ไหปีศาจ - บทที่ 280 พวกเราเองก็แบ่งปันข้อมูลได้เหมือนกัน
บทที่ 280 พวกเราเองก็แบ่งปันข้อมูลได้เหมือนกัน
บทที่ 280 พวกเราเองก็แบ่งปันข้อมูลได้เหมือนกัน
สำนักย่อยศิลปะการต่อสู้.
ที่นี่มีการทดสอบทั้งหมดเจ็ดแบบ ประกอบไปด้วย การระเบิดพลัง ความแข็งแกร่ง ความสามารถในการป้องกัน ความเร็ว การรับรู้ เจตจำนง และพลังวิญญาณ
หากได้รับอันดับสูงสุดในการทดสอบแบบใดแบบหนึ่ง ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคล
มีคนที่มาจากสำนักหม่าเฉินประมาณ 30 คนในสำนักเฉียนหลง
พวกเขามักจะรวมตัวกันหน้าเวทีการทดสอบ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สามัคคีกลมกลืนกันโดยสมบูรณ์ แต่ก็มีความสามัคคีมากพอที่จะร่วมมือกันเมื่อต้องเผชิญกับการทดสอบต่าง ๆ
ในจังหวะนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบริเวณการทดสอบรูปแบบการรับรู้
ผิวของชายคนนี้มีสีคล้ำ เขาสวมจี้เงินมากกว่าสิบอันห้อยที่ติ่งหูซ้ายของเขา จี้ต่าง ๆ มีรูปแบบที่แปลกประหลาด อยู่ในรูปร่างของผีวิญญาณ ต่างหูเหล่านั้นชนกันตามการเคลื่อนไหวทำให้เกิดเสียงอยู่เสมอ
ชื่อของเขาคือไห่เซอ และเขาเป็นผู้ที่อยู่ในอันดับ 6 ของการจัดอันดับรายชื่อเฉียนหลง
ส่วนในการทดสอบศิลปะการต่อสู้ในส่วนของการรับรู้ เขาอยู่ในอันดับที่หนึ่ง
“เป็นยังไงบ้าง ไห่เซอ! ?” คนอื่น ๆ รีบเข้าไปถาม
ไห่เซอตอบว่า “การทดสอบการรับรู้ระดับหก จุดแห่งความโกลาหลในตำแหน่งสาม น่าจะเป็นจุดช่องโหว่ แต่ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะได้ทดสอบ”
คนอื่น ๆ พยักหน้าและจดจำข้อมูลนี้ไว้ในความทรงจำ
มันยอดมากที่เขาได้ข้อมูลสำคัญบางอย่างกลับออกมาด้วย
“อันดับของข้า กำลังจะเลื่อนขึ้นไปอีกแล้ว พวกเราต้องรีบผ่านการทดสอบระดับหกของการทดสอบที่สามให้ได้โดยเร็วที่สุด”
ไห่เซอดูตารางอันดับ โดยตอนนี้อันดับที่สองของการทดสอบการรับรู้ เป็นของชายหนุ่มที่มีชื่อว่าเหวินเสี่ยว ซึ่งตามติดเขามาโดยตลอด
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
เขามีคนกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเข้ารับการทดสอบเพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการทดสอบ ทำแบบนั้นอยู่หลายครั้ง เขาถึงสามารถผ่านระดับหกและของการทดสอบที่สองมาได้ เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ชายหนุ่มคนนี้จะสามารถตามเข้ามาถึงขั้นตอนนี้ได้เพียงลำพัง”
เขาไม่ควรประมาท ผู้คนของสำนักเฉียนหลงเลยจริง ๆ
อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว สิบอันดับแรกของรายชื่อเฉียนหลงจะต้องถูกกำหนด และคงไม่มีใครอยากจะขัดขวาง
“น่าโมโหชะมัด” อากูดะเข้ามาพร้อมกับความโกรธบนใบหน้าของเขา ส่วนหยู่เสี่ยวฉางก็ติดตามเขามาด้วยท่าทางเฉยเมย
ผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“อันดับหนึ่งในสาขาการปรับแต่งพลังวิญญาณเพิ่งถูกช่วงชิงไปแท้ ๆ หยู่เสี่ยวฉางเจ้ายังกล้ามาวางท่าต่อหน้าข้าอีกเหรอ?” อากูดะโกรธมาก
หยู่เสี่ยวฉางแทบจะสำลัก “อันดับหนึ่งของข้าถูกชิงไป แล้วเจ้าจะโกรธทำไม มันไม่ใช่ของเจ้าซะหน่อย?”
“เจ้าคิดจะหาเรื่องกันเหรอ?” ดวงตาของอากูดะกะพริบด้วยแสงที่รุนแรง
“แล้วคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึไง?”
หยู่เสี่ยวฉางไม่กลัว
ชาวภูเขาแห้งแล้งคนอื่นต้องรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อมทั้งสองคนอย่างช่วยไม่ได้
ไห่เซอกล่าว “อย่าทะเลาะกันน่า ยังไงซะตอนนี้ก็มีคนของพวกเรามากขึ้นแล้วในสิบอันดับแรกของรายชื่อเฉียนหลง เป้าหมายของเราสำเร็จแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องมาทะเลาะกัน เราชนะการทดสอบนี้แล้ว”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของไห่เซ่อทั้งคู่ก็สงบลง
พวกเขาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการทดสอบอีกครั้ง
“แม้ว่าเราจะชิงอันดับมาได้ 9 ใน 10 ของสิบอันดับแรก แต่เราก็ไม่ควรประมาทพวกคนของสำนักเฉียนหลง พวกเขาเริ่มตีตื้นขึ้นมาใกล้กับพวกเราแล้ว” “ เมื่อไรพี่ชายของเจ้าจะมาที่นี่?” เขาถามหยู่เสี่ยวฉางด้วยเสียงต่ำ
“ข้าเกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือน ตอนนี้พี่ชายของข้ายังอยู่ที่ป่านิรันดร์” หยู่เสี่ยวฉางกล่าว
มีร่องรอยของความอิจฉาในสายตาของทุกคน
เขาโชคดีมากที่ได้ไปที่ป่านิรันดร์
แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ
มีเพียงอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับมรดกของมนุษย์ที่เทพเจ้าทรงเลือก
“สำหรับพวกเราแล้ว ป่านิรันดร์ของภูเขาแห้งแล้ง เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตนิรันดร์” ไห่เซอพูดด้วยเสียงต่ำ
พวกเขาทุกคนดูจริงจังขึ้นมามากกว่าเดิม เสียงของพวกเขาทุกคนดูหนักแน่นและเปี่ยมไปด้วยศรัทธา “เพื่อมนุษย์ เทพเจ้า และเพื่อป่านิรันดร์อันเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตนิรันดร์ของภูเขาแห้งแล้ง”
พวกเขาต้องชนะ 10 อันดับแรกของรายชื่ออันดับ เฉียนหลงให้ได้
เนื่องจากสำนักหม่าเฉินของพวกเขามีเวลาเหลืออีกไม่มากนัก
ดังนั้นพวกเขาต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าอนาคตของอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งยังคงสดใสและเข้มแข็ง และผู้ใช้พลังอักขระของภูเขาแห้งแล้งจะไม่มีวันพ่ายแพ้
……
……
ลั่วอู๋และฉูจงฉวนได้มาที่สนามประลอง
เนื่องจากการทดสอบส่วนใหญ่ถูกจัดขึ้นที่นี่ ดังนั้นผู้คนจึงมารวมตัวกันที่นี่มากที่สุด ทุกคนต่างก็พยายามกันอย่างเต็มที่
บางทีการจัดอันดับเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบ เรียกได้ว่ามันวิธีการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพมาก
สายตาของผู้คนจำนวนมากจับจ้องไปที่ลั่วอู๋
อันดับหนึ่งของการทดสอบในสำนักย่อยการปรับแต่ง
นี่คือสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้กันดี
“ดูเหมือนเจ้าจะเริ่มมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นอีกแล้วนะ” ฉูจงฉวนกล่าวด้วยเสียงต่ำ
ลั่วอู๋เหลือบมองไปที่เขา “เจ้าต่างหากฉูจงฉวน, เจ้าจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนดังรึไง เจ้าอยู่ในอันดับที่ 15 ของรายชื่ออันดับเฉียนหลง นอกจากนี้เจ้ายังเป็นหนึ่งในนักเรียนชั้นนำของสำนักเฉียนหลงอีกด้วย”
ฉูจงฉวนหัวเราะและไม่พูดอะไรมาก
ขณะนั้นเองเหวินเสี่ยวก็เดินเข้ามา
เขายังคงดูเหมือนเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร ซึ่งมีบรรยากาศทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นกันเอง เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลั่วอู๋ เจ้าเองก็เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อชิงอันดับด้วยงั้นเหรอ?”
ลั่วอู๋พยักหน้า
“เจ้าลั่วอู๋งั้นเหรอ ? ถ้าเจ้าอยากจะชิงอันดับรายชื่อเฉียนหลง ก็รีบขึ้นไปที่สิบอันดับแรกได้แล้ว อย่าปล่อยให้พวกคนป่าเถื่อนพวกนั้นมาเยาะเย้ยพวกเราได้” เสียงที่ดูน่าเบื่อดังมาจากอีกทาง
เขาเป็นผู้ชายที่ดูแข็งแรง แม้ตัวจะไม่สูง แต่ก็ให้ความรู้สึกอันหนักแน่นที่ไม่อาจทำลายได้เช่นเดียวกับภูเขาลูกใหญ่
ลมปราณของเขานั้นดูไม่เป็นระเบียบและเจ็บปวด
“เจ้าคือ ?… ” ลั่วอู๋ถาม
ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงต่ำ “ข้าชื่อเหว่ยเฉิงโฉว หนึ่งในผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลจี๋อี๋อันยิ่งใหญ่”
ลั่วอู๋จำได้ว่าเคยเห็นชื่อของเหว่ยเฉิงโฉว อยู่ในอันดับที่ 5 ของอันดับรายชื่อเฉียนหลง เขาเป็นนักเรียนคนเดียวของสำนักเฉียนหลง ที่ยังอยู่ในสิบอันดับแรกของอันดับรายชื่อเฉียนหลง
ชายคนนี้เป็นอันดับหนึ่ง เรื่องของการป้องกัน ในรุ่นเดียวกันแล้วเขามีพลังในการป้องกันอันน่ากลัวที่สามารถต้านทานการโจมตีของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง มิติ 10 ได้สบาย ๆ
“เจ้าบาดเจ็บงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถามด้วยความประหลาดใจ
เหว่ยเฉิงโฉวตะคอก “ก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยน่า”
เหวินเสี่ยวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “พวกป่าเถื่อนจากภูเขาแห้งแล้ง จงใจยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองสำนักจึงมีการวิวาทอยู่หลายครั้ง”
เหว่ยเฉิงโฉวได้รับบาดเจ็บจากการวิวาท ดังนั้นเขาจึงมีความบาดหมางกับผู้คนจากภูเขาแห้งแล้ง
อย่างไรก็ตามคนอื่น ๆ ไม่ได้มุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จ พวกเขาทั้งหมดจึงถูกบีบออกจากรายชื่ออันดับเฉียนหลง โดยผู้คนจากภูเขาแห้งแล้ง ซึ่งนี่ยิ่งทำให้เขาโกรธหนักไปอีก
เหว่ยเฉิงโฉวมองไปที่ลั่วอู๋ “เจ้ามีคะแนนจากการทดสอบของสำนักย่อยการปรับแต่ง ถึง 20000 คะแนน ข้าคิดว่าเจ้ามีโอกาสที่จะไปถึงสิบอันดับแรก”
“ได้ ข้าจะทำให้ดีที่สุด.”
ลั่วอู๋เป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบปรับแต่งพลังวิญญาณ คะแนนเริ่มต้นของเขาจึงกลายเป็น 5300 ทันทีหลังจากที่เข้าร่วมการทดสอบเจ็ดรูปแบบ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากลั่วอู๋ มุ่งเน้นไปที่การปรับแต่ง เขาจึงได้คะแนนเพียง 60% ของคะแนนที่เขาควรจะได้รับ สำหรับการทดสอบศิลปะการต่อสู้หล่านี้
โดยคะแนนทั้งหมดของเขามีดังนี้:
การระเบิดพลัง 4000 ความแข็งแกร่ง 3100 ความสามารถในการป้องกัน 2400 ความเร็ว 4100 การรับรู้ 3700 เจตจำนง 3200 และพลังวิญญาณ 2900
คะแนนรวมคือ 49700
เขาอยู่ในอันดับหกของรายชื่ออันดับเฉียนหลง
คะแนนอื่น ๆ นอกจากการปรับแต่งพลังวิญญาณนั้นไม่ได้สูง แต่โดยรวมก็ยังถือว่าดีมาก
ดังนั้นตราบใดที่ทำให้ดีที่สุดในด้านใดด้านหนึ่งก็จะได้คะแนนรวมค่อนข้างสูง
เหว่ยเฉิงโฉวหัวเราะอย่างมีความสุข “ไม่เลวเลยนี่ ควรค่าแก่การปรับแต่งพลังวิญญาณที่เจ้าฝึกฝนมา สุดท้ายเจ้าก็ได้รับผลจากมัน”
อันดับของลั่วอู๋เพิ่มขึ้นเป็นอันดับหก ทำให้บางคนเดินเข้ามาทักทายแสดงความยินดี
ดูเหมือนว่าการยั่วยุโดยคนจากภูเขาแห้งแล้ง ได้กระตุ้นความโกรธของสาธารณชนแห่งสำนักเฉียนหลงเสียแล้ว ทุกคนไม่อยากเห็นพวกเขาได้ครองรายชื่อสิบอันดับแรก มันจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากที่มีคนจากสำนักเฉียนหลงด้วยกันสามารถยึด 10 อันดับแรกมาได้ในเวลานี้
ลั่วอู๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงดัง “เราทุกคนควรจะร่วมมือกันปราบปรามผู้คนจากภูเขาแห้งแล้งให้หมดไปจากอันดับรายชื่อเฉียนหลง แต่เนื่องจากผู้คนของภูเขาแห้งแล้งนั้นแบ่งปันข้อมูล ช่วยเหลือกันจนได้รับคะแนนที่สูงไป ทำไมเราไม่ทำแบบนั้นกันบ้างล่ะ?”
บรรยากาศก็เย็นลงเล็กน้อยไปครู่หนึ่ง
“อย่าเลยน่า มันออกจะน่าสนใจ” มีเสียงเยาะเย้ย
ฝูงชนมองไปทางต้นเสียง
เขาคือเอ๋าหยู่จากตระกูลเอ๋า
อาการบาดเจ็บของเอ๋าหยู่ได้รับการฟื้นฟูจนหายดีแล้ว นัยน์ตาสองสีที่แตกต่างกันของเขากะพริบไปมา ลมปราณของเขาเองก็ยังแข็งแกร่ง เขาอยู่ในอันดับที่ 13 ของรายชื่ออันดับเฉียนหลง ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในอันดับที่ดี
เอ๋าหยู่เย้ยหยัน “พวกเราเป็นคู่แข่งกัน แล้วทำไมพวกเราถึงจะต้องมาช่วยเหลือกันในการทดสอบด้วยล่ะ?”
ถึงมันจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย
แต่ก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่กำลังคิดอยู่จริง ๆ
“ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่ามาขวางคนอื่น” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
เอ๋าหยู่ยิ้มเหน็บแนม “เจ้าคิดว่าจะมีใครทำแบบนั้นรึไง เจ้าลองถามเหว่ยเฉิงโฉวสิว่าเขายินดีที่จะบอกประสบการณ์ แนะนำการทดสอบการป้องกันของเขาไหม?”
ใบหน้าของเหว่ยเฉิงโฉวฉายแววอับอายเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการบอก
ข้อดีอย่างเดียวของเขาคือการป้องกันอันแข็งแกร่ง นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเป็นพิเศษในด้านอื่น ๆ เลย
หากเขาบอกคนอื่นถึงช่องโหว่ในการทดสอบ คะแนนของผู้อื่นในการทดสอบการป้องกันจะดีขึ้นอย่างมากและความได้เปรียบของเขาก็จะหายไป
เมื่อคะแนนความได้เปรียบของการทดสอบการป้องกันหายไป เขาก็คงจะไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นในการทดสอบอื่น ๆ ได้ ดังนั้นอันดับของเขาจะต้องตกลงไปอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น
ไม่ว่าในกรณีใดตอนนี้เขาครองอันดับห้าในรายชื่อเฉียนหลง ซึ่งถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว
ลั่วอู๋เห็นการแสดงออกของเหว่ยเฉิงโฉว และเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
“ไม่มีใครสนใจเลยเหรอ?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ไม่เป็นไร ต่อให้พวกเจ้าไม่ต้องการข้าก็จะแบ่งบันให้อยู่ดี”
หลังจากนั้นลั่วอู๋หยิบกระดาษสีขาวออกมาหนึ่งแผ่นและเขียนประสบการณ์ทั้งหมดของเขาในการทดสอบทั้ง 7 รูปแบบลงไป
“ในการทดสอบทั้งเจ็ดรูปแบบนี้ผลการทดสอบของข้าอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันก็อาจจะพอใช้อ้างอิงได้” ลั่วอู๋วางกระดาษสีขาวต่อหน้าฝูงชน
ฝูงชนมองหน้ากัน
บรรยากาศเปลี่ยนไปมากจากเมื่อครู่
ฉูจงฉวนส่ายหัวและในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืน เขาเองก็เขียนประสบการณ์และข้อมูลในการทดสอบทั้งหมดของเขาเช่นกัน
“นี่คือสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มาทั้งหมด” ฉูจงฉวนโบกมือของเขา
คะแนนของฉูจงฉวนในการทดสอบสี่ในเจ็ดรูปแบบนั้นอยู่ในระดับดีที่สุด ข้อมูลที่เขารู้ย่อมมีความสำคัญสำหรับคนจำนวนมาก
ตอนนี้นักเรียนสองคนที่อยู่ในรายชื่ออันดับเฉียนหลงได้ออกมาเขียนประสบการณ์ของตนเอง
ผู้คนจำนวนมากเริ่มคึกคัก