ไหปีศาจ - บทที่ 272 จนมาก
บทที่ 272 จนมาก
บทที่ 272 จนมาก
แม้ว่าพวกเขาจะผ่านการทดสอบเข้ามาได้ด้วยโควตาพิเศษของตระกูล ทำให้พวกเขาเข้าสู่สำนักชั้นในได้เร็วกว่า คนอื่น ๆ มาก
อย่างไรก็ตาม เอ๋าเฉียนจุนนั้นสามารถครองที่หนึ่งของอันดับรายชื่อได้ มันแสดงให้เห็นว่าเขามีพลังอันแข็งแกร่งอยู่ จริง ๆ
เนื่องจากการประเมินภายในสำนักยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น สำนักจึงให้คะแนนตามการประเมินเบื้องต้นตามศักยภาพของนักเรียนในตอนที่รับเข้ามา
“ดูเหมือนว่าในสายตาของสำนักเฉียนหลง เขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักเรียนทั้งหมดสินะ” ลั่วอู๋พูดกับตัวเอง
ลั่วอู๋มองไปที่เหรียญของเขา คะแนนตามการประเมินเริ่มต้นของเขาอยู่ที่ 301 ซึ่งเกือบจะอยู่ในอันดับท้ายสุดของตาราง ในขณะที่คะแนนเริ่มต้นของเอ๋าเฉียนจุนสูงถึง 8400
“เฮ้ นั่นมันมากเกินไปรึเปล่า” ลั่วอู๋พูด
ฉูจงฉวนมองไปที่เหรียญของเขา “ฮ่าฮ่าฮ่า 301 ต่ำเกินไปแล้ว ขนาดข้ายังมีตั้ง 4500”
“ฮึม!” ลั่วอู๋กระแฮ่มอย่างไม่พอใจ
แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ
ลั่วอู๋ไม่ผ่านการทดสอบเข้าสำนักเฉียนหลง เขาเข้าสำนักเฉียนหลงโดยอาศัยโควตาพิเศษของตระกูลลั่ว ในช่วงแรกของการเข้าสู่สำนักเขาจึงยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่ง และก็ไม่มีชื่อเสียงใด ๆ เลย คะแนนการประเมินเริ่มต้นของเขาจึงต่ำมาก
แต่ถ้าให้มาประเมินตอนนี้ล่ะก็ มันจะไม่ต่ำแบบนี้แน่นอน
ในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้ชิงอันดับ บางคนแทบรอไม่ไหวที่จะมีส่วนร่วมในการทดสอบเพื่อเพิ่มคะแนนการประเมินของพวกเขา จากนั้นผู้คนในสนามประลองก็แยกย้ายกันไปทันที
“มันเกินจริงมากที่เอ๋าเฉียนจุน สามารถได้คะแนนประเมินเบื้องต้นถึง 8400” ฉูจงฉวนกล่าว
ลั่วอู๋อดสงสัยไม่ได้ “ชายที่ชื่อว่าเอ๋าเฉียนจุนมีพลังมากขนาดนั้นเลยเหรอ ข้าอยู่ในสำนักชั้นในมาตั้งนานยังไม่ได้เจอเขาเลยสักครั้ง”
ทันทีที่เอ๋าเฉียนจุนเข้าสู่สำนักเฉียนหลง เขาได้เลือกจุดยอดเขาที่อยู่สูงสุดของสำนักและมีพลังวิญญาณหนาแน่นที่สุด และคงคิดว่าจะไม่มีใครไปท้าแข่งกับเขาเพราะมันดูไร้สาระเกินไป
“เจ้ารู้ใช่ไหม ว่าคนอย่างพวกเราถูกเรียกว่าผู้มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้า” ฉูจงฉวนกล่าวอย่างจริงจังว่า “เพราะพวกเรามีความโดดเด่นในเหนือกว่าเหล่าผู้มีพรสวรรค์คนอื่น ๆ ทั้งหมด”
ลั่วอู๋ “เพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเองและข้า อย่าพูดแบบนั้นเลย เจ้ามันหลงตัวเอง”
“เจ้าไม่ได้สนใจฟังข้าเลย” ฉูจงฉวนโกรธ
“ข้าฟังอยู่ พูดต่อสิ” ลั่วอู๋พูดอย่างรีบร้อน
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยจริง ๆ ต่างจาก ฉูจงฉวนที่มีความรู้มากมายเกี่ยวกับเหล่าผู้มีพรสวรรค์ในสำนักเฉียนหลง เขาต้องเป็นฝ่ายเล่าให้ลั่วอู๋ฟัง
ฉูจงฉวนกล่าวอย่างจริงจัง “เอ๋าเฉียนจุนอยู่ในระดับอื่น ซึ่งสูงกว่าความสามารถของระดับแนวหน้าไปอีก เขาเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดที่หลายหมื่นปีจะมีสักคน”
“ผู้คนจากเมืองหลวงของจักรวรรดิล้วนเป็นลูกน้องของถูกเอ๋าเฉียนจุน พวกเขาถูกครอบงำด้วยความแข็งแกร่งอันท่วมท้นของเขา”
“เขาไม่เคยล้มเหลวในการฝึกซ้อม”
“คนในตระกูลเอ๋า ตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ได้เข้าไปท้าทายเอ๋าเฉียนจุนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้เลย ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเขานั้นอยู่ในระดับปีศาจ”
สำหรับชื่อของคนที่อยู่ในระดับปีศาจ ลั่วอู๋รู้เพียงว่า เฉินหมิงหยูเองก็ดูเหมือนจะเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะระดับปีศาจ แต่เป็นในด้านของการปรับแต่ง
พอนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ดูเหมือนว่าความกดดันที่มาจากชื่ออัจฉริยะระดับปีศาจก็น้อยลงมาก
“เอ๋าเฉียนจุนมีสัตว์วิญญาณแบบไหนกัน?” ลั่วอู๋ถาม
“ก็ไม่รู้สินะ” ฉูจงฉวนกางมือออก “ข่าวส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่คำบอกเล่า มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเอ๋าเฉียนจุนมีสัตว์วิญญาณแบบไหน”
“ทำไมกัน?” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เอ๋าเฉียนจุนเป็นคนที่มีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย แล้วทำไมผู้คนจะไม่รู้ประเภทของสัตว์วิญญาณที่เขามีได้อย่างไร
“สัตว์วิญญาณตัวแรกของเขาเป็น ตั๊กแตนวายุ แต่มันพัฒนาเร็วมาก มันได้พัฒนาเป็นตั๊กแตนวายุสายฟ้าที่หาได้ยาก มันมีคุณสมบัติของธาตุลมและสายฟ้า มีทั้งความเร็วและพละกำลัง มันเป็นการวิวัฒนาการที่ค่อนข้างหายาก แต่ก็สมแล้วกับชื่อของอัจฉริยะระดับปีศาจ เอ๋าเฉียนจุน”
“แม้แต่เจ้าก็ไม่รู้ว่าเขามีสัตว์วิญญาณแบบไหนสินะ” ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ
ฉูจงฉวนยังคงดูสง่างาม “คนส่วนใหญ่รู้ว่าสัตว์วิญญาณตัวแรกของเขาคืออะไร เพราะมันไม่มีทางที่จะซ่อนมันได้ คนในตระกูลเอ๋าส่วนใหญ่ที่ต่อสู้ด้วยเห็นว่าเขามีตั๊กแตนวายุสายฟ้า แต่ไม่มีใครเคยเห็นสัตว์วิญญาณตัวที่สองและสามเลยว่าคือสัตว์วิญญาณแบบไหน”
ลั่วอู๋ตกตะลึงและใบหน้าของเขาแสดงท่าทางที่ตื่นกลัว “อย่าบอกนะว่า … ”
“ใช่แล้ว ไม่มีใครในรุ่นของเราที่สามารถบังคับให้เขาเรียกสัตว์วิญญาณตัวที่สองออกมาได้ เขาอาศัยเพียงแค่ตั๊กแตนวายุสายฟ้า ในการเอาชนะอัจฉริยะในเมืองหลวงของจักรวรรดิทั้งหมด” ฉูจงฉวนกล่าว
ลั่วอู๋ตกตะลึงและไม่สามารถกลับไปเป็นปกติได้สักพักใหญ่ ๆ
นี่มันแย่มาก
กล่าวกันว่าเอ๋าเฉียนจุนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง มิติ 5 เขาอาจจะยังไม่มีสัตว์วิญญาณตัวที่สามในตอนนี้ แต่เขาจะต้องมีสัตว์วิญญาณตัวที่สองอย่างแน่นอน
เขาไม่เคยใช้กำลังทั้งหมด แต่เขากลับอยู่ยงคงกระพันในอันดับหนึ่งเช่นนี้ สมกับชื่อของอัจฉริยะระดับปีศาจจริง ๆ
“ต่อให้คนอื่นทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำไม่ได้” ลั่วอู๋ยังไม่ได้สูญเสียความมั่นใจไป แต่มันกลับจุดประกายจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ให้กับเขายิ่งขึ้นไปอีก
เพราะเขายังมีไพ่ตายอื่นอยู่อีกมาก
ถ้าเป็นการประลองบนเวทีแห่งชีวิตและความตายละก็ เขาไม่คิดว่าเขาจะแพ้ หากไม่ต้องคอยระวังว่าจะไปแหกกฎของสำนักเฉียนหลงไหมเขาไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นตามข้อตกลงระหว่างเขาและลั่วไป่เหา เขาต้องเอาชนะเอ๋าเฉียนจุนในการจัดอันดับของสำนักเฉียนหลงให้ได้
การจัดอันดับนั้นจะขึ้นอยู่กับคะแนนที่โดยรวม
“การจัดอันดับมีการเปลี่ยนแปลงแล้วเจ้าค่ะ” หลี่หยินกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ลั่วอู๋มองไปที่เหรียญ แน่นอนว่าคะแนนการประเมินของหลาย ๆ คนมีการเปลี่ยนแปลงและการจัดอันดับบางส่วนก็หยุดชะงักโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าทุกคนจะวิตกกังวลกันมาก
และตรงที่ด้านบนสุดของรายการชื่อของเอ๋าเฉียนจุนได้หายไปแล้ว ตอนนี้ที่หนึ่งคือเหวินเสี่ยว
รอยยิ้มอันอ่อนโยนของเขาฉายขึ้นในหัวของลั่วอู๋ เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาขึ้นมาเป็นที่หนึ่งตั้งแต่แรกเริ่มของช่วงการชิงจัดอันดับ
อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงการจัดอันดับชั่วคราว คะแนนการประเมินสิบอันดับแรกนั้นแข่งขันกันหนักมากและไม่มีใครสามารถอยู่ที่เดิมได้เป็นเวลานานแน่
“ไม่มีเวลามานั่งคุยอีกแล้ว ข้าจะเริ่มแยกตัวไปก่อนล่ะ ลาก่อน” ฉูจงฉวนดูก้าวร้าวมากและดวงตาของเขาก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟ
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ “เอ๊ะ ฉูจงฉวนผู้ชาญฉลาด คิดจะต่อสู้เพื่อชื่อเสียงด้วยงั้นหรือ?”
“ถามมาได้ ข้าไม่ได้สนตรงนั้น” ฉูจงฉวนมีรอยยิ้มลึกลับ “หากชนะเป็นอันดับหนึ่ง จะสามารถบอกความปรารถนากับสำนักเฉียนหลงได้”
“ความปรารถนา?” ลั่วอู๋เหลือบมองฉูจงฉวนและอดไม่ได้ที่จะม้วนปากของเขา “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปเถอะ”
ฉูจงฉวนประหลาดใจ “เจ้าจะไม่ถามข้าหน่อยเหรอ ? ว่าข้าต้องการอะไร?”
“เจ้าต้องการอะไรงั้นเหรอ ? แน่นอนมันก็คงเป็นบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับปณิธานตลอดชีวิตของเจ้านั่นแหละ” ลั่วอู๋กล่าว
“ฮ่าฮ่าเจ้านี่รู้ใจข้าดีจริง ๆ”
ฉูจงฉวนหัวเราะออกมา
ในขณะนี้ ลั่วอู๋ก็คิดขึ้นได้ เพราะพฤติกรรมของฉูจงฉวนนั้นทำให้เขานึกถึงความตั้งใจแรกในการเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเอาชนะเอ๋าเฉียนจุน
เขามาเพื่อตามหาภูตไห
หากเขาต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับภูตไห ทางเลือกที่ดีที่สุดคือไปที่คฤหาสน์สุตรา ซึ่งมีหนังสือและตำราจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประเภทไหนก็มีอยู่ที่คฤหาสน์สุตรา แต่หากสนใจจะยืมอ่านก็ต้องจ่ายคะแนนในมูลค่าที่เท่ากับความหายากของหนังสือ
ลั่วอู๋เดินมาที่คฤหาสน์สุตรา แต่เขาก็ถูกเมินในทันที
“วันละหมื่นคะแนน” ชายชราผู้ดูแลคฤหาสน์สุตรายกนิ้วขึ้นอย่างสั่นเทา “นี่คือค่าใช้จ่าย สำหรับการเข้าอ่านหนังสือ”
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประลองกับสองพี่น้องตระกูลเอ๋า เขาได้ซื้อสมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก และจ่ายคะแนนไปมหาศาล เพื่อสะสมแต้มเซียนมาทำการสังเคราะห์
จากนั้นแต้มเซียนเหล่านั้นก็ถูกใช้ไปกับการยกระดับมิติวิญญาณของตวนซี เขาจึงเหลือมันอยู่ไม่มากเท่าไหร่เช่นกัน
ดังนั้นตอนนี้ ลั่วอู๋จึงจนมากในทุก ๆ ด้าน