ไหปีศาจ - บทที่ 352 ประวัติความเป็นมาของชนเผ่าแซค
บทที่ 352 ประวัติความเป็นมาของชนเผ่าแซค
บทที่ 352
ประวัติความเป็นมาของชนเผ่าแซค
ในบ้านพักของหัวหน้าเผ่า
มันเป็นเพียงแค่มุ้งเล็ก ๆ ที่มีโต๊ะหินหยาบ ๆ และหมอนที่ทำจากวัชพืช
เนื่องจากเพื่อให้สามารถรองรับกับการอพยพ มันจึงถูกทำให้อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมสำหรับการโยกย้ายได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการเผ่าแซคมักจะถูกโจมตีโดยสัตว์วิญญาณต่าง ๆ
แม้ว่าแซคเฒ่าจะเดินหันหลังกลับไปก่อนหน้านี้ และไม่เต็มใจที่จะคุยกับพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคน แต่มันก็มองออกไปด้วยดวงตาคู่หนึ่งของมันผ่านทางรอยแตกเล็ก ๆ ในที่พัก จ้องมองไปที่พวกเขา
มันเห็นพวกลั่วอู๋เอาน้ำ อาหารแห้ง เนื้อและผลไม้ต่าง ๆ ออกมาแจกจ่าย ทำให้สายตาของมันดูซับซ้อนมาก
หลังจากนั้นไม่นานอาหารที่แจก ๆ กันก็ส่งมาถึงแซคเฒ่า แซคตัวหนึ่งเดินถือชิ้นเนื้อเปื้อนเลือดและผลไม้ป่ามาให้แซคเฒ่า ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ท่านหัวหน้าดูสิ เนื้อสะอาดล่ะ”
เนื้อที่สะอาดนั้นแทบจะหาไม่ได้ในนรกมนตรา
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”แซคเฒ่าไม่ได้สนใจเท่าไหร่
หลังจากรอให้ใครแซคตัวนั้นออกไป แซคเฒ่าก็หยิบเนื้อขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้วกัดมัน แม้แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
นี่คือเนื้อสัตว์ที่บันทึกเอาไว้ในตำราของบรรพบุรุษ
มันอร่อยจริง ๆ
แต่ทำไมพวกมนุษย์ถึงได้ทำเช่นนี้ ? ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นคนเนรเทศพวกมันออกมายังดินแดนมรณะแห่งนี้แท้ ๆ
……
……
พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนได้มาที่ภูเขาด้านหลังถิ่นอยู่อาศัยของชนเผ่าแซค
ที่นี่มีเหมืองแร่วิญญาณมากมาย
ในถ้ำต่าง ๆ มีแร่สีดำและแร่สีขาวอยู่ติด ๆ กันอย่างใกล้ชิด
แร่ดำคือหินกูมันมีค่าไม่สูงแต่ค่อนข้างแข็ง ส่วนแร่สีขาวคือหินเจาะกระดูก
สัดส่วนของหินเจาะกระดูกนั้นมีไม่มากเท่าไหร่ แต่หากรวมที่อยู่ด้านในแล้วก็ถือว่ามีมากอยู่พอตัว เนื่องจากแร่ชนิดนี้แทบไม่มีประโยชน์อะไรในนรกมนตราเลย
เพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่นี่ไม่สามารถทำการเล่นแร่แปรธาตุหรือหลอมอาวุธได้ หินเจาะกระดูกที่ไม่ได้แข็งมาก จึงเปราะเกินไปสำหรับการใช้เป็นอาวุธ
สิ่งมีชีวิตของนรกมนตรานั้นแทบจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเหมืองแร่วิญญาณได้เลย ดังนั้นแม้ว่านรกในตราจะดูรกร้าง แต่มันก็มีปริมาณทรัพยากรในเหมืองวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์มาก
“รวยแล้ว!” ดวงตาของฉูจงฉวนเปล่งประกาย
แม้แต่เหวินเสี่ยวเองก็มีความคิดบางอย่างในหัว ด้วยหินเจาะกระดูกจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาสามารถทำกำไรได้มากมาย เพราะแร่วิญญาณนี้นั้นมีความสำคัญมากสำหรับการปรับแต่ง
ทั้งสามเริ่มขุดหาแร่
ผ่านไปไม่นานนักหินเจาะกระดูกจำนวนมากก็ถูกขุดออกมา
ฉูจงฉวน และ เหวินเสี่ยว ได้รับหินเจาะกระดูกมาหนึ่งพันชิ้น จนเต็มอุปกรณ์จัดเก็บของพวกเขา ทำให้เขายอมวางพวกมันลงและเลือกที่จะยอมแพ้
เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาจนเกินไป ลั่วอู๋ เก็บหินเจาะกระดูกมาเพียงสาม – สี่พันชิ้น แต่ถึงอย่างนั้น ฉูจงฉวนก็ยังอิจฉาเขาอยู่ดี
“เจ้านี่มันโชคดีอะไรอย่างนี้” ฉูจงฉวน ถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถกักเก็บพวกมันไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เจ้าคิดว่าจะมีเหมืองของแร่วิญญาณที่มีค่ามากกว่านี้ในนรกมนตราอีกรึเปล่า?”
“จะมีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเราจะค้นหามันเจอรึเปล่า” เหวินเสี่ยวกล่าว
พวกเขาเก็บเกี่ยวแร่วิญญาณมาได้มีมากมายมหาศาล
ถ้าพวกเขาไม่ได้พบกับชาวแซค ก็คงไม่มีใครคิดจะเข้ามาในภูเขานี้ เพื่อมองหาเหมืองแร่วิญญาณแน่
“ไปกันเถอะ พวกเราเก็บเกี่ยวจนคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแล้ว” ลั่วอู๋ กล่าว
ทั้งสามคนพร้อมที่จะเดินจากไป
แต่ก่อนที่จะเดินจากไป ลั่วอู๋ ได้กลับเข้าไปทักทายชนเผ่า แซค
เมื่อเขากลับไปที่กลุ่มแซค ลั่วอู๋ก็ได้พบกับกูระและบอกมันว่าพวกเขาทั้งสามคนกำลังจะเดินทางออกจากที่นี่แล้ว
กูระ ดูหดหู่ แต่มันก็ไม่ได้หยุดรั้งพวกเขาไว้
อาหารแบบนั้น เป็นอะไรที่มันน่าจะได้รับเพียงครั้งเดียวในชีวิต มันเปรียบดั่งพรจากปีศาจ มันจะคาดหวังให้เหล่าผู้สูงส่งเหล่านี้อยู่ที่นี่ต่อไป เพื่อนำอาหารเหล่านั้นออกมาอีกได้อย่างไรกัน
ขณะเดียวกันไม่ไกลจากที่พักนั้น เสียงเด็กร้องไห้ที่ดังมากของแซคน้อยก็ดังขึ้นมา
ดูเหมือนว่าในวันนี้มีชีวิตน้อย ๆ ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกหนึ่ง
ชนเผ่าเล็ก ๆ นี้มีความคล้ายคลึงกับคนโบราณมาก มันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับพวกเขาที่จะต้องมีภูมิปัญญาของคนโบราณ
แม้ว่าจะไม่มีใครในเผ่าพันธุ์นี้ที่มีมิติวิญญาณสูงกว่าระดับเงิน แต่พวกมันก็มีภูมิปัญญาสูง
พวกมันคงจะเป็นตัวอะไรไปไม่ได้นอกจากมนุษย์จริง ๆ
จู่ ๆ แซคตัวผู้ที่อุ้มทารกอยู่ในอ้อมแขนก็วิ่งออกจากบ้านพักด้วยความดีใจ มันตะโกนราวกับกำลังระบายความดีใจของมันออกมา
ลั่วอู๋ตกใจมาก
ทารกนั้นตัวขาวราวกับรากบัว มันไม่ได้มีหน้าสีเขียวและไม่มีเขี้ยว มันร้องไห้ออกมาดังมาก ๆ ไม่ต่างอะไรกับทารกของมนุษย์
“ทารกนั่นไม่ใช่มนุษย์หรือยังไงกัน?” ฉูจงฉวนพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เห็นได้ชัดว่า แซค เหล่านี้เป็นมนุษย์
ในเวลานี้บรรยากาศของชาวแซคที่ดูอบอุ่นได้เย็นชาขึ้นมาทันควัน
แซคที่อุ้มเด็กทารกอยู่เองก็เปลี่ยนสีหน้า ด้วยความที่มันเพิ่งได้เป็นพ่อคน มันจึงลืมไปว่ามันต้องซ่อนความจริงบางอย่างเอาไว้ เป็นผลให้มีการเปิดเผยลักษณะของทารก
เหล่าชาวแซคต่างมองมาทางพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคน
มันเป็นเรื่องแปลกมาก
ชาวแซคไม่ต้องการเปิดเผยความลับ เพราะมันอาจจะนำมาสู่หายนะซึ่งนำไปสู่ความตายของคนในครอบครัวได้ แต่ถ้าพวกไม่ต้องการให้ข้อมูลถูกเปิดเผยล่ะก็ พวกมันจะต้องฆ่าพวกลั่วอู๋ทั้งสามคน
อย่างไรก็ตามถ้ามันลงมือล่ะก็ทั้งเผ่าจะต้องพินาศอย่างแน่นอน
สิ่งนี้ทำให้ชาวแซค ต่างตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทันใดนั้นแซคเฒ่าก็ถอนหายใจแล้วเดินออกมา “อย่าตื่นเต้นไป ทำในสิ่งที่พวกเจ้าควรจะทำ ส่งให้เด็กนั่นมาให้ข้า”
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่แซคเฒ่าพูด จิตใจของแซคคนอื่น ๆ ก็สงบลง
จากนั้นแซคเฒ่าก็กล่าวกับพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนเป็นภาษามนุษย์ “โปรดตามข้ามา”
แซคเฒ่าอุ้มเด็กทารกแล้วจึงพาพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนมาที่โรงเก็บของซอมซ่อ ภายในรูปปั้นดินเหนียวของบรรพบุรุษที่มีเขี้ยวสีเขียวน่ากลัว
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นห้องโถงบรรพบุรุษของเผ่าแซค
แต่แทนที่จะพูดอะไรแซคเฒ่ากลับใช้หม้อผสมของเหลวเหม็น ๆ แปลก ๆ และเตรียมวัสดุสำหรับยึดต่าง ๆ
ดวงตาของกบตาอาบยาพิษ
หางของแมงป่องหิน
เขี้ยวของไฮยีน่า
หลังจากผสมพวกมันเข้ากันไปสักพักหนึ่ง มันก็ตักของเหลวหนืดที่น่าขยะแขยงนั้นขึ้นมาหนึ่งช้อนแล้วเทลงบนไปใบหน้าของทารกแรกเกิด
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร.
ทารกแรกเกิดดิ้นด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไร ของเหลวได้เกาะติดกับใบหน้าของเด็กทารกแล้วค่อยๆรวมตัวเป็นหน้ากากอันดุร้าย
ร่างกายของทารกกลายเป็นสีดำและสีน้ำเงินเหมือนกับสัตว์ประหลาดตัวน้อย ๆ
ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น “พวกเจ้าเป็นมนุษย์จริงๆสินะ แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่กันล่ะ ทำไมต้องซ่อนตัวตนของพวกเจ้าด้วย”
“มนุษย์งั้นเหรอ พวกเราอาจจะเคยเป็นมาก่อนก็ได้ แต่มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว” แซคเฒ่าวางเด็กทารกลงแล้วถอนหายใจ “พวกเราคือผู้คนที่ถูกลืมไว้ในดินแดนแห่งนี้”
ตอนนี้มันใช้ภาษาของมนุษย์ในการพูด
“ทำไมถึงต้องการซ่อนตัวตนงั้นเหรอ ? พวกเจ้าคิดว่าพวกเราต้องการทำมันอย่างนั้นเหรอ ?”
“หน้ากากนี้จะอยู่กับพวกเราไปตลอดชีวิต เมื่อถอดออกพวกเราจะตาย ใครมันจะอยากเป็นสัตว์ประหลาดในนรกมนตรากันล่ะ”
“เจ้าไม่รู้หรอกว่า ปรมาจารย์ปีศาจแห่งนรกมนตราทั้งเก้า มีความเกลียดชังต่อมนุษย์แค่ไหน ถ้าหากพวกเราบอกให้ใครรู้ว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นี่ในนรกมนตรา พวกเราจะต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน”
“บรรพบุรุษของพวกเราพยายามอย่างเต็มที่ในการทำหน้ากากนี้ เพื่อให้เผ่าพันธุ์ของเราสามารถอยู่รอดได้ในนรกมนตรา”
หลังจากฟังคำพูดของแซคเฒ่าร่องรอยแห่งความเศร้าก็ปรากฏขึ้นในใจของทั้งสาม
คนเหล่านี้มีชีวิตอันน่าสังเวช และต้องอาศัยอยู่ในนรกมนตราอย่างยากลำบาก
ฉูจงฉวน ทนไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนกัน?”
“โอ้ เกือบหมื่นปีแล้ว”แซคเฒ่า ไม่มีความเศร้าโศกหรือความสุข
“เจ้าไม่ได้พบกับคนอื่น ๆ ในนรกมนตราเลยหรือ?” ลั่วอู๋ ถาม
การฝึกอบรมในมิติของสำนักเฉียนหลง นั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แม้ว่าช่องว่างมิติของนรกมนตราจะเปิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง แต่ก็มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะไม่เคยพบคนจากสำนักเฉียนหลงเลย
“แน่นอนพวกข้าเคยเจอแล้ว หัวหน้าผู้อาวุโสเคยบันทึกเอาไว้ว่า เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนชาวแซค เคยได้พบผู้คนจากสำนักเฉียนหลง พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการยืนยันตัวตนของกันและกัน พวกเราในตอนนั้นอุตส่าห์คิดว่าพวกเราจะได้ออกจากที่นี่ผ่านช่องว่างมิติของพวกเขาได้ แต่พวกเรากลับถูกบอกว่าเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย และต้องอยู่ในนรกมนตราเพื่อชดใช้บาปนั้นต่อไป ”
ลั่วอู๋ตกตะลึง
เพื่อชดใช้บาป?
“พวกเจ้าก่ออาชญากรรมอะไรไว้งั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถาม
แซคเฒ่าโกรธ “ข้าไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าบาปนั้นคืออะไร พวกเราเป็นคนที่ถูกลืม เป็นคนที่ถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง ถ้าพวกเราลบล้างมลทินนั้นได้ พวกเราก็คงทำมันไปนานแล้ว”
“พวกเราต้องติดอยู่ในนรกมนตรามาเกือบหมื่นปี แม้ว่าพวกเราจะเคยก่ออาชญากรรมอันชั่วร้ายไว้ แต่เราก็สมควรได้รับการไถ่โทษ! ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ยอมปล่อยพวกเราออกไปกัน?”
แซคเฒ่าเกลียดนรกมนตราแห่งนี้ที่เขาเกิดและเติบโตมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เพราะมันเป็นหัวหน้าเผ่า มันจึงไม่ได้งมงายเหมือนแซคตัวอื่น ๆ มันรู้จักตัวตนต้นกำเนิดเผ่าพันธุ์ของมันดี และรู้ว่าพวกมันควรจะได้อาศัยอยู่ในโลกของมนุษย์ที่อุดมสมบูรณ์
แทนที่จะซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของนรกมนตรา พอใจกับการกินเนื้อไฮยีน่าอันสกปรกและเหม็นชื้น
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้การแสดงออกของลั่วอู๋ก็ซับซ้อนมาก
ใครจะไปคิดว่าเรื่องราวเบื้องหลังของพวกมันช่างทรมานและแปลกประหลาดเหลือเกิน
แซคเฒ่า สงบลงชั่วขณะ แต่ดวงตาของมันยังคงเป็นสีแดงเล็กน้อย “ข้ายอมรับในชีวิตของข้าแล้ว ข้าจะไม่ถ่ายทอดภาษาของเผ่าพันธุ์มนุษย์และมรดกของบรรพบุรุษของพวกเราให้แก่คนรุ่นหลัง เนื่องจากเราไม่สามารถย้อนกลับไปที่นั่นได้อีกแล้ว พวกเราควรหยุดความคิดนี้ไปโดยสิ้นเชิง ข้าไม่อยากกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปจนวันตาย หรือปล่อยให้เผ่าพันธุ์ของพวกเราในอนาคตกลายเป็นสัตว์ประหลาด ”
“แล้วเจ้าอยากทำอะไรล่ะ?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
แซคเฒ่าพูดช้าๆ “ข้าเพียงต้องการให้คนของข้าไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าอีกต่อไป ดังนั้นข้าจึงต้องการต่อรองข้อตกลงกับเจ้า”