ไหปีศาจ - บทที่ 241 ทักษะเชิญวิญญาณ
บทที่ 241
ทักษะเชิญวิญญาณ
ราวกับมีลมแรงพัดอยู่ด้านนอกบ้านพักของลั่วอู๋
เฉินหมิงหยู่รู้สึกว่าอุณหภูมิอันเหมาะสมในตอนแรกของสำนักเฉียนหลงนั้นเย็นขึ้นมามาก
“ท่านพี่ เขาคนนี้นี่แหละ” หนิงหลิงหลิงชี้ไปที่ลั่วอู๋และพูดด้วยรอยยิ้มราวกับปีศาจตัวน้อย “เจ้าควรยอมรับความผิดพลาดที่ทำไปโดยเร็ว หากเจ้ายอมรับด้วยทัศนคติที่ดี พวกข้าอาจจะพิจารณาปล่อยเจ้าไปก็ได้”
สาว ๆ มองไปที่ลั่วอู๋
ข้าไม่ได้เพิ่งออกมาจากโรงหมอนะ มาทำไมกันเยอะแยะ?
ลั่วอู๋ไม่ตอบ แต่กลับโบกมือให้เฉินหมิงหยู่ “มานี่หน่อยสิ”
เฉินหมิงหยู่ก้าวย่างอย่างช้า ๆ เดินไปหาลั่วอู๋อย่างไม่เต็มใจ
สาว ๆ ทุกคนรู้สึกได้ถึงจุดพิรุธบางอย่าง ทำไมความมั่นใจของท่านพี่ถึงได้ดูอ่อนลง? นางดูเหมือนคนอารมณ์ไม่ดี นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เฉินหมิงหยู่มองมาที่ลั่วอู๋ด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ
“เรียกข้าดี ๆ สิ” ลั่วอู๋กล่าว
เฉินหมิงหยู่หายใจเข้าลึก ๆ ลดศีรษะลงและพูดออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ท่านอาจารย์”
เหล่าสาว ๆ เบิกตากว้างไปพร้อม ๆ กัน ในใจของพวกนางต่างกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ภาพของท่านพี่ผู้อยู่เหนือสุดได้พังทลายลง
ท่านอาจารย์?
นี่ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย ?
หญิงสาวที่ชั่วร้ายที่สุดในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปรับแต่งระดับสูงที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึงกับต้องยอมก้มหน้า เพื่อกล่าวคำทักทายแก่ชายหนุ่มนิรนามคนนี้
“ดีมาก” ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เขาไม่คาดคิดเลยว่า ท่านพี่สาวของหนิงหลิงหลิงแท้จริงแล้วคือเฉินหมิงหยู่
ช่างบังเอิญเหลือเกิน โชคดีสุด ๆ
“เจ้าควรทำอย่างไร เวลามีคนพูดไม่ดีต่ออาจารย์ของเจ้า”ลั่วอู๋ถาม
เฉินหมิงหยู่เม้มริมฝีปากของนาง “หนิงหลิงหลิง เดินมาตรงนี้หน่อยสิ”
“ท่านพี่… ” หนิงหลิงหลิงกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
“มานี่สิ!”
เฉินหมิงหยู่ตะคอกด้วยน้ำเสียงอันรุนแรงทำให้ หนิงหลิงหลิงรู้สึกไม่สบายใจมาก นางก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
“ดีมาก ทีนี้จงขอโทษเขาซะ ” เฉินหมิงหยู่ถอนหายใจ
หนิงหลิงหลิงไม่เต็มใจเท่าไหร่ที่จะขอโทษ แต่เพราะความสง่างามของท่านพี่ของนาง นางจึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าไป “ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว”
ลั่วอู๋หัวเราะ “ไม่เป็นไร นางเป็นคนของข้าเอง ยังไงซะตอนนี้ความเข้าใจผิดก็ได้ถูกอธิบายให้ชัดเจนแล้ว”
ดูเหมือนจะมีบางอย่างแตกสลายในใจของเหล่าสาว ๆ
แบบนี้ท่านพี่สาวจะยังคงเป็นคนเดิมที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้อีกอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ?
ทันใดนั้นเฉินหมิงหยู่ก็เงยหน้าขึ้นและมองตรงไปที่ดวงตาของลั่วอู๋ “อย่าเพิ่งได้ใจไป มันเป็นคำสั่งของท่านปู่ของข้าที่ให้เรียกเจ้าว่าท่านอาจารย์”
“ข้าเองก็ไม่ภูมิใจในเรื่องนี้เท่าไหร่อยู่แล้ว” ลั่วอู๋กล่าวอย่างไร้เดียงสา
“ฮึ่ม” เฉินหมิงหยู่จับมือหนิงหลิงหลิงหันกลับมาและเดินกลับไปหาเหล่าสาว ๆ จากนั้นนางก็มองไปที่ลั่วอู๋และความมั่นใจของนางก็ลุกขึ้นอีกครั้ง ความสับสนอันขุ่นมัวในใจนางถูกกวาดออกไปเช่นเดียวกับดวงจันทร์ที่สว่างไสว “แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะเคยแพ้พนันเจ้า แต่ตอนนี้ข้าต้องการที่จะท้าทายเจ้าอีกครั้ง”
ความหวังถูกจุดขึ้นในใจของสาว ๆ
ดูเหมือนว่าที่ท่านพี่ต้องก้มหัวให้เขาคงจะเป็นเพราะแพ้พนันบางอย่าง
“เจ้าช่างเป็นผู้ชายน่ารังเกียจยิ่งนัก” หนิงหลิงหลิงยืนขึ้นและตำหนิด้วยคำพูดอันดูชอบธรรม “บัดนี้ความเกลียดชังในปัจจุบันและความเกลียดชังในอดีตจะถูกนับรวมกันเพื่อคิดบัญชีในตอนนี้”
ลั่วอู๋กะพริบตา
โอ้ ความภาคภูมิใจของอัจฉริยะอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ?
“มีปัญหาอะไรงั้นหรอลั่วอู๋ ? เจ้าไม่กล้าตอบรับคำท้าทายของข้างั้นเหรอ?” เฉินหมิงหยู่กล่าวอย่างโอหัง ตอนนี้ความนิยมทั้งหมดของนางได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว
ลั่วอู๋ตอบอย่างเรียบ ๆ “มันไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะท้าทายอะไรข้า แต่ได้โปรดอย่าเรียกข้าด้วยชื่อของข้า เพราะถึงยังไงข้าก็ยังคงเป็นอาจารย์ของเจ้า”
สาว ๆ โกรธมากจนเปลวไฟในดวงตาของพวกนางลุกโชนราวกับจะทำให้ที่พักของลั่วอู๋ทั้งหลังลุกเป็นไฟ
เฉินหมิงหยู่กัดฟันสีเงินของนาง “ท่านอาจารย์โปรดยอมรับการท้าทายของข้าด้วย ถ้าข้าชนะข้าจะขอตัดเดิมพันทั้งหมดของข้า และข้าจะได้ไม่ต้องเรียกท่านว่าท่านอาจารย์อีก”
นางยังคงเรียกเขาว่าท่านอาจารย์
เพราะนี่เป็นคำสั่งจากท่านปู่ของนาง ไม่ว่านางจะดื้อรั้นแค่ไหนนางก็ไม่กล้าหรือไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา
“ลืมไปซะเถอะ ตอนนี้ข้าคุ้นเคยกับเจ้าดีแล้ว แถมข้าติดหนี้บุญคุณหลงเซี่ยอยู่ ถ้าไม่อยากเรียกข้าว่าท่านอาจารย์เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเรียก” ลั่วอู๋สงสัยเล็กน้อย
ดวงตาของเฉินหมิงหยู่แสดงถึงความแน่วแน่ “หนี้บุญคุญของลุงหลงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า ท่านต้องยอมรับคำท้าทายของข้า”
ผู้ชนะเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสิน
และนางต้องมีข้ออ้างไปบอกกับท่านปู่ของนาง
“เอาล่ะ ๆ ๆ ๆ ” ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก
ในเมื่อนางยืนกรานขนาดนี้เขาจะยอมรับคำท้าก็ได้
เฉินหมิงหยู่หันศีรษะของนางแล้วพูด “หนิงหลิงหลิง เอาม้าผีของเจ้าออกมาสิ”
หนิงหลิงหลิงตกตะลึง แต่เมื่อนางคิดได้นางก็มีความสุขมาก
มันเป็นเรื่องดีที่ได้รับเลือกให้ปรับแต่งสัตว์วิญญาณ ในการแข่งขันระหว่างผู้ปรับแต่ง เพราะนางจะได้รับการปรับแต่งที่ดีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
“เนื่องจากเจ้าคิดว่า เจ้าสามารถช่วยให้ม้าผีตัวนี้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ งั้นข้าจะขอใช้มันในการเปรียบเทียบกับเจ้า” เฉินหมิงหยู่ยกคางขึ้นและพูด
ลั่วอู๋พยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
เฉินหมิงหยู่แสดงรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
ตั้งแต่นางออกจากเขตหวงชามา นางก็ได้ศึกษาวิชาลับของตระกูลทั้งกลางวันและกลางคืน จนในที่สุดระดับความสามารถในการปรับแต่งของนางก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนไปถึงระดับผู้ปรับแต่งระดับสูง
และในแง่ของทักษะและการเรียนรู้ มีความก้าวหน้าและความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็แค่โชคดีและความรู้กว้างขวาง อย่างไรก็ตามทักษะความสามารถในการปรับแต่งต่างหากที่สำคัญที่สุด!
นี่เป็นโอกาสดีที่นางจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
“ข้าจะขอเริ่มก่อนล่ะ!” เฉินหมิงหยู่ นำม้าผีและเดินเข้าไปในที่พักของลั่วอู๋ “ข้ายืมที่พักของเจ้าสักครู่”
ลั่วอู๋ยักไหล่ “เชิญได้เลย”
พวกนางทั้งหมดเดินเข้าสู่ที่พักอาศัยของลั่วอู๋ ซึ่งแน่นอนว่าเฉินหมิงหยู่เองก็ได้นำม้าผีเข้าไปในห้องด้านในของที่พักและเริ่มการปรับแต่งในขณะที่คนอื่น ๆ รออยู่ข้างนอก
ประมาณสามชั่วโมงต่อมา
เฉินหมิงหยู่เดินออกจากห้องด้วยใบหน้าที่ท้อแท้
“ท่านพี่ ท่านพี่ไหวรึเปล่าเจ้าคะ ?” กลุ่มผู้หญิงรวมตัวกันรอบ ๆ
เฉินหมิงหยู่แสดงรอยยิ้มอันสดใส “แน่นอนสิ ข้าสบายดี หนิงหลิงหลิงรับม้าผีของเจ้าไปด้วย”
ม้าผีตัวนั้นทั้งสูงและสง่างามมาก ดวงตาสีเขียวเข้มและร่างกายที่ดูว่างเปล่าของมันยิ่งทำให้โดดเด่น ซึ่งมันสามารถสลับไปมาระหว่างร่างวิญญาณและร่างกายหยาบได้
เสียงกีบของม้าผีนั้นทรงพลังราวกับว่ามันสามารถก้าวข้ามผ่านภูเขาและแม่น้ำได้ด้วยเท้าเดียว
หนิงหลิงหลิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ แต่เดิมมันมีเพียงแค่ทักษะระดับ A ทลายสรวงสวรรค์ เพียงทักษะเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้มีทักษะเพิ่มขึ้นมาอีกสองทักษะ! และเป็นทักษะระดับ S ทั้งหมด อันแรกคือทักษะไฟทมิฬ และอีกทักษะหนึ่งคือทักษะประจำตัวของม้าผี เชิญวิญญาณ”
เชิญวิญญาณเป็นทักษะระดับ S: ที่สามารถเรียกเงาของเจ้านายคนเก่าของมันมาต่อสู้เคียงข้างกันได้
มันคือทักษะอันเลื่องชื่อของม้าผี
ในตัวของม้าผีเองก็มีวิญญาณของม้าที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์รวมอยู่ด้วย และมันย่อมมีเจ้าของดั้งเดิมตามธรรมชาติ
ในอดีตวิญญาณของเจ้าของม้าและอำนาจของม้าผีนั้นมีความแข็งแกร่งเสริมพลังกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้พลังวิญญาณที่ระเบิดออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวโดยธรรมชาติ
ยิ่งเจ้านายคนเก่าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ทักษะนี้ก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
หากเจ้านายของม้าผีคนก่อน แข็งแกร่งระดับเทพเจ้า มันก็จะแข็งแกร่งขึ้นมากมหาศาล จนทักษะนี้น่ากลัวไม่ต่างไปจากทักษะระดับ SS
สาว ๆ ปรบมือกันอย่างดุเดือด เพราะกลัวว่าเสียงปรบมือจะน้อยเกินไปที่จะแสดงความชื่นชมจากภายในให้กับท่านพี่ของพวกนาง
สมกับเป็นท่านพี่สาวจริงๆ
“ถ้าเจ้าให้เวลาข้าเพิ่ม ข้าก็สามารถช่วยให้ม้าผีเรียนรู้ทักษะอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีก แต่นี่อยู่ในระหว่างการดวลกันล่ะนะ” เฉินหมิงหยู่บอกกับหนิงหลิงหลิง
เรื่องระยะเวลาเองก็เป็นหนึ่งในเกณฑ์การประเมินที่สำคัญ
และแน่นอนว่าผู้ที่เริ่มเป็นคนหลังในการแข่งขันจะลำบากกว่าคนแรกแน่ ๆ แต่ลั่วอู๋ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
หนิงหลิงหลิงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ท่านพี่สาวอย่าพูดแบบนั้นเจ้าค่ะ ข้าพอใจมากแล้ว ม้าผีนั้นเป็นสัตว์วิญญาณที่ข้าต้องการมากที่สุด แม้ว่ามันจะมีทักษะเพียงแค่อย่างเดียวข้าก็ยังเก็บมันไว้ ”
เฉินหมิงหยู่พยักหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้ม
นางใช้ทรัพยากรมากเกินไปในการปรับแต่งสัตว์วิญญาณ
เพื่อให้การปรับแต่งนี้เสร็จสมบูรณ์ เฉินหมิงหยู่ได้เสียทรัพยากรที่มีค่ามากกว่าตัวม้าผีเองเสียอีก
หนิงหลิงหลิงเองก็รู้ถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการให้ท่านพี่ของนางช่วยปรับแต่งให้นางต่อ
ความเป็นพี่น้องก็เรื่องหนึ่ง แต่เมื่อพูดถึงความสูญเสียทางทรัพยากรจำนวนมากเช่นนี้ มันก็ทำลายความรู้สึกที่ดีไปได้มากจริงๆ
“ต่อไปก็ถึงตาเจ้าแล้ว” เฉินหมิงหยู่ชี้ไปที่ลั่วอู๋อย่างมั่นใจ
มันเป็นเรื่องปกติ
นางใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงในการปรับแต่ง
นอกจากนี้ยังช่วยให้สัตว์วิญญาณระดับทองได้เรียนรู้ทักษะอันทรงพลังเพิ่มถึงสองทักษะ มันเพียงพอแล้วที่นางจะภาคภูมิใจกับความสำเร็จนี้
ลั่วอู๋ยิ้มและลุกขึ้น “ได้เลยถึงตาข้าแล้วสินะ”