ไหปีศาจ - บทที่ 372 กลืนกินสวรรค์
บทที่ 372 กลืนกินสวรรค์
บทที่ 372
กลืนกินสวรรค์
ลั่วอู๋พยายามกลั่นสัตว์วิญญาณตัวอื่น ๆ อย่าง เกรี้ยวกราด
สัตว์วิญญาณระดับทองแดงส่วนมากนั้นไม่สามารถถูกนำมาใช้ในการกลั่นได้ พวกมันมักจะกลายเป็นอณูวิญญาณหรือไอวิญญาณแล้วสลายหายไป
มีเพียงแค่สัตว์วิญญาณระดับเงินหรือสูงกว่าเท่านั้น ที่จะสามารถถูกนำมากลั่นได้ นอกจากนี้คุณสมบัติ รูปแบบและวงจรวิญญาณของสัตว์วิญญาณ เองก็มีผลกระทบต่อการกลั่น
ตัวอย่างเช่น การกลั่นตั้กแตนขู่เซิงก็จะได้ใบไม้สีเขียวที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณออกมา
อย่างไรก็ตามหากกลั่นปีศาจไม้ ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติธาตุไม้ระดับทองแบบเดียวกัน กลับกลายเป็นเข็มสีเขียวที่เต็มไปด้วยหนามละเอียด ซึ่งมีความสามารถในดูดซับพลังวิญญาณของผู้อื่น มันกลายเป็นอาวุธสำหรับนักฆ่าอันเยี่ยมยอดออกมาแทน
ลั่วอู๋ได้ลองกลั่นสัตว์วิญญาณเป็นจำนวนมากและได้ของประหลาด ๆ ออกมามากมาย
แผ่นเหล็กแหลม หยดน้ำหลายพันหยด มากพอที่จะดับไฟที่อาจจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ไปตลอดกาล ไหนจะดินที่มีพลังวิญญาณแกร่งกล้าอีก
สิ่งเหล่านี้อาจมีประโยชน์ได้ดีในการเล่นแร่แปรธาตุ การกลั่นยา หรือใช้ในการปรับแต่งด้านอื่น ๆ หากพวกมันถูกนำออกไปปรากฏต่อหน้าสายตาชาวโลกคงจะทำให้เกิดความตกใจอย่างมาก
แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ลั่วอู๋ต้องการในตอนนี้
แน่นอนว่าเขาก็ได้สิ่งที่ต้องการเก็บเกี่ยวมาบ้าง การกลั่นสัตว์วิญญาณบางตัว เขาก็ได้รับสิ่งที่คล้ายกับก้อนหินเหนียว ที่มีพลังวิญญาณหรือพลังปราณมหาศาล
มันเป็นเรื่องแปลกที่ต้าหวงไม่สนใจแร่วิญญาณบริสุทธิ์ แต่กลับโหยหาก้อนหินเหนียวที่ได้จากการกลั่นสัตว์วิญญาณ
“นี่ไงเอาไปสิ”
ลั่วอู๋ให้ก้อนหินเหนียวกับต้าหวง
ต้าหวงไม่ได้เกรงใจเลย มันรีบใช้ [ความมืดมิดกลืนกิน] กลืนก้อนหินเหนียวลงไปให้หลอมรวมกลายเป็นพลังอันลึกลับในร่างกายของมัน
“แปลกชะมัดที่มิติวิญญาณของมันไม่ได้รับการยกระดับขึ้นเลย” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
หลังจากที่ต้าหวงได้กลืนก้อนหินเหนียวที่มีพลังวิญญาณจำนวนมากลมปราณของมันก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“พลังวิญญาณมันหายไปไหนกัน” ลั่วอู๋ มองไปที่ต้าหวงอย่างสงสัยพลางลูบหัวมันเบา ๆ : “เจ้าช่วยแสดงปฏิกิริยาอะไรให้ข้าหน่อยก็ดีนะ”
ต้าหวงมองเขาด้วยใบหน้าอันไร้เดียงสาแล้วเห่า “โฮ่ง” สองสามครั้งอาย แสดงความหมายว่ามันยังต้องการอีก
“จะเอาเพิ่มมากกว่านี้เหรอ?” ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจ “ในเมื่อมันไม่ได้ทำให้เจ้าเจ็บปวดอะไร และเจ้าต้องการมัน ข้าก็จะให้มันเท่าที่เจ้าต้องการ”
ลั่วอู๋เคารพในการตอบสนองตามสัญชาตญาณของต้าหวง
เนื่องจากสัญชาตญาณของมัน ทำให้มันกระหายสิ่งเหล่านี้ มันจึงน่าจะมีเหตุผลบางอย่างแอบแฝง
สัตว์วิญญาณ ที่สามารถถูกกลั่นกลายเป็นก้อนหินเหนียวอันเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ ล้วนถูกลั่วอู๋ นำมากลั่นให้กลายเป็นก้อนหินเหนียวไปทีละก้อน แล้วจึงโดนต้าหวงกลืนหายไป
แต่สัตว์วิญญาณแบบนี้มีไม่มากนัก ลั่วอู๋ ทำได้เพียงแค่จดจ่ออยู่กับการสังเคราะห์วิญญาณมืดมิดออกมาแล้วกลั่นมันให้กลายเป็นก้อนหินเหนียว
ต้าหวงตอนนี้เหมือนกับหลุมไร้ก้นบึ้งที่พร้อมจะกลืนกินก้อนหินเหนียวอยู่ตลอดเวลา
ลั่วอู๋ตกใจมาก
หากนำพลังวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมดมารวมกัน คาดว่าพลังวิญญาณทั้งหมดนี้จะสามารถระเบิด สัตว์วิญญาณในระดับทองขั้นสูงให้หายไปได้สบาย ๆ แต่แล้วทำไมต้าหวงกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
แต่หลังจากที่ได้สังเกตเป็นเวลานาน ลั่วอู๋ ก็พบว่าถึงแม้ต้าหวงจะไม่ได้ตอบสนองอะไร แต่ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณเหล่านั้นจะกลายเป็นลวดลายเส้นด้ายสีทองอ่อน ๆ มาบรรจบกันที่หน้าผากของมัน
ตรงหน้าผากของต้าหวงที่เป็นรอยดำคล้ายหลุมดำ
มันเป็นอะไรที่ลึกลับมาก
สัญลักษณ์นี้ปรากฏขึ้นในตอนที่ต้าหวงวิวัฒนาการเป็นระดับเงิน แต่ตอนนี้มันดูลึกลับมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความสง่างามและทรงพลังของต้าหวง
ต้าหวงหยุดลงหลังจากที่ได้กลืนก้อนหินเหนียวไปกว่า 400 ก้อน
“กรร!”
ต้าหวงอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วกู่ร้องออกมา
พลังวิญญาณที่ถูกกลืนหายไป ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มแตกออกส่งผล เสียงคำรามนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวกระตุ้นพลังอันยิ่งใหญ่บางอย่างให้ตื่นขึ้น
หน้าผากของต้าหวง เริ่มเปล่งแสงสีดำออกมา มันเริ่มดูดซับพลังวิญญาณอย่างไม่สามารถควบคุมได้
แสงสีดำบริสุทธิ์นั้นสั่นไหว
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว เขามีอาการวูบในใจเล็กน้อย แต่ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างจิตใจของเขาและสัตว์วิญญาณ เขาจึงสัมผัสได้ถึงความสดใสและความสมบูรณ์ของต้าหวง นั้นทำให้ความกังวลใจของเขาลดลง
ด้วยเสียงอันกึกก้องนีั้ทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากในมิติไหต่างเกรงกลัวไปตาม ๆ กัน
ความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นในฝูงของเจ้านกโง่ แม้ว่าแร้งทรายส่วนใหญ่ได้วิวัฒนาการไปเป็นแร้งหินผาและเหยี่ยวหยกขาวส่วนใหญ่ก็ได้วิวัฒนาการมาเป็นเหยี่ยววายุสลาตันแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังคงตกใจกับเสียงคำรามของต้าหวง จนไม่เป็นระบบระเบียบ
โชคดีที่นกโง่นั้นมีพลังยับยั้งเพียงพอที่จะปราบปรามพวกมัน
ขณะเดียวกันกลุ่มผีของไป๋ฉี ตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเสียยิ่งกว่า เสียงคำรามทำให้แก่นวิญญาณของพวกผีสั่นสะท้าน ถึงขั้นที่ผีระดับต่ำบางตัวสลายหายไป
เสียงคำรามสั่นสะเทือนไปทั่วมิติไหเป็นเวลานาน จนในที่สุดก็หยุดลง
ต้าหวงแลบลิ้นออกมา เหมือนว่ามันได้หมดความสนใจในก้อนหินเหนียวแล้ว จากนั้นมันก็คาบแร่วิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นมา แล้วโอบล้อมลั่วอู๋ด้วยร่างกายขนาดใหญ่ของมัน
มันทำให้ลั่วอู๋สบายด้วยขนนุ่ม ๆ ของมัน
ลั่วอู๋ลูบหัวต้าหวง เขาอดสงสัยไม่ได้ “ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมสินะ นอกจากรอยบนหน้าผากเปลี่ยนเป็นสีที่ดำขึ้น?”
เมื่อคิดได้ครู่หนึ่งลั่วอู๋ก็ร้องออกมา “ยืนขึ้นสิ ต้าหวง”
ต้าหวง ลุกขึ้นยืนทันที มันชูหัวขึ้นอย่างจริงจัง แต่เมื่อลั่วอู๋ ดูไม่ได้ใส่ใจ มันก็หัวเราะคิกคักเหมือนสุนัขโง่ทั่ว ๆ ไป
“แสดงให้ข้าเห็นสิว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” ลั่วอู๋กล่าว
ต้าหวง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งออกจากบ้านหลังใหญ่ อ้าปากค้างไปยังภูเขาใกล้ ๆ เผยให้เห็นเขี้ยวอันดุร้ายของมัน
พลังวิญญาณอันลึกลับพวยพุ่งออกมา พื้นดินสั่นสะเทือน แม้แต่แสงที่สาดส่องลงมาก็บิดเบี้ยว พลังวิญญาณมหาศาลถูกกลืนกินโดยต้าหวง
ลั่วอู๋รู้สึกถึงแรงฉีกกระชาก
ดูเหมือนว่าพื้นที่ตรงหน้าเขากำลังถูกต้าหวงกัด จากนั้นมันก็ฉีกขาดออกเหมือนกระดาษวาดเขียนและถูกกลืนลงไปในท้องของมัน
เมื่อลั่วอู๋รู้สึกตัวอีกครั้งเนินเขาที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ได้หายไปแล้ว พื้นที่ด้านหน้าของเขาถูกกลืนหายไปจนเหลือ แต่ความว่างเปล่า
พลังของทักษะกลืนกินที่ต้าหวงมีนั้นทรงพลังยิ่งกว่าเดิมจนอยู่ในระดับที่น่ากลัว
โชคดีที่มิติไหมีความสามารถในการรักษาตัวเอง
ในไม่ช้าพื้นที่ก็เริ่มฟื้นกลับมาเป็นปกติ พื้นที่ขนาดใหญ่ได้พังทลายลงแล้วหลอมรวมเข้าด้วยกัน เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ภูมิประเทศนั้นเปลี่ยนไป ภูเขาและแม่น้ำดั้งเดิมหายไป และพื้นที่ที่หายไปก็หายไปจริง ๆอย่างแน่นอน
ลั่วอู๋มองไปที่ต้าหวงด้วยความตกใจ
ต้าหวง กระดิกหางอย่างตื่นเต้นราวกับรอให้ ลั่วอู๋ กล่าวชม
“อืม อืมดีมาก”
ลั่วอู๋พูดอะไรบางอย่างออกไป
อย่างไรก็ตามต้าหวงนั้นยังไม่พอใจ มันเริ่มที่จะนอนลงแล้วถูร่างกายของลั่วอู๋ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของมัน
ลั่วอู๋ยิ้มแล้วลูบหัวและคอของมัน ด้วยวิธีที่มันชอบ ทำให้ต้าหวงนอนเหล่อย่างสบาย ๆ และยิ้มอย่างโง่เขลา
ลั่วอู๋ตรวจสอบดูข้อมูลของต้าหวง
แน่นอนว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เดิมทีไม่มีคำจำกัดความของเผ่าพันธุ์ของต้าหวง แต่ตอนนี้เผ่าพันธุ์ของมันได้เปลี่ยนจากเครื่องหมายคำถามเป็นก็อบลิน
สิ่งสำคัญที่สุดคือทักษะระดับ s ของต้าหวง s [ความมืดมิดกลืนกิน] ได้หายไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยทักษะระดับที่สูงขึ้น
ทักษะระดับ SS
ทักษะนั้นสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าทักษะระดับ A เริ่มต้นอย่าง [กลืนกิน] จะสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นทักษะระดับ SS ได้แบบนี้
มันกลายเป็นทักษะ กลืนกินสวรรค์ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่มันกลืนกินไม่ได้
ตราบใดที่มันอยู่สูงพอแม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าก็ยังสามารถถูกกลืนกินได้ในทันที
แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่มีพิษร้ายแรงที่สุด ตราบใดที่ใช้ทักษะกลืนกินสวรรค์มันก็ไม่อันตราย แม้ว่าต้องจะกลืนพิษเข้าไป มันก็จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณมาหล่อตัวมันเอง
ต้าหวงนั้นได้กลืนกินก้อนหินเหนียวไปเป็นจำนวนมากเทียบเท่ากับแร่วิญญาณอย่างน้อยสิบล้านก้อน
แม้ว่ามิติวิญญาณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ความแข็งแกร่งของมันก็ได้รับการเสริมเป็นอย่างมาก
นอกจากสัตว์วิญญาณระดับเพชรแล้ว ลั่วอู๋ยังไม่เห็นสัตว์วิญญาณตัวไหนที่สามารถมีทักษะระดับ SS ได้ถึงสองทักษะแบบมัน
เขาไม่ได้คาดคิดว่าต้าหวงจะมาได้ถึงขนาดนี้