ไหปีศาจ - บทที่ 317 องค์ชายเล็ก
บทที่ 317 องค์ชายเล็ก
บทที่ 317
องค์ชายเล็ก
ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวสวมเสื้อคลุมสีทองอ่อน มงกุฎหยกเงิน เข็มขัดลายเมฆและกำไลลายมังกรที่ข้อมือ
ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาเป็นเหลี่ยมมุมเล็กน้อย มีแสงสีทองส่องสว่างในดวงตาของเขา เขาเต็มไปด้วยบรรยากาศอันเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีของผู้บังคับบัญชา แต่ก็เผยให้เห็นถึงความอ่อนโยนด้วยเช่นกัน
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยและชะลอการกระทำต่าง ๆ ลง
เซาฉางสังเกตเห็นได้ว่าท่าทีของ ลั่วอู๋ แปลกไป เขาจึงพูดอธิบายอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้ม “น้องชายลั่ว ข้าขอแนะนำเจ้าให้รู้จัก นี่คือองค์ชายเล็กของจักรวรรดิ”
องค์ชายเล็ก
แน่นอนว่าไม่มีชื่อหรือตำแหน่งนี้ในราชวงศ์มังกรเร้นกาย แต่มันก็เป็นนามที่ทุกคนรู้จักกันดี
มีองค์ชายเพียงคนเดียวในราชวงศ์มังกรเร้นกาย นั่นก็คือบุตรชายของจักรพรรดิองค์ก่อนหรือองค์ชายเฉิน
สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือองค์ชายเฉินนั้นเป็นองค์ชายที่ไม่ได้เรื่องและใช้งานไม่ได้ เขาไม่ได้มีอำนาจการตัดสินใจอะไร ได้แต่เดินดูนกและชมดอกไม้ไปวัน ๆ ไม่เคยมีส่วนร่วมในการบ้านการเมือง
อย่างไรก็ตามหลี่ซวนซง บุตรชายเพียงคนเดียวขององค์ชายเฉินกลับเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงของจักรวรรดิ เขาติดต่อกับแขกจากต่างแดนตลอดกว่า 3000 คนและมีความสัมพันธ์อันดีกับกองกำลังใหญ่ ๆ มากมาย ด้วยความสามารถในการปกครองของเขา ว่ากันว่ายังมีผู้อาวุโสมากมายในราชวงศ์มังกรเร้นกายต้องการจะรับเขาเป็นลูกศิษย์ แต่เขาก็ปฏิเสธ
แม้เขาตั้งใจจะไม่รับการฝึกสอนใด ๆ แต่ไม่มีใครกล้าดูถูกเขา
เพราะความสง่างามของเขาเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า ตำแหน่งขององค์ชายคนต่อไปนั้นจะต้องตกทอดลงมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ หลี่ซวนซงมีชะตาจะต้องกลายเป็นองค์ชายคนต่อไปอย่างแน่นอน
ทุกคนจึงเรียกเขาว่าองค์ชายเล็ก
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ เขาเคยได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับองค์ชายเล็กมาบ้าง แต่จากที่เขาได้ยินมา องค์ชายเล็กนั้นเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่จนน่ามหัศจรรย์ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนรู้วิชาต่าง ๆ นอกจากการฝึกฝนด้วยตัวเอง แต่เขาก็มีผู้เชี่ยวชาญมากมายอยู่ข้างกาย
“เขาคนนั้นคือองค์ชายเล็กงั้นเหรอเนี่ย” ลั่วอู๋พยักหน้าเล็กน้อย
ตามหลักแล้วอย่างน้อยลั่วอู๋ก็ควรจะโค้งคำนับเพื่อทำการคารวะสถานะขององค์ชายเล็ก แต่ลั่วอู๋นั้นกำลังตกตะลึงจนไม่ได้ตั้งใจ
อย่างไรก็ตามทางองค์ชายเล็กก็ไม่รู้สึกรำคาญหรือโกรธเคืองแต่อย่างใด เขาเบนสายตาของเขากลับมาพร้อมกับตรวจสอบเล็กน้อยแล้วพูดด้วยความเสียใจ “ถ้าสายตาของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกไม่สบายใจก็ต้องขออภัยด้วย โปรดอย่าเข้าใจผิดไป ข้าไม่ได้มีปัญหากับเจ้า ข้าแค่มีโรคตาบางอย่าง โปรดอย่าเข้าใจข้าผิดไป น้องชายลั่วอู๋”
น้ำเสียงขององค์ชายเล็กดูอ่อนโยนและน่าฟังอย่างน่าประหลาด
“ โรคตา?” ลั่วอู๋มององค์ชายเล็กอย่างอยากรู้อยากเห็น หลังจากสังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็พบว่าดวงตาขององค์ชายเล็กนั้นดูแปลกไป รูม่านตาของเขาซ้อนทับกันและดวงตาของเขาก็เป็นสีขาวเล็กน้อย ดังนั้นเขามีสายตาที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความหยิ่งผยองและแรงกดดัน
เซาฉางพยายามที่จะช่วยองค์ชายเล็กอธิบาย “มันเป็นเรื่องจริงองค์ชายเล็กนั้นมีปัญหาด้านสายตาของเขา ทำให้เขาต้องประสบปัญหามากมาย อันที่จริงแล้วองค์ชายเล็กเป็นคนอารมณ์ดีที่เข้าหาได้ไม่ยากและเป็นกันเองมาก ”
“อย่างนี้นี่เอง” ลั่วอู๋โค้งคำนับ “ขออภัยในความไม่สุภาพของข้าด้วยเถอะ ฝ่าบาท”
ดูเหมือนจะเกิดความเข้าใจผิดบางอย่างขึ้น
องค์ชายเล็กหัวเราะพร้อมยิ้มออกมา “น้องชายลั่ว ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ข้าต่างหากที่ยังมีเรื่องต้องขอบคุณท่าน”
“ขอบคุณเรื่องอะไรขอรับ?” ลั่วอู๋ตะลึง
เราเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก ท่านต้องขอบคุณข้าเรื่องอะไร?
เซาฉาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท ท่านก็วิตกกังวลเกินไป”
“ เมื่อเจ้าได้พบกับผู้ที่มีความสามารถยอดเยี่ยมอย่างน้องชายลั่ว เจ้าย่อมต้องการไต่ระดับความสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับมิตรภาพในอนาคต” องค์ชายเล็กพูดออกมาอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา
ไม่มีความหน้าซื่อใจคด เขาเพียงแต่พูดจุดประสงค์ของตนเองออกมาตรง ๆ
ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นเพื่อนกับท่าน
เห็นได้ชัดว่าองค์ชายเล็กต้องสอบสวนลั่วอู๋มิฉะนั้นเขาจะไม่พูดเรื่องแบบนี้
ลั่วอู๋ ชอบวิธีการเข้าหาของเขามาก
“ให้ข้าอธิบายเองก็แล้วกัน” เซาฉาง สังเกตเห็นถึงความสับสนของลั่วอู๋ เขาจึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “จำได้ไหมว่าน้องชายลั่ว ได้ขายสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์สองตัวให้กับข้า อันที่จริงแล้วผู้ซื้อที่อยู่เบื้องหลังข้านั้นคือองค์ชายเล็กท่านนี้”
ลั่วอู๋เข้าใจได้ในทันที
เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
องค์ชายเล็กคนนี้ เขาร่ำรวยจริงๆ มูลค่าที่แท้จริงของสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงที่กลายพันธุ์ทั้งสองตัวนั้น คาดว่าจะมีมูลค่านับเป็นหินวิญญาณได้หลายร้อยล้าน
“มันยากมากที่จะหาสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ระดับสูงแบบนั้นได้ ต้องขอบคุณน้องชายลั่วมาก ไม่อย่างนั้นข้าคงจะไม่รู้ว่าควรจะต้องเตรียมของขวัญอะไร สำหรับเทศกาลเสริมอายุยืนยาว” องค์ชายเล็กกล่าว
ลั่วอู๋พูดตอบไปด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท มันก็เป็นแค่ธุรกิจ ข้าเองก็ได้รับค่าตอบแทนมามากเช่นกัน”
จากนั้นทั้งสามก็เริ่มพูดคุยกัน
องค์ชายเล็กรู้ทักษะในการสนทนาเป็นอย่างดี เขาไม่ได้พูดอะไรที่อาจจะทำให้ลั่วอู๋ลำบากใจ เนื่องจากคราวนี้เขามาเพื่อพูดคุยกันดี ๆ
“ ข้าได้ยินมาว่าน้องชายลั่วมีธุรกิจและกำลังเตรียมที่จะตั้งรกรากในเมืองหลวงของจักรวรรดิ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าเองก็มีเพื่อนในแวดวงธุรกิจอยู่บ้าง ข้าอยากจะพาพวกเขามาทักทายท่าน หลังจากนี้ท่านจะได้ไม่มีปัญหากับใครในตอนที่ย้ายธุรกิจเข้ามาในเมืองหลวง” องค์ชายเล็กกล่าว
เมื่อร้านค้าใหม่หมายจะมาตั้งรกรากใหม่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ พวกเขามักจะต้องประสบปัญหาต่างๆ
หนึ่งในปัญหาที่ลำบากที่สุดคือแรงกดดันจากคนรอบข้าง
แม้ว่าจะมีการดูแลจากคฤหาสน์ชวนเทียน แต่ร้านค้าต่าง ๆ ที่อยู่มาก่อนก็มักจะใช้วิธีการต่าง ๆ ลับหลัง กระทำการเล็ก ๆ น้อย ๆ กลั่นแกล้งกดดันกันร้านค้าใหม่
ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ มักจะอยู่นอกเหนือจากการตรวจสอบของทางคฤหาสน์ชวนเทียนเสมอ
หากเป็นปัญหาใหญ่ก็คงจะตรวจสอบได้ไม่ยาก แต่พอเป็นเรื่องของร้านค้าเล็ก ๆ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะรับมือได้
การกลั่นแกล้งกันระหว่างร้านค้าเล็ก ๆ เป็นปัญหาที่น่าปวดหัวที่สุด
องค์ชายเล็กนั้นมีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจอยู่ไม่น้อย ถ้ามีคำพูดรับรองขององค์ชายเล็กล่ะก็ ร้านค้าต่าง ๆ เหล่านั้น คงไม่กล้ามาหาเรื่องกับสำนักโล่พิทักษ์แน่
“ขอบคุณมากขอรับ” ลั่วอู๋ กล่าว
เขารู้สึกขอบคุณอย่างช่วยไม่ได้
องค์ชายเล็กคนนี้ฉลาดมาก ในการพัฒนาสำนักโล่พิทักษ์ เขาจะต้องทำตามที่องค์ชายเล็กบอกและสร้างความประทับใจให้กับเขา
จากนั้นแล้วสำนักโล่พิทักษ์ จะได้สามารถตั้งหลักแหล่งในเมืองหลวงของจักรวรรดิได้อย่างมั่นคง
“ ในเทศกาลเสริมอายุยืนยาว น้องชายลั่วสนใจเข้าไปในพระราชวังพร้อมกับตำหนักองค์ชายของข้าไหมล่ะ งานใหญ่แบบนี้พลาดไม่ได้เลยนะ” องค์ชายเล็กกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลั่วอู๋คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเลือกที่จะปฏิเสธ “ไม่เป็นไรขอรับ เนื่องจากข้าเป็นเจ้าของร้านค้า หากข้าไปกับทางคฤหาสน์ชวนเทียนน่าจะเป็นการดีกว่า”
งานฉลองที่องค์จักรพรรดิมีพระชนมพรรษาครบ 60 ปี
ลั่วอู๋เองก็ต้องการเข้าร่วมงานใหญ่เช่นนี้ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือการพา อาฟูให้ได้ไปเรียนรู้งานร่วมกันกับเขา
อาฟูนั้นเป็นตัวแทนของสำนักโล่พิทักษ์ การให้เขาได้ติดต่อกับคนจำนวนมากจะเป็นผลดีสำหรับการพัฒนาของสำนักโล่พิทักษ์ และสำหรับตัวของลั่วอู๋เอง
เพราะตอนนี้อาฟูเองก็เป็นเจ้าของร้านจริงๆแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ถ้าเขาเข้าไปในพระราชวังพร้อมกับทางตำหนักขององค์ชายเล็ก ในสายตาของคนนอกเขาจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายเล็ก ลั่วอู๋ยังไม่อยากให้เขาอยู่ในสถานะนั้น
“ได้เลย ไม่มีปัญหา” องค์ชายเล็กเผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา สีหน้าของเขาไม่มีความผิดหวังเลยแม้แต่น้อย
หลังจากสนทนากันอีกเป็นระยะเวลาหนึ่งองค์ชายเล็กก็เดินจากไป
เขาเดินออกจากโรงเตี๊ยม กลับเข้าไปในรถม้าอันหรูหราของเขา อย่างไรก็ตามรอยยิ้มที่มุมปากของเขา กลายเป็นยิ้มอย่างพึงพอใจ “โอ้ เขาคืออันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลงสินะ”
เงาในดวงตาของเขาค่อยๆหายไปและรูม่านตาของเขาก็ผ่อนคลายลง ในดวงตาของเขามีลวดลายของมังกรวิญญาณอยู่ในดวงตา แสดงให้เห็นจุดตัดของมังกรสองตัว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่จะได้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิ
……
……
หลังจากนั้นในโรงเตี๊ยม
“ท่านผู้บริหารเซาฉาง ดูเหมือนว่าท่านจะมีความสัมพันธ์อันดีกับองค์ชายเล็กสินะ” ลั่วอู๋ ถาม
เซาฉาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนสิ ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากองค์ชายเล็ก ข้าก็คงไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้บริหารของคฤหาสน์ชวนเทียนเช่นนี้หรอก”
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เซาฉางนั้นได้ดูแลคฤหาสน์ชวนเทียนมานานกว่าสิบปีแล้ว เมื่อราว ๆ สิบปีที่แล้วองค์ชายเล็กดูเหมือนจะเพิ่งมีอายุ ราว ๆ 14 หรือ 15 ปีด้วยซ้ำ
องค์ชายเล็กคนนี้ช่างฉลาดหลักแหลมและมีอิทธิพลมากจริงๆ
“จะว่าไปแล้ว” ลั่วอู๋ หยิบผลไม้ลึกลับออกมา “ท่านเซาฉาง พอจะช่วยข้าตรวจสอบได้รึเปล่า ว่าผลไม้นี่คืออะไร ?”
เซาฉางมองดูไปที่ผลไม้ลึกลับในมือของลั่วอู๋ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาตกใจมากและอุทานออกมาว่า “โฉวหยวนกัว?”
ลั่วอู๋ตะลึง นั่นคือชื่อเรียกของผลไม้ลึกลับนี้อย่างนั้น เหรอ ?