ไหปีศาจ - บทที่ 325 การสรรหาลูกเขยขององค์จักรพรรดิ
บทที่ 325 การสรรหาลูกเขยขององค์จักรพรรดิ
บทที่ 325
การสรรหาลูกเขยขององค์จักรพรรดิ
ลานจัตุรัสซวนวู
เมื่อเวลาผ่านไปเหล่ากองกำลังที่มีคุณสมบัติในการเข้ามาสู่พระวังก็มาถึงกันพร้อมหน้าพร้อมตา
มันเป็นเรื่องแปลกที่ผู้นำส่วนใหญ่ของตระกูลและกองกำลังเหล่านี้ ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่และมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นคนรุ่นเก่า
ลั่วอู๋คิดว่าอาจจะเป็นการฝึกเด็ก ๆ ในตระกูล
เทศกาลเสริมอายุยืนยาวครั้งนี้นั้นยิ่งใหญ่มาก มีตระกูลที่นาน ๆ ทีจะโผล่มาและหายากมากมายปรากฏตัวขึ้น รวมถึงกองกำลังอันทรงพลังต่าง ๆ ใน 36 มณฑลก็ทยอยกันเข้ามาทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
ลั่วอู๋เห็นคนที่เขาคุ้นเคยมากมาย
นักเรียนหลายคนจากสำนักเฉียนหลง เองก็ได้เข้ามาที่นี่ในนามของกองกำลังของพวกเขา ฝ่ายตระกูลเอ๋าเองก็ได้ส่งสองพี่น้อง เอ๋าเฉา และ เอ๋าหยู่มาเข้าร่วมงานเทศกาล
ทางตระกูลลั่วเองก็น่าจะเลือกรุ่นน้องที่อายุน้อยและมีแนวโน้มที่จะเข้ามาในนี้ได้เช่นกัน แต่ลั่วอู๋ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
“มันมีชีวิตชีวาจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีกองกำลังมากมายขนาดนี้มาเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดิในเทศกาลเสริมอายุยืนยาว” ลั่วอู๋กล่าวด้วยความภาคภูมิ
หวังฉีกล่าวด้วยเสียงต่ำ “จริง ๆ แล้วครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น มีหลายตระกูลที่ได้รับการเชิญเข้ามาก่อนและในครั้งนี้องค์จักรพรรดิไม่อนุญาตให้กองกำลังต่างชาติเข้ามาในพระราชวัง”
“ทำไมคราวนี้มันถึงแปลก ๆ ไปล่ะ?” ลั่วอู๋มีท่าทางอยากรู้อยากเห็น
“เจ้าไม่รู้งั้นเหรอ?”
“ข้าจะรู้ได้ยังไง ?”
หวังฉี “ข้าคิดว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ตระกูลลั่วน่าจะบอกเจ้าไปแล้วซะอีก”
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ?” ลั่วอู๋ถามอีกครั้ง
ตระกูลลั่วคงต้องการที่จะคุยกับลั่วอู๋ แต่ลั่วอู๋นั้นรักษาระยะห่างจากทางตระกูลลั่วอยู่ตลอดเวลา เขาจึงไม่มีทางได้รู้ว่าครั้งนี้งานเทศกาลมีอะไรเบื้องหลังเป็นพิเศษ
“องค์จักรพรรดิอาจจะต้องการรับสมัครว่าที่ลูกเขย” หวังฉีกล่าว
ลั่วอู๋ตกใจแล้วถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทต้องการลูกเขยให้องค์หญิงคนไหนกัน?”
“เพื่อหาสวามีให้แก่องค์หญิงเจียโรว ผู้เป็นที่โปรดปรานของท่าน”
ลั่วอู๋ดูสับสน
อึก!
ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จนกระทั่งเขาได้เข้าไปในพระราชวัง
“จริงรึเปล่าเนี่ย ?” ลั่วอู๋ถาม “ถ้าองค์จักรพรรดิต้องการลูกเขยแบบสาธารณะจริง ๆ ข่าวก็น่าจะกระจายทั่วอย่างรวดเร็วแล้วนี่นา ทำไมข้าไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”
หวังฉีกล่าวอย่างมีท่าทางอันลึกลับแอบแฝง “แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่ไปถึงสาธารณะสิ องค์จักรพรรดิเพิ่งจะเปิดเผยความตั้งใจในการมองหาสามีให้กับองค์หญิงเจียโรว เมื่อไม่นานมานี้เอง กองกำลังใหญ่ ๆ หลายกลุ่มต่างได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อไม่นานมานี้องค์จักรพรรดิกับองค์หญิงเลยมีการทะเลาะกันครั้งใหญ่ จนท้ายที่สุดองค์จักรพรรดิต้องสั่งให้กักบริเวณนาง ”
“อย่างไรก็ตามพอถึงเทศกาลเสริมอายุยืนยาว องค์จักรพรรดิได้เปลี่ยนความคิดของเขาแล้วอนุญาตให้ตระกูลผู้มีอิทธิพลมากมายเข้ามาในพระราชวัง ผลลัพธ์มันชัดเจนอยู่แล้ว”
เขายังคงสงสัยว่าหวังฉีกำลังหมายถึงอะไร
องค์จักรพรรดิยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการหาลูกเขยในที่สาธารณะ แต่มันก็ไม่ยากที่จะวิเคราะห์ความหมายในการกระทำต่าง ๆ ของพระองค์
ไม่แปลกใจเลยที่กองกำลังสำคัญต่าง ๆ ล้วนส่งเด็กรุ่นใหม่ ๆ มา
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดินั้นต้องการหาลูกเขยจริงๆหรือเปล่า อย่างไรก็ตามลั่วอู๋รู้ดีว่าการสั่งควบคุมตัวขององค์หญิง เจียโรวนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากการสรรหาพระสวามีของนาง
“ยังมีข่าวลืออีกนิดหน่อย” หวังฉีกล่าวด้วยเสียงต่ำ”มีข่าวลือบางอย่างแพร่กระจายไปในแวดวงเล็ก ๆ มันเป็นข่าวลือที่ไม่สามารถถูกแพร่กระจายออกไปได้ในวงกว้าง”
ลั่วอู๋พยักหน้า
แน่นอนว่าการนินทาเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์และลั่วอู๋ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการกระทำดังกล่าวได้
“องค์จักรพรรดินั้นไม่พอใจในบุตรชายของเขา แต่เขาก็แก่เกินกว่าที่จะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้มาเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วที่ยังไม่มีองค์ชายคนใหม่ถือกำเนิดขึ้น” หวังฉีกล่าว
ลั่วอู๋ประหลาดใจ “องค์จักรพรรดิไม่พอใจกับองค์ชายที่มีอยู่งั้นเหรอ?”
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าครั้งหนึ่งในอดีตองค์จักรพรรดิได้ทรงแต่งตั้งพระโอรสองค์โตขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร
“องค์ชายคนโตนั้นเป็นคนใจกว้าง แต่เขาก็มีข้อดีเพียงแค่อย่างเดียว” หวังฉียิ้มอย่างเบามือ “เขาไม่ใช่ผู้ที่คู่ควรกับตำแหน่งขององค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิจึงมีความคิดที่จะยกเลิกการสนับสนุนเขา”
ทันใดนั้น ลั่วอู๋ก็เข้าใจ
นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก แม้ว่าองค์ชายคนโตจะทั้งใจกว้างและซื่อสัตย์ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แถมยังรักษาตำแหน่งขององค์ชายเอาไว้ไม่ได้อีกด้วย
องค์จักรพรรดิช่างไร้ความปรานีเป็นที่สุด
เดี๋ยวก่อนนะ ตามหาว่าที่ลูกเขย ?
ดวงตาของลั่วอู๋เบิกกว้าง “ไม่มีทางน่า…”
“ใช่ ข้าไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิมีความคิดนี้ได้อย่างไร เขาถึงคิดที่จะหาลูกเขยในเวลาแบบนี้” หวังฉีส่ายหัวแล้วกล่าวขึ้นว่า “การปลดมกุฎราชกุมารและรับสมัครลูกเขย สิ่งนี้ย่อมทำให้ผู้คนคิดจะฉวยโอกาส อย่างไรก็ตามไม่เคยมีลูกเขยของจักรพรรดิองค์ใดได้ครองบัลลังก์มาก่อนในประวัติศาสตร์ ”
ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร เรื่องก็ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว และกองกำลังจำนวนมากเองก็ต้องการที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ของลูกเขย
แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น แต่ก็มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรในการได้เป็นลูกเขย
ลั่วอู๋นึกถึงวันที่องค์หญิงเจียโรวปรากฏตัวต่อหน้าเขา นางดูไม่เหมือนหญิงสาวที่ถูกพ่อบังคับให้แต่งงาน
อาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิดของคนอื่น ๆ รึเปล่า?
เมื่อฟ้าเริ่มมืดก็ได้เวลา
กองกำลังหลักทั้งหมดเริ่มเดินทางเข้าสู่ห้องโถงเฟิงเทียน พวกเขากำลังรอการมาถึงขององค์จักรพรรดิ มันเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ที่มีบรรยากาศเคร่งเครียดไม่สง่างามและจริงจัง
แม้ว่าทุกคนจะคุยกันอยู่ในห้องโถง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาหยุดพวกเขา ท้ายที่สุดแล้วห้องโถงเฟิงเทียน จึงกลายเป็นเพียงแค่ห้องโถงด้านนอกธรรมดา ๆ ทำให้ทุกคนค่อยๆผ่อนคลายลง
ผู้คนเริ่มคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ตัวแทนของร้านค้าไม่มีใครคิดจะยืนอยู่เฉย ๆ พวกเขาเริ่มพยายามที่จะผูกมิตรกับผู้มีอำนาจจำนวนมากที่มักไม่ค่อยมีใครได้พบเห็น
ไม่ไกลนัก หลี่ชวนเฉิง ก็เดินเข้ามา
“คราวนี้ ฝ่าบาทมีอะไรจะแนะนำไหม” ลั่วอู๋ถามอย่างแผ่วเบา
หลี่ชวนเฉิง ดูสงบมาก ตอนนี้เขาต้องสงบอารมณ์ของเขา “อย่านิ่งนอนใจไป ตระกูลลั่วไม่มีอำนาจอะไรกับข้า”
“โอ้” ลั่วอู๋ตอบโดยไม่ได้สุมไฟเพิ่ม
“ข้อพิพาทของรุ่นน้อง จะให้รุ่นพี่จัดการก็คงไม่ใช่เรื่องดี” ดวงตาของหลี่ชวนเฉิงเป็นประกาย “เมืองหลวงของจักรวรรดิเป็นดินแดนของข้า และมีเพื่อนมากมายอยู่ที่นี่ แม้ว่าตระกูลลั่วจะมีอิทธิพลมาก แต่ก็ยังมีอีกหลายตระกูลที่เทียบเคียงด้วยได้”
“เจ้าคงไม่ได้ต้องการจะหาคนเก่ง ๆ ที่มีภูมิหลังสูงส่ง มาเอาชนะข้าสินะ” ลั่วอู๋หัวเราะ
หลี่ชวนเฉิงมองลั่วอู๋อย่างดูถูก “ที่นี่คือพระราชวังนะ ข้าจะยังไม่ลงมืออะไรกับเจ้าหรอก ข้าแค่อยากจะให้เจ้ารู้ไว้ว่าข้ามีพรรคพวกพร้อมจัดการกับเจ้าอยู่ข้างนอกยังไงล่ะ”
“งั้นเหรอ” ลั่วอู๋ยังคงสงบนิ่ง
หลี่ชวนเฉิงยกปากขึ้น “ในฐานะคนของตระกูลลั่ว เจ้าน่าจะรู้จักสำนักเฉียนหลงสินะ คนที่สามารถเข้าไปในนั้นได้ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมในบรรดาผู้มีพรสวรรค์”
“ใช่ ๆ ข้าเองก็มี” ลั่วอู๋พยักหน้า
เขาอยากเห็นสิ่งที่หลี่ชวนเฉิงต้องการจะทำจริงๆ
“น้องชายหนิง” หลี่ชวนเฉิงกล่าวทักทายคนที่อยู่ด้านหลังของเขา จากนั้นชายหนุ่มที่มีรูปร่างไม่ธรรมดาก็เดินออกมาอย่างช้าๆ “ข้าจะแนะนำให้เจ้าได้รู้จัก นี่คือนายน้อยของตระกูลหนิง”
ลั่วอู๋หันหน้าไปและพบว่าเป็นเรื่องบังเอิญมาที่เขาได้เจอกับคนรู้จักอีกครั้ง
หนิงฮัวน้องชายของหนิงหลิงหลิง ผู้ซึ่งถูกป้าของเขา หนิงปิงหลันหักแขนเนื่องจากเขาไม่เคารพสำนักย่อยการปรับแต่งจนเกือบถูกขับไล่ออกจากสำนักเฉียนหลง
“เขาคืออัจฉริยะจากสำนักเฉียนหลง และยังเป็นอัจฉริยะที่ดีที่สุดในรุ่นของตระกูลหนิง เขาเป็นเพื่อนที่ดีของข้าเสียด้วย” หลี่ชวนเฉิงกล่าวอย่างมีชัย
แต่หนิงฮัวที่ได้เห็นใบหน้าของลั่วอู๋กลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปและโกรธมาก “เจ้านี่เอง!”
ลั่วอู๋ สามารถพูดได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เขาคาดเอาไว้อยู่แล้วเลยจริง ๆ หนิงฮัวที่เคยถูกลั่วอู๋หักหน้าจะไม่เกลียดเขาได้อย่างไร
“ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้” ลั่วอู๋กล่าวสวัสดี
อย่างไรก็ตามหนิงปิงหลันนั้นใจดีกับเขามาก และด้วยความสัมพันธ์ที่มีต่อหนิงหลิงหลิงของลั่วอู๋ เขาจึงมีความประทับใจที่ดีต่อตระกูลหนิง
หลี่ชวนเฉิงตกตะลึงจากนั้นเขาก็ดีใจมาก “น้องชายหนิง มันช่างบังเอิญจริง ๆ ที่เจ้าเองก็แค้นเขาเหมือนกัน ใช่แล้ว … ”
“อะไรนะ” หนิงฮัวหายโกรธในทันที “เขาเป็นคนที่เจ้าต้องการให้ข้าจัดการงั้นเหรอ ? เจ้ามันบ้าไปแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่ข้าที่จะเกลียดเขาแหละ แต่สำหรับข้าแล้วไม่มีทางเลยที่ข้าจะจัดการกับเขาได้ ข้าไม่สามารถจัดการเขาคนนี้ได้ และข้าไม่แนะนำให้เจ้าพยายามหาทางจัดการกับเขาด้วย ”
หลังจากนั้นหนิงฮัวก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ล้อกันเล่นใช่ไหม? ลั่วอู๋เนี่ยนะ? แม้ว่าอีกฝ่ายจะน่ารังเกียจก็จริงอยู่ แต่ความแข็งแกร่งของลั่วอู๋นั้นแข็งแกร่งมาก เขาจะไปจัดการอีกฝ่ายได้ยังไง? เพื่อไม่ให้เสียหน้าเขาควรรีบไปก่อนดีกว่า