ไหปีศาจ - บทที่ 365 การปลดผนึกความสามารถที่ 3
บทที่ 365 การปลดผนึกความสามารถที่ 3
บทที่ 365
การปลดผนึกความสามารถที่ 3
เห็นได้ชัดว่านักบุญอุปถัมภ์ของราชวงศ์มังกรเร้นกายไม่ต้องการตอบคำถามแปลก ๆ แบบนี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบใส่
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงร่างแยก แต่เขาก็แบ่งปันข้อมูลเชื่อมต่อกับร่างหลัก เขาหลับเกือบตลอดเวลาเพื่อสะสมพลังวิญญาณสำหรับผนึก ดังนั้นต่อให้เขาอยู่ที่นี่มานานหลายร้อยปี เขาก็ไม่มีทางมีความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือนิสัยแปลก ๆ ในการพูดคุยกับคนอื่นแต่อย่างใด
เสาดังกล่าวไม่สนใจคำพูดของ ฉูจงฉวน ซึ่งทำให้ ฉูจงฉวน ได้รับบาดเจ็บทางจิตใจมาก
“ ข้าไม่คิดเลยว่าท่านเจ้าสำนักจะเป็นคนจริงจังขนาดนี้ ข้าผิดหวังมาก” ฉูจงฉวน ดูเศร้า
ลั่วอู๋กลอกตา “มาเถอะมีไม่กี่คนในโลกหรอกที่จะเข้าใจเจ้า”
“ใช่ แต่ข้าก็ดีใจนะที่อย่างน้อยเจ้าก็เข้าใจข้า” ฉูจงฉวน พยักหน้า
ข้าเองก็ไม่เข้าใจเจ้าเหมือนกัน
ลั่วอู๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้พูดประโยคนั้นออกไป
หลังจากได้คำตอบที่เขาต้องการแล้ว ลั่วอู๋ ก็สามารถจบการฝึกอบรมมิติได้เสียที
ถึงนรกมนตราเป็นสถานที่ที่ดีในการฝึกฝนและได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ แต่มันก็ยากที่จะชอบสถานที่แบบนี้
เขายังได้รับประสบการณ์มากมายจากการเดินทางครั้งนี้
ด้วยความรู้ต่าง ๆ จากการเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงก็ค่อยๆถูกเปิดเผยออกมา
จากหนังสือโบราณใน คฤหาสน์สุตรา จะเห็นได้ว่าเมื่อกว่า 8000 ปีก่อนได้เกิดภัยพิบัติขึ้นทำให้ป่าเตียนวูในตำนานถูกทำลาย และประตูมิติสู่นรกมนตราก็ได้ถูกเปิดออก
ประกอบกับคำของหัวหน้าเผ่าแซคที่กล่าวว่าพวกเขาได้ทำการชดใช้มลทินที่นรกมนตราแห่งนี้มาเกือบ 10,000 ปี เมื่อพิจารณารวมกับปัจจัยการเดินทางผ่านห้วงมิติเวลาระหว่างสถานที่ทั้งสองแห่งก็จะสามารถจับคู่เวลาของทั้งสองด้านได้ว่าเป็นช่วงเดียวกัน
ซึ่งตามที่เจ้าสำนักระบุไว้ว่าบรรพบุรุษของชาวแซคได้ทรยศต่อมนุษยชาติ และทำให้มนุษยชาติเกือบจะต้องสูญสิ้น
มีความเป็นไปได้สูงว่า สาเหตุที่ทำให้มนุษยชาติในอดีตเกือบจะสูญสิ้นนั้นมาจากเหล่าปีศาจในนรกมนตราเหล่านี้
นอกจากนี้ภูเขากุยโต ที่ทุกคนต่างรู้กันว่าเคยเป็นสนามรบเองก็เป็นสถานที่ที่กองทหารจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถูกสังหารเมื่อ 8000 ปีก่อน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไมภูเขากุยโตถึงเต็มไปด้วยไอวิญญาณอันอึดอัดจนหายใจไม่ออก
การที่สุสานขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นบนภูเขานั้นคงไม่เพียง แต่มีไว้เพื่อรำลึกถึงความทรงจำของผู้ที่ได้พลีชีพในสงครามเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อการปราบปรามเหล่าผีที่โกรธเกรี้ยว และเพื่อไม่ให้วิญญาณอันชั่วร้ายเหล่านั้นหลุดออกมายังโลกภายนอก
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีจุดที่ทำให้เขารู้สึกงงงวยอยู่อีกมากมาย แต่ลั่วอู๋นั้นไม่ได้สนใจที่จะมองหาความจริงทางประวัติศาสตร์ในตอนนี้ เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดเป็นอันดับแรกก็คือการตามหาภูตไห
ทั้งสามคนต้านลมปราณอันชั่วร้ายกลับไป เพื่อเดินทางออกจากภูเขาปีศาจนี้
เมื่อไปถึงตีนเขา พอหันกลับไปก็จะรู้ได้ทันทีว่ามีอะไรอยู่บนภูเขา ด้วยที่มีเสาขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่ตรงนั้น
ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมที่นี่ถึงไม่มีสัตว์วิญญาณมนตราอยู่รอบ ๆ
เพราะภูเขานี้นั้นเป็นที่ตั้งของเสาผนึก พลังวิญญาณของผนึกที่นี่ทำให้เหล่าปีศาจกลัวและไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ มีเพียงมนุษย์สามคนอย่างพรรคพวกลั่วอู๋เท่านั้นที่จะสามารถปีนขึ้นไปได้
ฝันร้ายตัวน้อยยังคงเฝ้ามองมาจากระยะไกล มันไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ แต่มันก็ยังไม่อยากจากไปไหน
หลังจากเหวินเสี่ยวได้ลงมาจากภูเขา เขาก็ดูเงียบผิดปกติเหมือนจะมีบางอย่างในใจ
“ เหวินเสี่ยวกับข้ามีเรื่องส่วนตัวจะคุยกัน” เมื่อพวกเขาทั้งสามมาถึงสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย ลั่วอู๋ ก็หันมาพูดกับ ฉูจงฉวน “เจ้าช่วยออกไปเฝ้ายามแทนได้ไหม?”
ได้ยินเช่นนั้นฉูจงฉวนก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เดินออกไปไกล ๆ ตามที่ขอ
ลั่วอู๋นั่งลงตรงหน้าเหวินเสี่ยว ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้นดูจะเหนื่อยล้าและกังวลเป็นอย่างมาก
“เจ้ามีอะไรอยากจะถามข้าไหม?” ลั่วอู๋มองไปที่ เหวินเสี่ยวแล้วพูดออกมา
เหวินเสี่ยวเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงของเขาดูสงบลงเล็กน้อย “ข้าจำได้ว่าตอนที่พวกเราอยู่ในพื้นที่ล่าสัตว์ของเมืองเซิงฟู ข้าเคยพูดถึงภูตไหกับเจ้าและเจ้าบอกข้าว่า เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนี่นา”
“ใช่แล้ว ข้ารู้เรื่องนี้มาจากเจ้าไง” ลั่วอู๋โกหก
“ข้าบอกกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องที่เขามีอภินิหารมากมายในการไปถึงแดนอมตะ” เหวินเสี่ยวกระซิบ“และข้าก็บอกเจ้าไปแล้วว่า ข้าจะต้องหาตัวภูตไหให้จงได้”
“ใช่”
ลั่วอู๋พยักหน้า
เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้จริง ๆ
“เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับภูตไหมาจากข้า จากนั้นเจ้าเองก็เริ่มตาหาภูตไหเหมือนกัน แต่กลับไม่เคยเปิดเผยให้ข้ารู้เลยเนี่ยนะ” เหวินเสี่ยวดูอารมณ์ไม่ดี
ลั่วอู๋กล่าวว่า “ข้าคงจะทำเกินไปหน่อย ข้ารู้ว่าภูตไหมีความสำคัญกับเจ้ามาก และเจ้าจะขาดมันไปไม่ได้ แต่ข้าก็มีเหตุผลที่ข้าไม่สามารถบอกกับคนอื่น ๆ ได้เหมือนกัน ข้าเองก็ต้องหาภูตไหเหมือนกับเจ้า แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าสัญญาว่าแม้พวกเราจะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่พวกเราจะไม่มีความขัดแย้งกัน แม้ว่าเจ้าจะต้องการใช้ภูตไหทำอะไรบางอย่างเพื่อจุดประสงค์ของตัวเจ้าเอง ข้าก็จะช่วยให้เจ้าได้บรรลุเป้าหมายนั้น”
สีหน้าของเหวินเสี่ยวดูดีขึ้นเล็กน้อย
สิ่งที่เขากังวลที่สุดคือความขัดแย้งกับคนอื่น ๆ ในเรื่องของภูตไห
“ขอบคุณที่เข้าใจ” เหวินเสี่ยวถอนหายใจ “ข้าไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไง หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภูตไห”
ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย “เจ้าต้องการให้ภูตไหทำอะไรให้เจ้างั้นหรือ? บางทีคนอื่น ๆ ก็อาจจะสามารถทำสิ่งนั้นให้เจ้าได้นะ”
“ไม่มีทางหรอก ไม่มีใครอื่นที่จะสามารถช่วยข้าได้” เหวินเสี่ยวมองไปที่ลั่วอู๋ราวกับขอโทษ “ข้าขออภัย แต่ข้าคงพูดเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตัวเอง” ลั่วอู๋โบกมือ
เขาเองก็ไม่สามารถบอกความลับของเขาได้
เหวินเสี่ยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรต่อไปในอนาคต แต่ถ้าหากเกิดเหตุอะไรขึ้นกับข้า ข้าก็หวังว่าเจ้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยข้า ถ้าเจ้าช่วยให้ข้าบรรลุเป้าหมายนี้ ข้าเองก็จะมอบชีวิตนี้ให้กับเจ้าเช่นกัน ”
ลั่วอู๋ซึ้งใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เหวินเสี่ยวขอความช่วยเหลือจากเขา นับตั้งแต่เขาได้พบกับเหวินเสี่ยว
และท่าทางของเขาดูตั้งใจมาก
ดูเหมือนว่าที่อยู่ในใจของเหวินเสี่ยว จะเป็นเรื่องที่สำคัญยี่งกว่าชีวิตของตัวเขาเอง
“ได้เลย” ลั่วอู๋พยักหน้า
เหวินเสี่ยวเผยรอยยิ้มแสดงถึงความรับรู้ ดูเหมือนว่าหินก้อนใหญ่ในใจของเขาถูกยกออกไปแล้ว อันที่จริงเขาเกรงว่าลั่วอู๋จะมีปัญหากับเขา ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะลั่วอู๋ได้
ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
หลังจากพักผ่อนไม่นานเท่าไหร่ ทั้งสามคนก็ออกเดินทางอีกครั้ง
การเดินทางกลับนั้นเร็วขึ้นกว่าขามามากอย่างเห็นได้ชัด ด้วยที่พวกเขาคุ้นเคยกับนรกมนตรามากขึ้นทำให้ความเร็วในการฟื้นตัวของพวกเขาเร็วขึ้นมาก
ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับสัตว์วิญญาณมากมายที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ซึ่งลั่วอู๋ก็เก็บสัตว์วิญญาณเหล่านั้นเข้ามาชนิดล่ะตัว ส่งผลให้หนังสือสัตว์วิญญาณถูกปลดผนึกไปมากกว่า 40 หน้า
โดยสัตว์วิญญาณส่วนมากที่ลั่วอู๋เก็บเข้ามานั้นเป็นสัตว์วิญญาณมนตราระดับต่ำและระดับกลาง
ในที่สุดการรวบรวมสัตว์วิญญาณขั้นที่สามก็เสร็จสมบูรณ์
หนังสือขนาดใหญ่ที่ใจกลางของมิติไหเต็มไปด้วยแสงแพรวพราว
ความสามารถใหม่ที่สามของไหปีศาจได้รับการปลดผนึกอย่างเป็นทางการ – การกลั่นและขัดเกลา
นี่เป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่งของไหปีศาจ สารสกัดพลังวิญญาณจากแก่นแท้อันบริสุทธิ์ที่สุดของวัตถุพลังวิญญาณโดยใช้พลังวิญญาณ
ยกตัวอย่างเช่น หากกลั่นแร่เหล็กจำนวนมากโดยการใช้พลังวิญญาณจำนวนหนึ่ง ก็จะได้รับเหล็กกลั่น หรือแม้แต่เหล็กเมฆกลั่นที่มีความบริสุทธิ์สูงยิ่งกว่ามา
ความสามารถนี้ไม่เพียง แต่มีประโยชน์กับสิ่งไม่มีชีวิตเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์กับสิ่งมีชีวิตด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะสามารถขัดเกลาได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายนั้นสามารถต้านพลังของมันได้
ลั่วอู๋พยายามปรับแต่งหนูวิญญาณ โดยผลที่ตามมาก็คือหนูวิญญาณได้กลายเป็นพลังวิญญาณอันชั่วร้ายแล้วสลายหายไป
จากนั้น ลั่วอู๋ จึงได้ลองพยายามปรับแต่งสัตว์วิญญาณระดับทอง – วิญญาณมืดมิด เป็นผลให้มันหายไปแล้วกลายหินเหนียวขนาดเท่ากับเล็บ
มันเป็นหินดินเหนียวที่มีชั้นเมือกบนพื้นผิว
หินนั้นมีพลังวิญญาณชั่วร้ายที่บริสุทธิ์มาก มันไม่ได้ปั่นป่วนจนน่ารำคาญเกินไป และไม่ได้เข้ากันกับเหล่าพลังวิญญาณอันชั่วร้ายในนรกมนตรา
มันเพียงแค่น่าขยะแขยง และเปี่ยมด้วยอารมณ์เชิงลบ
“ถ้าลองใช้แร่วิญญาณดูล่ะ?”
ลั่วอู๋พยายามขัดเกลาด้วยแร่วิญญาณ แต่เขาต้องใช้แร่วิญญาณนับหมื่นในการขัดเกลาให้ได้แร่วิญญาณบริสุทธิ์ขนาดเท่ากับตะปู
พลังวิญญาณของแร่วิญญาณบริสุทธิ์นั้นบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ความเข้มข้นของพลังวิญญาณนั้นสูงกว่าแร่วิญญาณชั้นยอดหลายขุม เรียกได้ว่าหากใช้มันเพื่อการฝึกฝนผลนั้นจะออกมาดีกว่าข้างในมิติไหหลายเท่า
น่าเสียดายที่มันใหญ่เพียงแค่เท่าตะปู และคงใช้พลังวิญญาณหมดในหนึ่งวัน
“มันเปลืองทรัพยากรเกินไปแล้ว” ลั่วอู๋ตกใจกลัว
หากเขาฝึกฝนด้วยพลังของแร่วิญญาณบริสุทธิ์ ความก้าวหน้านั้นจะยอดเยี่ยมมาก แต่ราคาของมันนั้นแพงเกินไป