ไหปีศาจ - บทที่ 332 อารมณ์ของหลี่หยิน
บทที่ 332 อารมณ์ของหลี่หยิน
บทที่ 332
อารมณ์ของหลี่หยิน
ลั่วอู๋ร้อง “หลี่หยิน”
“นายน้อย!” เมื่อได้ยินเสียงของลั่วอู๋หลี่หยินก็แสดงสีหน้าอันเต็มไปด้วยความสุข จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
น่ารักอย่างซื่อ ๆ ตามปกติของนาง
อย่างไรก็ตามเมื่อหลี่หยินเห็นองค์หญิงเจียโรวอยู่ข้างๆ ลั่วอู๋ นางก็หยุดลงทันที นางรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย จากนั้นนางจึงกล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างเขิน ๆ “ยินดีที่ได้พบอีกครั้งเจ้าค่ะ องค์หญิงเจียโรว”
นางเคยได้พบกับองค์หญิงเจียโรวมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว
“ไม่จำเป็นต้องคำนับหรอก” ลั่วอู๋พยุงตัวหลี่หยินไว้แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
องค์หญิงเจียโรวเองก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ใช่แล้ว น้องสาวหลี่หยิน ไม่ต้องสุภาพมาก ข้าได้ยินมาแล้วว่าเจ้าเองเป็นลูกศิษย์ของสำนักเฉียนหลงด้วย เจ้าเก่งมาก”
“เจ้าค่ะ” หลี่หยินหยินพยักหน้าอย่างเขินอาย
แม้ว่านางจะเป็นสาวใช้ แต่สถานะของนางในฐานะลูกศิษย์ของสำนักเฉียนหลง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ องค์หญิง เจียโรว ต้องปฏิบัติตัวต่อนางแตกต่างไปจากเดิม
นางเองก็ต้องการเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง แต่พ่อของนางไม่อนุญาต
“งั้นข้าไปก่อนนะคำสั่งกักบริเวณของท่านพ่อถูกเพิกถอนแล้ว ข้าจะไปตามหาหงเฉากับฉิงเหมย ถ้าพวกเจ้าว่าง ๆ ก็แวะมาที่สวนลอยฟ้า มาเล่นกับข้าได้” องค์หญิงเจียโรวกล่าวสวัสดีแล้วเดินจากไป
ลั่วอู๋ยืดตัวและเดินเข้าไปในห้องนอนชั่วคราวของเขา
เขาเหนื่อยมากหลังจากที่ได้ทำงานหนักมาทั้งคืน ไม่ใช่เรื่องสบาย ๆ เลย ในการต้องเผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิที่มี ออร่าจิตสังหารดั่งเสือ แรงกดดันขององค์จักรพรรดิที่ถูกสร้างขึ้นมิติวิญญาณระดับสูงขององค์จักรพรรดิเป็นอะไรที่มีแรงกดดันสูงมาก
อย่างไรก็ตามระหว่างนั้นลั่วอู๋ก็พบว่าหลี่หยินดูเหมือนจะไม่พอใจในบางอย่าง
“หลี่หยิน เจ้ามีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย
หลี่หยินส่ายหัวอย่างฝืด ๆ
ทั้งสองคนนั้นอยู่ด้วยกันหามรุ่งหามค่ำมาหลายปี ลั่วอู๋จึงสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้หลี่หยินนั้นกำลังอารมณ์ไม่ดี
“ยัยเด็กโง่” ลั่วอู๋จับมือหลี่หยินแล้วถามเบา ๆ ว่า “เจ้าเป็นอะไรไปงั้นเหรอ ?”
หลี่หยินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามด้วยเสียงต่ำ “นายน้อย ท่านจะสมรสกับองค์หญิงเจียโรวรึเปล่าเจ้าคะ?”
ลั่วอู๋เหงื่อแตกพลั่กหลังจากที่ได้ยิน
“เจ้าได้ยินเรื่องพรรค์นั้นมาจากไหนกัน ?” ลั่วอู๋หายใจลำบาก
หลี่หยินกะพริบตาอันสดใสของนาง “ไม่ใช่เหรอเจ้าคะ ? นั่นคือสิ่งที่เหล่าสาวใช้ต่างพูดกัน เหล่าคนที่ถูกเชิญให้อยู่ภายในพระราชวัง ต่างเป็นคนที่อาจจะได้กลายเป็นลูกเขยขององค์จักรพรรดิ”
“มันไม่จำเป็นจะต้องเป็นข้าก็ได้นี่นา” ลั่วอู๋ กล่าว
เขามีความสัมพันธ์อันดีกับองค์หญิงเจียโรวก็จริง แต่เขาก็ยังห่างไกลจากความรู้สึกรักซึ่งกันและกันนับประสาอะไรกับการเป็นลูกเขย
หลี่หยินกระซิบ “นายน้อยนั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้าหากองค์หญิงต้องการจะเลือกสามีจริงๆล่ะก็ นางคงจะต้องเป็นคนที่มีอนาคตที่สุดเช่นท่านเจ้าค่ะ”
ลั่วอู๋ไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้
เขาดีดหน้าผากของหลี่หยิน “ทำไมข้าถึงได้ดูดีขนาดนั้นในใจนางเล่า ยัยโง่”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้น แน่นอนอยู่แล้วสิเจ้าคะ” มันสมเหตุสมผลมากที่หลี่หยินจะคิดเช่นนั้น เพราะยังไงหลี่หยินก็คือหลี่หยิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยัยโง่ อย่างนางจะคิดว่าข้าเก่งเนี่ยนะ” ลั่วอู๋ หัวเราะ “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่สนใจที่จะไปเป็นสามีของใครหรอก”
หลี่หยินพยักหน้า อารมณ์ที่ไม่สบายใจของนางกลับกลายเป็นดีใจ
ความรู้สึกในตอนนี้ของนางนั้นแปลกมาก
“เจ้าไม่ชอบองค์หญิงเจียโรวงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถามอย่างกะทันหัน
หลี่หยินกระซิบ “ไม่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าองค์หญิงเจียโรวเก่งมาก นางทั้งหน้าตาดีแล้วก็มีความสามารถสูง นางเหมาะสมกับนายน้อยมาก … ”
แต่นางยังไม่ได้พูดในช่วงครึ่งหลังที่คิดเอาไว้นั่นคือ ‘แต่เมื่อนางรู้ว่านายน้อยกำลังจะแต่งงานแล้ว นางก็รู้สึกกังวลอย่างน่าประหลาด’
“ฮ่าฮ่า ข้าคิดว่าเจ้าไม่ชอบนางเสียอีก ถ้าเจ้าไม่ชอบนางล่ะก็ นายน้อยของเจ้าก็จะไม่ไปหานางอีกในอนาคต” ลั่วอู๋หัวเราะ
“ไม่เจ้าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น”หลี่หยินส่ายหัวอย่างรีบร้อน
ลั่วอู๋มองไปที่หลี่หยินแล้วลูบหัวของนางเบา ๆ เขาครุ่นคิดอยู่สักพักราวกับว่าไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงดีและเขินอาย
“ หลี่หยินเจ้าคือคนที่สำคัญที่สุดของข้า” “ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต พวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันเสมอ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นเลย” ลั่วอู๋พูดอย่างจริงจัง
แก้มของหลี่หยินแดงระเรื่ออมชมพู ราวกับมีกวางวิ่งมากระแทกในใจ
“เจ้าค่ะ” หลี่หยินส่งเสียงออกมาเบา ๆ จนยากที่จะได้ยิน
ลั่วอู๋ กล่าวเสริม “หากมีอะไรที่เจ้าไม่พอใจหลังจากนี้ ช่วยบอกข้าในทันทีจะได้ไหม?”
หลี่หยินพยักหน้า
“ดีมาก ดีมาก” ลั่วอู๋ยิ้ม
หลี่หยินเองก็หัวเราะออกมา
พวกเขามองหน้ากันอย่างโง่เขลาและหัวเราะไปด้วยกัน
ตอนนี้แม้ว่านายน้อยจะมีเรื่องให้นางต้องรู้สึกเป็นห่วงบ้าง
แต่นางก็สามารถมั่นใจได้ว่า ต่อจากนี้ไปนางจะได้อยู่กับนายน้อยตลอดเวลา
……
……
ลั่วอู๋ใช้เวลาราว ๆ สองถึงสามวันถัดไปอยู่ในพระราชวัง
เขาพาหลี่หยินไปที่สวนลอยฟ้าที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความสวยงามมากที่สุดในจักรวรรดิ ซึ่งเป็นสวนขององค์หญิง เจียโรว ตามที่คาดไว้มันสวยงามอย่างที่ผู้คนต่างลือกันจริง ๆ
ภูตดอกไม้ในสวนลอยฟ้า ทั้งน่ารักและสวยงาม ทั่วร่างกายของมันเต็มไปด้วยแสงอันเปล่งประกายมันบินไปทั่วสวนดอกไม้อย่างมีความสุข
ขณะเดียวกันองค์หญิงเจียโรวผู้นั่งเล่นในสวนลอยฟ้าเองก็เปรียบเสมือนกับภูตดอกไม้เช่นกัน นางเต้นรำไปในสวนดอกไม้ด้วยรอยยิ้มอันสดใส
หลี่หยินและองค์หญิงเจียโรวคุ้นเคยกันแล้วจากเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา มิตรภาพระหว่างหญิงสาวมักจะเริ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วเสมอ
ปกติแล้วหลี่หยินจะค่อนข้างจืดจาง มีเพียงเฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าคนคุ้นเคยเท่านั้นที่นางจะโดดเด่นออกมาเหมือนบัวหิมะ และค่อยๆแสดงรอยยิ้มอันสวยงามของนางให้เห็น
ส่วนองค์หญิงเจียโรว ผู้มีชีวิตชีวานั้นเป็นคนเปิดเผยเสมอ นางมักจะเต็มไปด้วยพลังชีวิตอันไม่มีที่สิ้นสุด นางแสดงความงามของตัวเองออกมาโดยปราศจากความกลัว และเปล่งประกายอย่างหาที่เปรียบมิได้
ผู้ที่เข้ามาเพื่อจะสมัครตัวเป็นลูกเขยต่างเฝ้าดูลั่วอู๋ทั้งตอนที่อยู่ด้านในและนอกสวนลอยฟ้าด้วยสายตาอิจฉาริษยา
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีทางเทียบเคียงกับลั่วอู๋ในตอนนี้ได้
พวกเขาไม่ได้รับคำเชิญจากองค์หญิงแบบเดียวกับลั่วอู๋ หากพวกเขากล้าที่จะเข้าไปในสวนลอยฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต พวกเขาจะต้องถูกฟันทิ้งเป็นก้อนเนื้อโดยองครักษ์อย่างแน่นอน
โชคดีที่ลั่วอู๋อยู่ในพระราชวังเพียงแค่ห้าวันเท่านั้น ก่อนที่เขาจะกลับออกไป
ในที่สุดโอกาสของพวกเขาก็มาถึงแล้ว
หลังจากที่ออกจาพระราชวังมาแล้ว ลั่วอู๋ก็ได้ไปที่ถนนชื่อหย่งเก๋า แม้มันจะไม่ใช่สถานที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดแต่ก็ค่อนข้างดี
เขามาที่นี่ก็เพราะอาฟูนั้นได้มาซื้ออาคารเอาไว้
ที่ตรงนี้จะกลายเป็นหน้าร้านของสำนักโล่พิทักษ์สาขาเมืองหลวง
แน่นอนว่ามันมีที่ว่างให้พวกเขาใช้งานได้เพียงไม่กี่หลัง
เวลานี้สัญญามิตรภาพที่มีกับทางคฤหาสน์ชวนเทียนนั้นเป็นประโยชน์มาก ทางคฤหาสน์ชวนเทียนได้ส่งช่างฝีมือที่เชื่อถือได้ มาคอยจัดการดูแลทุก ๆ อย่างให้กับสำนักโล่พิทักษ์
ทุกอย่างจึงเป็นไปได้ด้วยดี
ไม่มีการทำงานหนักเกินตัวและแรงกดดันโดนรอบใด ๆ
“ นายน้อย เสี่ยวชา ได้บรรทุกสินค้าจำนวนมาก และพาบุคลากรที่เชื่อถือได้จำนวนหนึ่งออกเดินทางมายังเมืองหลวงของจักรวรรดิแล้ว” อาฟูรายงาน
ลั่วอู๋พยักหน้า
หากเขาต้องการจะเปิดร้านค้าล่ะก็เขาจะต้องมีทั้งบุคคลากรและสินค้า
ในอนาคตศูนย์กลางของธุรกิจจะต้องค่อยๆถูกโอนมายังเมืองหลวงของจักรวรรดิ
ท้ายที่สุดแล้ว มณฑลทางใต้ จะไม่เป็นฐานของธุรกิจของพวกเขาอีกต่อไป
“แล้วแร่วิญญาณสองอย่างที่ข้าขอให้เจ้าไปซื้อมาล่ะ?” ลั่วอู๋ ถาม
อาฟูตอบ “คลอโรพลาสต์ แคมเบรียน ข้าได้พยายามอย่างเต็มที่ในการซื้อพวกมันมาแล้ว ข้ากองพวกมันทั้งหมดเอาไว้ในโกดัง ไปตรวจสอบได้เลยนายน้อย”
ลั่วอู๋พยักหน้า
ธุรกิจรองเท้าเหินฟ้ากำลังจะเริ่มต้นขึ้นและเขาต้องเตรียมความพร้อม
ในอีกสิบวันเขาจะกลับไปที่สำนักเฉียนหลง ดังนั้นเขาควรใช้เวลาที่เหลือนี้ในการสังเคราะห์รองเท้าเหินฟ้าให้เพียงพอ
เขามีเวลาในมิติไหราว ๆ 30 วัน
“ดูเหมือนว่าคงจะต้องมีการกำหนดราคาให้สูงขึ้นเล็กน้อย มิฉะนั้นมันคงจะขาดตลาดแน่” ลั่วอู๋คิดแล้วจึงเดินไปที่โกดัง