ไหปีศาจ - บทที่ 350 แซค
บทที่ 350 แซค
บทที่ 350
แซค
เนื่องจากเขาไม่มีภูตไห จึงทำให้ความสามารถของมิติไหยังไม่สมบูรณ์และไม่สามารถรองรับมนุษย์ที่มีชีวิตเข้ามาได้
ด้วยเหตุนี้ลั่วอู๋จึงต้องการตามหาภูตไหและนำมันเข้ามาในไหปีศาจ
เมื่อถึงตอนนั้น ลั่วอู๋จึงจะมีอำนาจในการควบคุมไหปีศาจอย่างแท้จริง
นอกจากมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่แล้ว ไหปีศาจแทบจะถือได้ว่าไม่มีอะไรที่มันเก็บเข้ามาไม่ได้
ลั่วอู๋จ้องมองไปที่สัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ตรงหน้าเขา ยิ่งมองเขาก็ยิ่งสงสัยว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่น่าจะใช่สัตว์วิญญาณ แต่เป็นมนุษย์รึเปล่า?
แม้ว่าใบหน้าของพวกมันจะคล้ายมนุษย์มาก แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีรอยแตกที่คอซึ่งแปลกประหลาดแตกต่างออกไป
“มีอะไรงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ที่สัตว์วิญญาณระดับทองแดงมันจะขัดขืนเจ้าได้” ฉูจงฉวน ตะโกน
ใบหน้าของลั่วอู๋กลับมาเป็นปกติและดูเคร่งขรึม เขาหันศีรษะกลับไป “เจ้ามาดูตรงนี้สิ ข้าสงสัยว่าสัตว์วิญญาณแปลก ๆ พวกนี้น่าจะเป็นมนุษย์”
ฉูจงฉวน และ เหวินเสี่ยว ต่างประหลาดใจ
เขาต้องล้อกันเล่นแน่ ๆ จะมีมนุษย์อยู่ในนรกมนตราได้อย่างไรกัน
มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่สถานที่เช่นนี้จะมีเพียงแค่สัตว์ประหลาดแปลก ๆ หลายชนิด และไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่
พวกเขารีบเข้าไปดู เพื่อตรวจสอบ
ฉูจงฉวนรู้สึกไม่ชอบใจ แล้วพูดออกมาว่า “ลั่วอู๋ เจ้ามีดวงตาแบบไหนกัน มันไม่เห็นจะเหมือนมนุษย์เลยสักนิด แม้ว่ามันจะคล้ายมนุษย์ แต่ดูยังไงมันก็เป็นสัตว์ประหลาดชัด ๆ”
“ ถ้าเจ้ามองดูใกล้ ๆ ใบหน้าของพวกมันดูเหมือนมีหน้ากากสวมอยู่รึเปล่าล่ะ?” ลั่วอู๋กล่าวอย่างจริงจัง
โดยปกติแล้ว ฉูจงฉวน คงไม่เต็มใจที่จะจ้องมอง สัตว์วิญญาณที่มีหน้าตาน่าเกลียดแบบนี้ แต่หลังจากฟัง ลั่วอู๋ แล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่จ้องมองมันอย่างระมัดระวัง
เขาคิดว่ามันไม่สำคัญว่าเขาจะมองดูมันหรือไม่ เพราะยิ่งมองเขาก็ยิ่งใจขยะแขยง
แม้ว่าหน้ากากของมันจะคล้ายกับมนุษย์จริง ๆ แต่หากมองดูดี ๆ เป็นเวลานานก็จะพบว่าใบหน้าของพวกมันไม่มีเลือดเนื้อ มันมีความหยาบหนา
“ พวกมันคงไม่ใช่มนุษย์จริงๆ หรอกใช่ไหมเนี่ย” ฉูจงฉวน ตกใจ
เหวินเสี่ยวพยายามถอดหน้ากากของมันออก แต่เมื่อเขาสัมผัสกับใบหน้ามัน มันก็ร้องและโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด
ลั่วอู๋จ้องมองไปที่พวกมัน “พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์สองสามตัวดูเหมือนจะไม่เข้าใจคำพูดของลั่วอู๋ พวกมันเพียงแค่กรีดร้องอย่างดุเดือด
“ข้าจะลองพยายามสื่อสารกับมันดูก็แล้วกัน” เหวินเสี่ยวเรียกภูตปีกแสงออกมา จากนั้นเริ่มใช้ทักษะระดับ A [สื่อสารวิญญาณ]
การเชื่อมต่อทางพลังวิญญาณอันเลือนรางเริ่มก่อตัวขึ้น
“ พวกมันกำลังกลัว มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้พวกมันสงบลงได้ แต่ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว” เหวินเสี่ยวกล่าว
สื่อสารวิญญาณนั้นยังมีผลในการทำให้อารมณ์ของอีกฝ่ายสงบลง
ดวงตาของลั่วอู๋สว่างเล็กน้อย ใช่แล้วเขาเองก็มีทักษะนี้
อุปสรรคทางด้านภาษาสามารถแก้ไขได้ด้วยการสื่อสารทางพลังวิญญาณ แต่ทั้งสองฝ่ายนั้นต้องไปถึงมิติวิญญาณระดับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง
ทว่าหากใช้ทักษะสื่อสารวิญญาณก็จะไม่มีข้อจำกัดนี้อีก
เขาเองก็ทำได้เช่นกัน
ลั่วอู๋ เปลี่ยน ตวนซี ให้เป็นภูตปีกแสง ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้ทักษะสื่อสารวิญญาณได้ด้วยเช่นกัน
ลั่วอู๋ใช้ทักษะสื่อสารวิญญาณ จากนั้นการเชื่อมต่อทางพลังวิญญาณก็เริ่มก่อตัวขึ้น เหวินเสี่ยวที่รู้สึกถึงมันได้ทำให้เขาประหลาดใจและมองไปทางลั่วอู๋ “ภูตสงครามเชี่ยวชาญทักษะนี้ด้วยงั้นหรือ?”
“ใช่” ลั่วอู๋กล่าวอย่างคลุมเครือ
ลั่วอู๋เข้าร่วมการสนทนา
เนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยกับทักษะนี้ เขาจึงต้องพึ่งพาเหวินเสี่ยวในการปลอบประโลมอารมณ์ของพวกมัน
หลังจากนั้นไม่นานอารมณ์ของเหล่าสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ก็ได้สงบลงในที่สุด และพวกมันก็เริ่มพูดประโยคที่มีความหมายออกมาเป็นระยะ ๆ
“ได้โปรดอย่าฆ่าพวกเราเลย”
“พวกเราแค่มาดูซากแมลงตัวนั้นกัน มันไม่มีประโยชน์สำหรับพวกท่าน แต่มันมีประโยชน์กับพวกเรามาก”
“ท่านผู้สูงส่ง ได้โปรดอย่าฆ่าพวกเราเลย”
ลั่วอู๋ยิ่งแปลกใจ
เหตุใดพวกมันจึงเรียกพวกเขาดั่งตัวตนที่น่าเคารพ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าพวกมันจะกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว
ความกลัวก็พอเข้าใจได้อยู่หรอก
แต่ความเคารพของพวกมันมาจากที่ไหนกัน?
“พวกเจ้าเป็นมนุษย์รึเปล่า?” ลั่วอู๋ ถาม
เหล่าสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์มองหน้ากันแล้วส่ายหัว
พวกมันไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่ลั่วอู๋พูด พวกมันแค่ไม่รู้ว่ามนุษย์คืออะไร
พวกมันเรียกตัวเองว่า แซค
อย่างไรก็ตามทั้ง ลั่วอู๋ และ เหวินเสี่ยว ต่างไม่เคยเห็นบันทึกใด ๆ เกี่ยวกับการเผ่าพันธุ์นี้ในหนังสือมาก่อน
ฉูจงฉวนเกาหูและเกาแก้มอย่างรีบร้อน เขาไม่สามารถเข้าใจคำพูดของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้ “พวกเจ้าพูดอะไรกัน พวกมันเป็นมนุษย์รึเปล่า ? บอกข้าด้วยสิ”
ทุกคนกำลังสื่อสารกัน แต่มีเพียงเขาที่รู้สึกสับสน
นี่ทำให้ความนับถือในตนเองของฉูจงฉวน ได้รับผลกระทบอย่างมากเพราะมันทำให้เขาดูเหมือนคนโง่
แต่ลั่วอู๋ก็ไม่ได้สนใจเขา
“พวกเจ้าเอาแมลงตัวนี้ไปได้เลย ว่าแต่พวกเจ้ามาจากที่ไหนกัน ? แล้วมีพวกอื่นอีกไหม?” ลั่วอู๋ ถาม
สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์
พวกมันได้แต่ประหลาดใจและพยักหน้า
ลั่วอู๋ปลดโซ่ตรวนที่จับพวกมันออก ทำให้พวกมันส่งเสียงด้วยความยินดี
ไม่ไกลเท่าไหร่นักมี แซคอีกประมาณสี่สิบหรือห้าสิบตัวเดินออกมา พวกมันดูดุร้ายกว่าและมีผิวหนังสีดำ อย่างไรก็ตามลมปราณของพวกมันก็ยังคงอ่อนแอมากอยู่ดี
แขนขาของพวกมันเกือบจะเหมือนกับมนุษย์ เพียงแต่ว่าสั้นกว่า
ตัวที่ถูกจับได้มีชื่อว่ากูระ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำตัวเล็ก ๆ ของกลุ่มนี้ มันร้องออกมาว่า “ท่านผู้สูงส่งท่านนี้มอบแมลงตัวนี้แก่พวกเรา”
“ว้าว!” กลุ่มแซคกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นพวกมันก็กระโดดไปที่ร่างของแมลงด้วยความตื่นเต้น
พวกมันเริ่มเอามีดหินออกมาหั่นเปลือกนิ่ม ๆ ของด้วงนรกโรคจิตออก จากนั้นก็เอาเนื้อข้างในใส่ปากพวกมันอย่างพึงพอใจ
ฉูจงฉวนที่เห็นฉากนี้ ทำให้เขานึกถึงกลิ่นเลือดอันน่าขยะแขยงของด้วงนรกโรคจิต ทำให้เขาแทบจะอยากอาเจียนออกมา
“น่าขยะแขยงชะมัด มันกินเข้าไปทั้งดิบ ๆ เลยรึไง?”
ด้วงนรกโรคจิตนั้นมีขนาดใหญ่มาก แต่มันไม่มีเนื้อมากเท่าไหร่ดังนั้น เหล่าแซคจึงหยุดลงหลังจากกัดไปได้เพียงสองสามครั้ง
พวกมันหิว แต่ก็กินไม่ได้อีกแล้วเพราะเนื้อด้านในตัวแมลงนี้นั้นมีไม่มากเท่าไหร่ ร่างกายส่วนใหญ่ของมันเป็นน้ำที่สกปรกและมีพิษ
พวกมันลอกเปลือกของแมลงออกอย่างชำนาญ จากนั้นขุดเนื้อข้างในออกมาแล้วใส่ลงในภาชนะพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีปีกอันบอบบาง เนื้อแขนขาบาง ๆ และผิวหนังนุ่ม ๆ ตรงหน้าท้อง ซึ่งทั้งหมดถูกตัดออกมาอย่างชำนาญ
“พวกมันกำลังทำอะไรกัน … ” ฉูจงฉวนถามอย่างอ่อนแรง
“ พวกมันกำลังจะเอาอาหารกลับไปยังที่อยู่อาศัย ดูเหมือนว่าจะมีพวกมันจำนวนมากและอยู่รวมกันเป็นเผ่า” ลั่วอู๋กล่าว
แม้ว่าพวกมันจะยังหิว แต่ก็ต้องเอาอาหารกลับไป
ความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นอ่อนแอเกินกว่าที่จะเอาชนะสัตว์วิญญาณ ที่ทรงพลังเหล่านั้นได้ พวกมันสามารถจัดการได้แค่สัตว์วิญญาณที่กำลังอ่อนแอและอยู่อย่างสันโดษได้เท่านั้น
น่าเสียดายที่มีสัตว์วิญญาณแบบนั้นน้อยมาก
ลั่วอู๋ มองไปที่ กูระ ซึ่งเป็นผู้นำของพวกมัน “พาข้าไปที่เผ่าของเจ้าสิ”
กูระ ลังเล แต่ก็พยักหน้า
ฉูจงฉวน ลังเลมากแต่ก็ไม่ทำอะไรได้ เพราะทั้งลั่วอู๋และเหวินเสี่ยว ต่างก็ตัดสินใจที่จะไปดู
ด้วยความคิดที่ว่า พวกมันเป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในนรกมนตรารึเปล่า?
หากเรื่องนี้แพร่กระจายกลับไปในทวีปของมนุษย์ มันจะต้องทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่แน่
หลังจากเดินมาราว ๆ ครึ่งวันในที่สุด พวกเขาก็มาถึงที่อยู่อาศัยของเผ่าแซค
ช่วงครึ่งวันมานี้ ลั่วอู๋ ช่วยได้ช่วยเหล่าแซคจัดการกับสัตว์วิญญาณบางส่วนและรับสัตว์วิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ของนรกมนตราเข้าไปในมิติไห
ส่วนสัตว์วิญญาณที่ถูกสังหาร ร่างกายของพวกมันจะถูกเอาไปเหล่าแซค เนื่องจากสัตว์เหล่านั้นจะกลายเป็นอาหารจำนวนมากสำหรับเหล่าแซค ดังนั้นพวกมันจึงคุกเข่าลงอย่างตื่นเต้นและขอบคุณพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคน
ที่อยู่อาศัยของชนเผ่าแซคมีลักษณะคล้ายกับชนเผ่าโบราณ มีรั้วและกำแพงดูเรียบง่าย บ้านทำจากหินหยาบ ๆ และมีควันไฟของการทำอาหารลอยออกมา