไม่ได้ในพื้นที่แถบนี้ และสัตว์วิญญาณระดับทอง 5 -6 ชนิดที่สามารถพบได้ในตอนกลางของแผ่นดินใหญ่เท่านั้น”
“นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรวิญญาณใหม่ ๆ อีกหลายชนิด จนข้าจำชื่อได้ไม่หมดขอรับ”
ลั่วอู๋พยักหน้า “อืม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีสินค้าดี ๆ มาขายมากมาย”
“เราจะทำอย่างไรดีขอรับ” คนงานชายคนนั้นถาม
“ไม่มีอะไรมาก พวกเราก็แค่ทำธุรกิจของเราไปให้มั่นคงและสม่ำเสมอก็พอ”
ลั่วอู๋ดูไม่ลนลานเลย เขาดูเหมือนจะมีแผนในใจแล้วด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในหอคอยหวงชา นั้นกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ใบหน้าของฟางฉุนฮี เต็มไปด้วยความกังวล เนื่องจากธุรกิจของเขาเป็นไปได้ไม่ค่อยดีนัก เขาได้รับกำไรเพียงแค่หนึ่งในสามของสำนักโล่พิทักษ์
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็น
ในการคาดการณ์ของเขา ด้วยสินค้าที่ตระกูลลั่วส่งมาให้ เขาควรจะได้กำไรมาอย่างน้อยสองในสามหรือมากกว่านั้น
“นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” น้ำเสียงของ ฟางฉุนฮี ดูไม่สู้ดีนัก
คงฉินพูดอย่างหมดหนทาง “อ้าว ท่านไม่รู้หรอกเหรอ พ่อบ้านฟาง สินค้าของสำนักโล่พิทักษ์เองก็ไม่ได้ดาด ๆ หรอกนะ พวกเขามีสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหลายอย่างซึ่งหาไม่ได้จากที่อื่น”
ใบหน้าของฟางฉุนฮี มืดมนและซีดเซียว
แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้ว
ยา เทียนหยวน หนิงลินที่เป็นยาระดับเจ็ด
โล่คริสตัล
สัตว์เลี้ยง สัตว์วิญญาณ.
ยาคูฉินยาที่มีผลเหมือนยาหลงเฉียง
ร้านอื่นไม่มีทางหาของแบบนี้มาได้แน่ แต่เขาไม่รู้ว่าสำนักโล่พิทักษ์เอาพวกมันออกมาจากไหนตั้งเยอะตั้งแยะ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะให้ทางตระกูลส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูงกว่านี้มาให้ แต่ท่านต้องล้มสำนักโล่พิทักษ์ให้ข้า” ฟางฉุนฮีมองไปที่ทิศทางที่ตั้งของสำนักโล่พิทักษ์
ปากของคงฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลก ๆ “แน่นอนเลย”
……
……
วันต่อมา
หอคอยหวงชาเปิดให้บริการอีกครั้ง
คราวนี้มันเป็นการเปิดตัวที่จะต้องสะเทือนใจผู้คนทั้งเมืองแห่งความพินาศ
หอคอยหวงชาผลิตสินค้าล้ำค่าออกมามากมาย มีทั้งยาคุณภาพสูงทุกชนิด สัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติมากมาย แม้แต่อาวุธและชุดเกราะที่ยอดเยี่ยมก็ยังมี
มันดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในทันที
ทว่าเมื่อทุกคนคิดว่าหอคอยหวงชากำลังจะกลับมาขึ้นนำอีกครั้ง เหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น
สำนักโล่พิทักษ์เองก็เปิดให้บริการเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นทางสำนักโล่พิทักษ์เอง ก็ยังมีสินค้าล้ำค่าเหล่านี้ที่ทางหอคอยหวงชามี แถมยังขายในราคาที่ถูกกว่า 30%
ทุกคนต่างคลุ้มคลั่งไปกันหมด
ผู้คนมากมายหลั่งไหลไปที่สำนักโล่พิทักษ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขาดพุ่งเดือดขึ้นไปในทันที
และธุรกิจของหอคอยหวงชาก็แย่ลงมากจนผู้คนไม่สามารถทนดูได้ไหว