ไหปีศาจ - บทที่ 231 อันดับหนึ่ง
บทที่ 231
อันดับหนึ่ง
ทูตเฉียนหลงทั้งสามจ้องมองไปที่ลั่วอู๋สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความงงงวยและสับสน
“เฮ้ เฉินหวู่จี้ เจ้านี่มันคือคนในพื้นที่ของเจ้าใช่ไหม ? ข้าคาดคิดเลยว่าคนของเจ้าจะใช้วิธีโกง มันช่างน่าอับอายจริง ๆ” ฟังเต๋าพูดอย่างชิงชัง
“ออกไปจากที่นี่ซะ” เฉินหวู่จี้ดุว่า “มิติเหนือเมฆนั้นไม่มีข้อบกพร่อง มีเพียงแค่พวกข้าเท่านั้นที่จะสามารถเปิดมันได้ ซึ่งแน่นอนว่าแม้แต่พวกข้าเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนรายละเอียดข้างในนั้นได้”
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวไม่ได้สนใจพวกเขา แต่กลับมองไปที่ลั่วอู๋อย่างเคร่งเครียด “เจ้าออกมาได้อย่างไรกัน?”
“ไม่รู้สิ”
ลั่วอู๋ไม่รู้จริง ๆ
เขาออกจากโลกที่เหมือนกับจินตนาการมาได้อย่างลึกลับ
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวมองไปที่ลั่วอู๋อย่างสงสัย เขาหันหน้าไปถามเฉินหวู่จี้ด้วยเสียงต่ำ “เด็กคนนี้มาจากที่ไหน? การทดสอบสองรอบแรกเขาเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณสมบัติระดับ B ส่วนการประเมินรอบสองไม่มีแผ่นหยกสักใบ” เฉินหวู่จี้คิดสักพักแล้วพูด
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวขมวดคิ้ว “ไม่มีแผ่นหยกแต่สามารถผ่านการทดสอบมาได้เนี่ยนะ เจ้าล้อข้าเล่นเหรอ ?”
“คนอื่นตายกันหมดแล้ว เหลือแค่ 49 คนนี้เท่านั้น เจ้าเป็นคนขอให้ข้าทำแบบนี้เองนี่นา” เฉินหวู่จี้กล่าว
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวมองลั่วอู๋ด้วยอาการปวดหัว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย เจ้าตามข้ามา ข้าจะส่งเจ้ากลับไปในมิติเหนือเมฆอีกรอบเอง”
ลั่วอู๋ทำได้เพียงแค่เดินตามทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวอย่างเชื่อฟังเข้าไปในหมู่เมฆ
“กลับเข้าไป” ร่างของทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ เขาดูเหมือนกำลังลำบากอย่างมาก จากนั้นลั่วอู๋ก็ถูกปกคลุมด้วยหมู่เมฆ
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวปล่อยพลังวิญญาณออกมา เขาต้องนำชายคนหนึ่งกลับไปอยู่ในมิติเหนือเมฆ นี่มันเรื่องง่าย ๆ เลย เขาต้องจ่ายพลังวิญญาณไปอย่างมาก
“อืม รออย่างน้อยสามวัน จากนั้นผู้แพ้ก็จะถูกส่งกลับไป” ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวกล่าว
เฉินหวู่จี้และฟังเต๋าพยักหน้า แต่แล้วพวกเขาก็ดูเหมือนจะได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัว ตาของพวกเขาเบิกกว้าง
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวงงงวยกับท่าทีของสหายทั้งสองของเขา “พวกเจ้าเป็นอะไรกัน ?”
พวกเขาชี้ไปที่ด้านหลังของทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาว
ชายผู้สวมหน้ากากมังกรขาวหันศีรษะไปและพบว่ามีเงาจาง ๆ ค่อย ๆ ควบแน่นกลายเป็นร่าง จากนั้นก็มีคนเดินออกมาอีกครั้ง
“ดูเหมือน ข้าจะออกมาได้อีกแล้ว” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรในการแสดงความรู้สึกของเขา เขาเป็นผู้ควบคุมมิติเหนือเมฆมากว่าหกครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
แม้แต่ทูตเฉียนหลงรุ่นก่อนก็ไม่เคยบอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้
ลั่วอู๋นั้นหมดหนทางจริงๆ
เมื่อเขาเข้าไปสู่มิติเหนือเมฆ ทันทีที่จินตนาการรอบข้างก่อตัวขึ้น พวกมันก็พังทลายลงราวกับว่าไม่สามารถทนเขาได้
“ข้าไม่เชื่อว่ามันจะไม่มีปัญหาในระบบของมิติเหนือเมฆ” ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวหายใจเข้าลึก ๆ ความโกรธเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็เปิดมิติเหนือเมฆ
ลั่วอู๋ถูกส่งกลับเข้าไปในมิติเหนือเมฆอีกรอบ
แต่ครู่ต่อมาลั่วอู๋นั้นก็เดินออกมาอีกครั้ง
ทูตเฉียงหลงทั้งสามรู้สึกเหมือนตกนรก
“เจ้ากลับเข้าไปเลยนะ!”
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวเปิดมิติเมฆ ส่งลั่วอู๋กลับเข้าไปอีกครั้ง แต่ลั่วอู๋ก็ยังเดินกลับออกมาได้อยู่ดี
“ ……” ทั้งสามพูดไม่ออก
“จะเอายังไงกันต่อดี ?” เฉินหวู่จี้ถามด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
ทูตเฉียนหลงผู้สวมหน้ากากมังกรขาวส่ายหัว “ข้าเกรงว่าพวกเราคงทำได้เพียงแค่ประกาศว่าเขาล้มเหลว และไม่ผ่านการทดสอบในรอบที่สาม”
ลั่วอู๋รู้สึกกังวล “ไม่ ๆ มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทดสอบของพวกท่าน! ใครเป็นคิดค้นมิติเหนือเมฆ ท่านก็ควรขอให้เขาออกมาซ่อมแซมมันสิ”
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวเงียบไปครู่หนึ่ง “มิติเหนือเมฆนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าสำนักเฉียงหลงคิดค้นขึ้น เขาเป็นบุคคลที่ลึกลับมากเราไม่สามารถติดต่อกับเขาได้ในตอนนี้”
ดวงตาของลั่วอู๋ขยับ
เป็นคนลึกลับมาก? ความคิดแวบหนึ่งผุดเข้ามาในใจของเขา บางทีชายลึกลับคนนี้อาจเป็นภูตไหก็เป็นได้?
มิติเหนือเมฆที่คิดค้นโดยภูตไห อาจจะมีต้นกำเนิดมาจากไหปีศาจ ดังนั้นมิติเหนือเมฆจึงไม่สามารถรองรับพลังของไหปีศาจได้ เขาจึงถูกส่งออกมา
นี่เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด
แต่
มันไม่มีประโยชน์ ต่อให้เขารู้ว่ามันเกิดจากเหตุใด เขาก็ยังไม่สามารถเข้าสู่มิติเหนือเมฆได้อยู่ดี
“ข้าขอประท้วง! ข้ายังไม่ได้เริ่มการทดสอบเลย จะถือว่าข้าล้มเหลวได้อย่างไร” ลั่วอู๋ประท้วงอย่างโกรธเกรี้ยว
“การประท้วงถูกปฏิเสธ” ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวกล่าว
ไม่ว่าลั่วอู๋จะรุ้ถึงสาเหตุ และพยายามใช้อารมณ์เป็นเหตุเป็นผล แค่ไหนทูตเฉียนหลงทั้งสามก็ไม่ได้สนใจเขาเลย พวกเขากลับเป็นฝ่ายใจร้อนด้วยซ้ำ
พวกเขาพร้อมที่จะทิ้งเขาไป หากลั่วอู๋ทำให้พวกเขารำคาญอีกครั้ง
และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่บนท้องฟ้าสูงลิ่ว
ในที่สุดลั่วอู๋ก็เลือกที่จะยอมแพ้
เกรงว่าลั่วอู๋จะต้องฝากให้ฉูจงฉวน ช่วยเขาในการสืบสวนหาที่อยู่ของภูตไห
“งั้นข้ากลับไปก็ได้” ลั่วอู๋กล่าว
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวปฏิเสธอีกครั้ง “ตราบใดที่มิติเหนือเมฆยังไม่ปิด ก็ไม่มีใครสามารถออกไปจากที่นี่ได้ นี่คือกฎเหล็กที่ไม่มีใครสามารถละเมิดได้”
ได้ยินดังนั้นลั่วอู๋จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องรออยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
สามวันต่อในที่สุดก็มีคนเดินออกมา
เขาดูอ้วนเล็กน้อย
“บททดสอบนี้มันยากเกินไปแล้ว” ใบหน้าของเด็กชายคนนั้นซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าเขายังอยู่ในความกลัว
ทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวส่งเสียงอย่างเย็นชา “เขาล้มเหลว”
เด็กตัวเตี้ยและอ้วนคนนั้นได้แต่ก้มหัวมองไปรอบ ๆอย่างหงุดหงิดและเศร้าใจ ข้าเป็นคนแรกที่ล้มเหลวอย่างนั้นเหรอ?
แต่ไม่นานเขาก็เห็นลั่วอู๋ เขามีความสุขขึ้นมามาก จากนั้นเขาก็เดินมาหาลั่วอู๋และพูดถามว่า “เจ้าเองก็ล้มเหลวด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างเศร้าโศก
“เร็วแค่ไหนกัน ? เจ้าออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” เด็กอ้วนคนนั้นถาม
ลั่วอู๋ตอบไป “เมื่อสามวันก่อน”
เด็กชายตัวอ้วนแทบจะสำลักน้ำลายในทันที “อ๊ะ? สามวันก่อน แต่การประเมินของเราเพิ่งเริ่มได้เพียงแค่สามวันเองไม่ใช่เหรอ ? เจ้ามันห่วยเกินไปแล้ว”
ชายหนุ่มที่ล้มเหลวในวันแรกนั้นถือว่าอ่อนแอแค่ไหนกัน?
ลั่วอู๋กลอกตาด้วยความโกรธและไม่อยากจะตอบอะไรกลับไป
ไม่กี่วันต่อมาก็มีการส่งตัวผู้คนออกมาอีก ทว่าพวกเขาเหล่านั้นทุกคนล้มเหลว สีหน้าของพวกเขาหดหู่ราวกับถูกทุบตีแหลกเป็นชิ้น ๆ
“อย่าเพิ่งท้อไปเลยพี่น้อง พวกเจ้าพยายามได้ดีมากแล้ว”
ในเวลานี้เด็กชายตัวอ้วนได้กระโดดออกมาและตะโกนว่า “อย่างน้อยพวกเจ้าก็ทนได้มากกว่า 2-3 วัน พวกเจ้ารู้ไหมว่ามีคนที่ล้มเหลวในตั้งแต่วันแรกอยู่ด้วย”
ผู้คนต่างประหลาดใจ
วันแรกแทบจะเป็นเพียงแค่การแสดงจุดเริ่มต้นของฉากวันโลกาวินาศ คนธรรมดาที่มีจิตใจแข็งแกร่งนั้นสามารถผ่านวันแรกมาได้สบาย ๆ
“ใครกัน?” ชายคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ
เด็กชายตัวอ้วนชี้ไปที่ลั่วอู๋ด้วยความตื่นเต้น “นั่นไง เขาคือคนแรกที่ล้มเหลวในการทดสอบ เขาทนการทดสอบไม่ได้เลยแม้แต่วันเดียว”
ลั่วอู๋ได้แต่ทนยอมรับความเห็นอกเห็นใจของผู้คนที่แฝงไปด้วยแววตาเย้ยหยันและเสียงหัวเราะเล็กน้อย
จะพูดอะไรอีกไหม ?
เขาคงอธิบายสาเหตุได้ไม่ชัดเจนพอ และเขาก็คงสู้กับอีกฝ่ายไม่ไหว
มีการส่งผู้คนออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนมีท่าทีมึนงงและดูเหมือนจะได้รับความทุกข์ทรมานจากมิติเหนือเมฆแสนสาหัส
ในที่สุดเวลาเดือนกว่าก็ผ่านไป
ผู้ชายที่มีกล้ามเนื้อน่ากลัวมากราวกับมันกำลังจะระเบิดออกมา พลังวิญญาณของเขามหาศาลดูเหมือนจะไม่เสถียร และลมปราณของเขาก็เหมือนกับสัตว์ประหลาด
“มีคนผ่านการทดสอบออกมาแล้ว” “แม้ว่าพลังของเขาจะยังไม่มั่นคง แต่เขาก็ผ่านมาได้ในอันดับหนึ่ง”
เขาคือหนึ่งในลูกหลานของตระกูลจี๋อี๋
หลังจากนั้นไม่นานบุคคลที่ผ่านการทดสอบคนอื่น ๆ ก็ถูกส่งออกมา
หนานกงหยิงเอ๋อ, ทัวป๋าเจียฉี, เหวินเสี่ยว และผู้มีพรสวรรค์คนอื่น ๆ ที่ ลั่วอู๋ไม่รู้จักมากมาย พวกเขาต่างก็มีสีหน้าที่ทรมานและไม่พึงพอใจเท่าไหร่นัก
พวกเขาต้องใช้เวลาพักใหญ่ ๆ ในการรับมือกับภาพลวงตาข้างในนั้น
ทว่าทูตเฉียงหลงที่สวมหน้ากากมังกรขาวนั้นกลับดูตื่นเต้นอยู่พอสมควร
ตามที่เขาคาดไว้ เหล่าวีรบุรุษจะปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่คับขัน และเขาไม่สามารถประเมินความสามารถในอนาคตของผู้คนเหล่านี้ได้
เมื่อเวลาผ่านไปหมู่เมฆก็สลายลง และฉูจงฉวนผู้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเขาก็เดินออกมาในที่สุด เขายืดเอวออกและถอนหายใจ
“ข้ามั่นใจได้เลยว่าข้าเหนื่อยมาก ทันทีที่ข้ากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู ข้าจะพักผ่อนให้เต็มที่สักสองสามวัน”
จิตใจและอารมณ์ของเขายังคงปกติดี
ที่สำคัญคือเขายังคงสะอาดบริสุทธิ์ หลังจากที่ออกมาจากมิติเหนือเมฆ ซึ่งนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงเจตจำนงความรักสะอาดของเขา