ไหปีศาจ - บทที่ 269 ไพ่ตายของเอ๋าหยู่
บทที่ 269 ไพ่ตายของเอ๋าหยู่
บทที่ 269 ไพ่ตายของเอ๋าหยู่
เหตุผลที่แม้ว่ามู่ฉิงจะไม่ถูกใจในภูตสงครามกลายพันธุ์ แต่นางก็ไม่ได้ทิ้งมันไป รวมถึงทำไมจางฉีหงที่รู้ว่าการกลายพันธุ์ได้ทำให้พลังวิญญาณในเลือดของมันถูกระงับ แต่เขาก็ไม่คิดจะหาภูตสงครามตัวอื่นมามอบให้กับมู่ชิง นั่นคือเหตุผลด้วยกัน
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากที่จะทำ แต่พวกเขาทำไม่ได้ต่างหาก
พวกเขาไม่สามารถตามหาภูตสงครามตัวที่สองได้ สัตว์วิญญาณแบบนี้นั้นหาได้ยากมากจนพวกเขาได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งจะหาทางแก้ไขผลเสียจากการกลายพันธุ์ได้
สายตาของผู้ชมทั้งหมดจดจ่อไปที่มู่ชิงอยู่ครู่หนึ่ง
เพราะหลายคนรู้ว่านางมีภูตสงครามในครอบครอง และมีเพียงนางเท่านั้นที่มีสัตว์วิญญาณคู่พันธะเป็นภูตสงครามในสำนักเฉียนหลง
“อย่ามองมาที่ข้า ภูตสงครามของข้ายังอยู่ในแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ภูตสงครามของข้านั้นอยู่ในระดับทองขั้นสูง ต่างจากของเขา” มู่ชิงกล่าวอย่างไร้เดียงสา
การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณนั้น สามารถใช้ได้กับแค่สัตว์วิญญาณคู่ พันธสัญญาเท่านั้น
นอกจากนี้ทุกคนต่างก็รู้กันดี
ว่ามิติวิญญาณของมันนั้นไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตามมันก็ยังบังเอิญเกินไป
ทันทีที่ลั่วอู๋ได้รับการยกระดับมิติวิญญาณเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง เขาก็ได้รับสัตว์วิญญาณที่หาได้ยากและเป็นมิตรอย่างนั้นเหรอ? นี่มันโชคระดับไหนกัน!
“ภูตสงครามงั้นรึ!” เอ๋าหยู่ประหลาดใจ
แน่นอนเขาเคยได้ยินชื่อของภูตสงครามมาก่อน
“แค่มีภูตสงครามแล้วมันจะยังไงล่ะ” เอ๋าหยู่ไม่ได้รู้สึกกลัวเลย กลับกันแล้วดวงตาของเขานั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกระหายในสงคราม “ไม่ว่ามันจะมีทักษะที่แข็งแกร่งแค่ไหนมันขึ้นอยู่กับผู้ใช้อยู่ดี คนอย่างเจ้าเนี่ยนะจะคู่ควรกับพลังของภูตสงคราม?”
ลั่วอู๋นั้นเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณ ซึ่งน่าจะดึงประสิทธิภาพในการต่อสู้ของภูตสงครามออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์
นั่นหมายความว่า เอ๋าหยู่เองก็คงไม่คิดว่า ลั่วอู๋จะสามารถควบคุมพลังของภูตสงครามออกมาได้อย่างเต็มที่
ดาบระบำแห่งความตายสว่างขึ้นเป็นสีเปลวเพลิง พร้อมกับเสียงของลั่วอู๋ที่ดังขึ้น “ถ้าอย่างนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นเอง ดาบแห่งการลงทัณฑ์ ”
การฝึกฝนเหล่านี้ไม่อาจทำให้ลั่วอู๋เป็นยอดนักสู้ในเวลาสั้น ๆ ได้
แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าจะสามารถใช้ทักษะแต่ล่ะอย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
ทักษะระดับ S [ดาบแห่งการลงทัณฑ์]
ว่ากันว่ามันเป็นการใช้พลังวิญญาณสร้างดาบแห่งแสง ซึ่งมีความสามารถในการกำจัดสัตว์วิญญาณธาตุมืดและมีพลังทำลายอันรุนแรง อีกทั้งมันยังสามารถทำให้ความตั้งใจในการต่อสู้ของอีกฝ่ายอ่อนแอลง
“เร่งสมาธิสูงสุด กรงเล็บแยกพิภพ!” ดวงตาของเอ๋าหยู่คมขึ้นอย่างมากและแขนขาของเขาก็เปลี่ยนเป็นกรงเล็บของนกยักษ์โดยสมบูรณ์ เอ๋าหยู่เข้าปะทะกับดาบของลั่วอู๋ที่มีเปลวไฟลุกโชนในทันที
ทักษะระดับ S [เร่งสมาธิสูงสุด]
ทักษะติดตัวอันแข็งแกร่ง ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรักษาสมาธิในการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์ และไม่ถูกรบกวนจากสิ่งแปลกปลอมหรือภาพลวงตา
แม้ว่าจะไม่ใช่ทักษะที่ทรงพลัง แต่ก็เป็นทักษะพลังวิญญาณที่สำคัญในการต่อสู้ มันเป็นหนึ่งในทักษะที่ดีที่สุดที่ซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ
“ตูม ตูม”
ร่างกายของพวกเขาเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว ราวกับภูตผีปีศาจ ทุกครั้งที่ดาบและกรงเล็บปะทะกันจะมีเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์และจะมีเปลวไฟระเบิดกระจัดกระจายไปทั่วอย่างรุนแรง
ทั้งสองคนนั้นปะทะกันไปแล้วกว่า 30 ครั้งในระยะเวลาสั้น ๆ ชั่วอึดใจ
การระเบิดเกิดขึ้นและไปและทั้งสนามประลองก็เต็มไปด้วยหมอกควัน
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง ความเร็วของพวกเขานั้นเร็วเกินไป ทุกครั้งที่โจมตี ผู้ชมจะรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นที่ไหลออกมาด้วยความตื่นเต้น
ใครจะไปคิดว่าลั่วอู๋นั้นจะรับมือกับเอ๋าหยู่ได้อย่างสูสีโดยไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย
พลังของภูตสงครามนั้นช่างยอดเยี่ยม
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสังเกตเห็นถึงวิธีการบางอย่างของลั่วอู๋ นั่นก็คือหนิงปิงหลันที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ และมู่ฉิงผู้มีภูตสงครามในครอบครอง เพราะพวกนางรู้ว่าเขาจะได้รับพลังแบบใดหลังจากทำการการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณกับภูตสงคราม
คนที่ไม่รู้วิธีการต่อสู้ด้วยพลังของภูตสงครามนั้นไม่มีทางบรรลุทักษะถึงระดับนี้ได้ แม้ว่าเขาจะได้รับพลังของภูตสงครามมา แต่ท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้พลังวิญญาณ
ลั่วอู๋เองก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน
เมื่อเขาได้ลองต่อสู้กับอีกฝ่ายจริง ๆ จัง ๆ เขาก็ได้รู้ว่าสองพี่น้องตระกูลเอ๋านั้นมีแข็งแกร่งมากแค่ไหน
โชคดีที่เขาเลือกเปลี่ยนตวนซีให้เป็นภูตสงคราม หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
เมื่อเขาเลือกสัตว์วิญญาณที่ลอกเลียนแล้ว เขาจะเปลี่ยนตวนซีให้กลายเป็นสัตว์วิญญาณตัวอื่นในมุมมองของสาธารณชนไม่ได้ มิฉะนั้นมันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก
ดังนั้นเขาจึงต้องเลือกสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งจริง ๆ
มันต้องเป็นสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับปัญหาส่วนใหญ่ในการต่อสู้ได้
ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือภูตสงครามเองมีคุณสมบัติที่ชนะทางเนตรทรราชชั่วร้าย
แต่สิ่งที่ลั่วอู๋ไม่คาดคิดก็คืออีกฝ่ายนั้นสามารถเลือกยืมเพียงแค่พลังของแมวป่าเพลิง และนกยักษ์ก็สามารถรับมือกับเขาได้โดยไม่ต้องกลัวผลเสียของการแพ้ทาง
ร่างของเอ๋าหยู่กะพริบ แล้วถอยออกไปด้านหนึ่งเขามีบาดแผลจากดาบวิญญาณหลายแห่งตามตัว
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลั่วอู๋
เนื่องจากการโจมตีของอีกฝ่ายจะก่อให้เกิดการระเบิดอันรุนแรง เขาจึงได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดทำให้มีบาดแผลไหม้หลายจุดบนร่างกายของเขาเช่นกัน
“ดูเหมือนเจ้าเองก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง ข้าคงประเมินเจ้าต่ำเกินไปหน่อย” เอ๋าหยู่กล่าวช้า ๆ
ลั่วอู๋ตะคอกอย่างเย็นชา “เจ้าหยุดพูดเหมือนขอความเมตตาได้ไหม ต่อให้จะมาขอโทษ ข้าก็ไม่ยอมรับหรอกนะ ดาบแห่งการทำลายล้าง!”
ทักษะระดับ S [ดาบแห่งการทำลายล้าง]
หากทักษะดาบแห่งการลงทัณฑ์นั้นมีพลังในการกำจัดความมืดและทำให้เจตจำนงในการต่อสู้ของอีกฝ่ายอ่อนแอลง ดาบแห่งการทำลายล้างนั้นก็คือการทำลายอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์
เปลวไฟบนดาบระบำแห่งความตายสว่างขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างอันหนาวเหน็บ
ดาบระบำแห่งความตายในมือของเขาถูกฟาดฟันออกไปอีกครั้ง เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ถูกปล่อยออกไปพร้อมพลังคลื่นดาบวิญญาณอันแข็งแกร่ง
“การอุ่นเครื่องจบลงแล้ว” เอ๋าหยู่พูดอย่างเงียบ ๆ ปีกสีเงินที่อยู่ข้างหลังเขาก็โบกขึ้นสร้างหลุมดำขนาดใหญ่ ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา
มันคือทักษะระดับ S [ความมืดมิดกลืนกิน]
ลั่วอู๋ไม่แปลกใจเท่าไหร่เวลาต้องเผชิญหน้ากับทักษะ เพราะมันเป็นทักษะที่ต้าหวงมี
หลุมดำกลืนเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์และคลื่นดาบวิญญาณไปทั้งหมดและเอ๋าหยู่ก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ
การใช้พลังอันน่ากลัวดังกล่าวทำให้ความแข็งแกร่งของเอ๋าหยู่อยู่ในใจของผู้คนพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้ง
สองพี่น้องตระกูลเอ๋านั้นช่างแข็งแรง
ถ้าอย่างนั้นเอ๋าเฉียนจุนผู้ที่ทั้งสองยังต้องก้มหัวให้จะแข็งแกร่งจนน่ากลัวถึงระดับไหนกัน?
“เจ้าโชคดีมากที่มีภูตสงคราม เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์และทักษะต่าง ๆ ของภูตสงคราม เป็นอาวุธที่ชนะทางเนตรทรราชชั่วร้ายของข้า” น้ำเสียงเอ๋าหยู่ไม่ได้มีความขุ่นมัว ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่การบอกความจริงออกมา
เนตรทรราชชั่วร้ายคือการรวมตัวของอารมณ์เชิงลบทุกประเภท
พลังแห่งภูตสงครามมีความสามารถในการปัดเป่าความมืดและต้อนรับการมาของแสงสว่าง อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของเนตรทรราชชั่วร้าย
มันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติ
ที่เขาจะไม่ใช้มันในการต่อสู้
“เจ้าคงคิดที่ข้าไม่ยืมพลังของเนตรทรราชชั่วร้าย เพราะกลัวว่ามันจะทำให้ข้าแพ้สินะ น่าขำจริง ๆ เจ้าคิดว่าสัตว์วิญญาณอันแข็งแกร่งที่ข้าพึ่งพามากที่สุด จะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ข้าพ่ายแพ้ได้จริง ๆ เหรอ”
เอ๋าหยู่ยังคงพูดต่อไป แต่เสียงของเขาก็เริ่มเบาลงเรื่อย “เจ้าคงคิดว่าต่อให้เอ๋าเฉาทิ้งเนตรทรราชชั่วร้ายไว้กับข้า มันก็คงไม่เปลี่ยนอะไรสินะ”
“ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าเองก็จะหยิ่งผยอง จนลืมเหตุผลไปว่าทำไมสิงโตต้องสู้กับกระต่ายด้วยกำลังทั้งหมดที่มี”
“จริง ๆ แล้วพวกข้าก็ไม่ได้ต้องการจะใช้ท่านี้จริง ๆ หรอก เพราะเดิมทีมันเป็นไพ่ตายที่สงวนเอาไว้ใช้กับเอ๋าเฉียนจุน ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้มันกับเจ้า”
เอ๋าหยู่หัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง ลมปราณในร่างของเขาดูไม่เสถียรอย่างมาก ทั่วทั้งสนามประลองค่อย ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา
หัวใจของลั่วอู๋เต้นรัว
เขารู้ว่าเอ๋าเฉาทิ้งเนตรทรราชชั่วร้ายของเขาไว้กับเอ๋าหยู่
แต่เขาไม่เข้าใจ ว่าเอ๋าเฉาทำแบบนั้นเพื่ออะไร?
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลงและกลิ่นที่น่ารังเกียจก็เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสนามประลอง
ฝูงชนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีอย่างประหม่า
นี่คือไพ่ตายของสองพี่น้องตระกูลเอ๋าพิเศษที่มีไว้เพื่อจัดการกับเอ๋าเฉียนจุน อย่างนั้นเหรอ?
มันเป็นสถานการณ์ที่แย่มาก
เขาไม่ได้คาดคิดว่าลั่วอู๋จะทำให้เขาต้องใช้มัน
ด้านหลังของเอ๋าหยู่ เงาที่เป็นตัวแทนของเนตรทรราชชั่วร้ายนั้นไม่ได้สว่างขึ้น แต่กลับมืดสลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ และก็กลายเป็นความมืด
จากนั้นเนตรทรราชชั่วร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น
เดิมทีมันมีรูปร่างเป็นดวงตาขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้เนื้อและเลือดที่เหลืออยู่เริ่มกระชับราวกับถูกกระตุ้นให้มันมีขนาดใหญ่
กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
ทันใดนั้นดวงตาที่ปิดสนิทของมันก็เปิดขึ้น
มีเสียงร้องด้วยความประหลาดใจดังไปทั่วสนาม
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมัน แต่เป็นเพราะฉากนี้นั้นน่ากลัวและน่าขยะแขยงจนเกินไป
ในดวงตาขนาดใหญ่นั้นมีดวงตาที่ปิดอยู่ข้างในอีกชั้น