ไหปีศาจ - บทที่ 380 ทีมค้นหาและกู้ภัย
บทที่ 380 ทีมค้นหาและกู้ภัย
บทที่ 380
ทีมค้นหาและกู้ภัย
ผู้ใช้พลังวิญญาณอาศัยการทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณ เพื่อฝึกฝนและหลอมรวมพลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกาย เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณของตนเองขยายเส้นวงจรพลังวิญญาณพัฒนาการเปลี่ยนแปลงร่างกายและแก่นวิญญาณ
การพัฒนาในทุกมิติวิญญาณขนาดเล็กและมิติวิญญาณขนาดใหญ่ ล้วนเป็นการก้าวกระโดดในระดับชีวิต
ผู้ใช้พลังวิญญาณนั้นสามารถใช้พลังของตนเองได้เพียงตื้น ๆ ในขณะที่สัตว์วิญญาณนั้นแตกต่างออกไป พวกมันสามารถควบคุมการใช้พลังวิญญาณได้โดยธรรมชาติ นั่นก็คือทักษะ
อย่างไรก็ตามผู้ใช้พลังวิญญาณเองก็สามารถที่จะได้รับความสามารถในการควบคุมพลังวิญญาณของสัตว์วิญญาณ และใช้ทักษะของพวกมันได้ โดยทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณและหลอมรวมความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเขากับตนเอง
ตอนนี้ลั่วอู๋กำลังมองไปที่วงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีในมือของเขา พร้อมกับความสงสัยเล็กน้อยในใจ
สิ่งนี้มีพลังวิญญาณเพียงพอที่จะปลดปล่อยทักษะออกมางั้นเหรอ?
เขาเกรงว่าสิ่งนี้จะก่อให้เกิดความตกตะลึงครั้งใหญ่ มันจะทำลายสามัญสำนึกและกฎเหล็กในใจของผู้คนที่สืบต่อกันมานานนับพันปี
แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ
ลั่วอู๋ถูวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี เขาใช้นิ้วสะบัดส่วนที่เป็นคริสตัลสีฟ้าของมัน จากนั้นเขาก็ต้องตกใจอีกครั้งด้วยพลังวิญญาณธาตุน้ำที่ไหลวนเข้ามา
“นี่มันหรือว่าทักษะ ควบคุมคลื่น!”
มันคือทักษะระดับ A
คลื่นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่เท้าของลั่วอู๋ โชคดีที่ลั่วอู๋มีสติความพร้อมทางด้านจิตใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตกใจอะไร เขาสามารถเหยียบย่ำไปบนคลื่นและขี่มันเคลื่อนที่ออกไปได้
ซู่มมม
คลื่นน้ำขนาดใหญ่พุ่งออกไป ซัดลงในสระน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ ทำให้ปลาทารกจำนวนมากหนีลงไปที่ก้นบ่อ
เมื่อเจอกับเหตุการณ์นี้ ลั่วอู๋ก็ต้องการที่จะใช้ทักษะนี้อีกครั้ง แต่เขาก็พบว่าพลังวิญญาณที่เก็บไว้ในวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีหมดลง
“มันดูดซับพลังวิญญาณของข้าไปตั้งหนึ่งในห้า แต่พอจะปลดปล่อยได้แค่ทักษะระดับ a และ ระดับ B อย่างล่ะ 1 ครั้งเนี่ยนะ?” ลั่วอู๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ลั่วอู๋เติมพลังวิญญาณครึ่งหนึ่งของเขาลงไป จากนั้นก็ลองใช้ระดับ s [ความคุ้มครองแห่งห้วงลึก] ซึ่งเป็นทักษะในการรักษาที่ยอดเยี่ยม
แต่ไม่นานนัก พลังวิญญาณก็มีทีท่าว่ากำลังจะหมดลงอีกครั้ง
ในที่สุดลั่วอู๋ก็เข้าใจได้แล้วว่า แม้วงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี จะสามารถร่ายทักษะออกมาได้ แต่มันก็ต้องใช้พลังวิญญาณมากมหาศาล มากกว่าการใช้ทักษะปกติราว ๆ สามถึงห้าเท่า
ด้วยพลังวิญญาณทั้งหมดของ ลั่วอู๋ คงสามารถปลดปล่อยทักษะระดับ SS ได้เพียงแค่ครั้งเดียวหากใช้ วงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี
“ก็ไม่ได้แย่ เจ้าพอจะสามารถใช้ดึงความสนใจตบตาคนได้ เพราะถ้าเอามันไปใช้มันในเวลาต่อสู้จริงแล้ว เสียพลังวิญญาณไปจนหมด มันก็คงไม่ดีเท่าไหร่”
อย่างไรการที่ต้องใช้พลังวิญญาณมากกว่าปกติสาม ถึงห้าเท่าเพื่อใช้ทักษะธาตุน้ำที่เขาใช้ไม่ได้ ก็ถือได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน
ลั่วอู๋พยายามลองใช้ทักษะอื่น ๆ
แต่แน่นอนว่ามันล้มเหลว
“คงขายได้ราคาสูงล่ะมั้ง” ลั่วอู๋คิด
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีเป้าหมายใหม่ในการจัดการกับสัตว์วิญญาณ
สิ่งนี้จะมีประโยชน์สำหรับบางคนที่ชื่นชอบทักษะธาตุน้ำ แต่ไม่สามารถใช้มันได้
แน่นอนว่าความแปลกใหม่ประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะสร้างรายได้ให้กับเหล่าผู้มีฐานะที่ชื่นชอบลองอะไรใหม่ ๆ
“น่าเสียดายที่มันสามารถปลดปล่อยได้เพียงแค่ทักษะธาตุน้ำเท่านั้น และมันก็ยากที่ข้าจะหาสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติธาตุน้ำเดี่ยว ๆ มากลั่นมัน” ลั่วอู๋เสียใจ
สัตว์วิญญาณส่วนใหญ่นั้นมีคุณลักษณะธาตุอย่าง น้อย ๆ สองอย่างขึ้นไป
ตัวอย่างเช่น ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ มันมีคุณสมบัติธาตุสามประการคือ ไฟ ภาพลวงตา และ ความมืด หรืออย่าง เล่กุย ที่มีคุณสมบัติธาตุสองอย่างคือ สายฟ้า และ ปฐพี
แน่นอนว่าต้าหวงเป็นข้อยกเว้น มันไม่มีคุณสมบัติธาตุ ใด ๆ เพราะเดิมทีมันเป็นแค่สัตว์ธรรมดา
สัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติธาตุเดียวนั้นหาได้ยาก
ยิ่งระดับสูงขึ้น สัตว์วิญญาณ ที่มีคุณสมบัติเดียวก็ยิ่งน้อยลง
มีเพียงสัตว์วิญญาณที่อยู่ในระดับสูงกว่าทอง และมีคุณสมบัติของธาตุน้ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะสามารถกลั่นออกมาเป็นแร่วิญญาณธาตุน้ำบริสุทธิ์ได้
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาจำได้ว่าเขายังพอจะสามารถกลั่นอย่างอื่นออกมาลองได้อีก
เขาหยิบเหล็กแหลม ซึ่งกลั่นจาก สัตว์วิญญาณระดับทองที่มีคุณสมบัติธาตุโลหะเพียงอย่างเดียวออกมา เขาเรียกมันว่าทองคม
ลั่วอู๋ สังเคราะห์ทองคม เข้ากับ ดอกไม้กัดกระดูก
[ได้รับวัตถุพลังวิญญาณ วงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี (ระดับทอง), แต้มเซียน + 80]
แบบนี้นี่เอง
ใบไม้สีเขียวที่มีพลังชีวิตสามารถหาได้จากการกลั่นสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติธาตุไม้เพียงอย่างเดียว ๆ
หากกลั่นสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติธาตุไฟเดี่ยว ๆ ก็จะได้ไฟต้านน้ำได้
และถ้าหากกลั่นสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติธาตุดิน เดี่ยว ๆ ก็จะได้รับก้อนดินเหนียวที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณด้วยพลัง
สิ่งเหล่านี้ถ้าถูกนำมาใช้ในการสังเคราะห์กับดอกไม้กัดกระดูก พวกเขาทั้งหมดก็จะสามารถกลายเป็นวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีได้
ลั่วอู๋ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
เขาได้รับวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี ที่มีพลังของทักษะธาตุโลหะมาหนึ่งอัน หมายความว่าตอนนี้ลั่วอู๋สามารถใช้ทักษะทั้งหมดตามคุณสมบัติธาตุทั้ง 5 ได้
ที่ต้องเสียก็มีเพียงสัตว์วิญญาณและพลังวิญญาณเล็กน้อย
สัตว์วิญญาณ ที่มีคุณสมบัติธาตุเดียว 5 ชนิดนี้ง่ายต่อการตามหา แต่สำหรับคุณสมบัติธาตุอื่น ๆ นั้นหาได้ยากกว่ามาก อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่มีสัตว์วิญญาณแบบนั้นในมิติไห
ดังนั้นลั่วอู๋จึงเขียนจดหมาย พร้อมกับส่งวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีกลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์
ข้อความในจดหมายนั้นง่ายมาก เขาขอให้สำนักโล่พิทักษ์ ขายวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี ในราคาที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อดูว่าจะมีกลุ่มคนที่ประสงค์ร้ายมาสนใจมันรึเปล่า
ลั่วอู๋ไม่ยอมให้เกิดความไม่สมดุลแบบนี้ในโลกมากจนเกินไปแน่
แน่นอนว่าเขาได้บอกให้เหล่าคนของสำนักโล่พิทักษ์ ให้ช่วยรวบรวมสัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติธาตุเดี่ยว ๆ มาให้มากที่สุด เพื่อที่เขาจะสามารถใช้มันได้ในครั้งต่อไปที่เขากลับไปยังสำนักโล่พิทักษ์ มันจะเป็นประโยชน์ต่อลั่วอู๋มาก
จากนั้น ลั่วอู๋ กลับไปสังเคราะห์ต่อ
บางทีโชคของเขาคงจะหมดแล้วในวันนี้ แม้ว่าเขาจะใช้ความช่วยเหลือจากหอคอยสีขาว แต่มันก็ไม่มีผลลัพธ์อะไรน่าพึงพอใจสำหรับลั่วอู๋เลย
แต่ลั่วอู๋ก็เข้าใจดี
การกลั่นและขัดเกลา นั้นไม่ใช่ความสามารถที่ใช้ได้ ง่าย ๆ อย่างแน่นอน การกำจัดส่วนอื่น ๆ ทิ้งไปให้เหลือเพียงส่วนที่โดดเด่น ผลลัพธ์ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เสมอไป
อย่างไรก็ตามมีสิ่งแปลก ๆ มากมาย ที่เขาไม่สามารถเอามันออกมาใช้งานได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น
ลั่วอู๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อยที่รู้สึกว่า เขาไม่มีทางใช้ประโยชน์จากมัน หรือขายพวกมันได้ในราคาที่ดี
แต่เขาก็ยังอยู่ในอารมณ์ที่ค่อนข้างดีอยู่
หากเขาเจออะไรดีๆ เขาก็อยากลองสังเคราะห์ดู หากเขาไม่สามารถสร้างสิ่งที่ดีออกมาได้ ก็ลองใช้ความสามารถกลั่นและขัดเกลากับมันดู ถ้ามันไม่สามารถใช้งานได้ก็ลองอีกครั้ง
นี่มันดีมากเลยทีเดียว
เวลากว่าครึ่งเดือนผ่านไป
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา นักเรียนของสำนักเฉียนหลงต่างพยายามที่จะเข้าสู่จุดสูง ๆ ของอันดับรายชื่อ ฉูจงฉวนยังคงเก็บตัวฝึกฝน และหยู่เฮาก็ยังไม่กลับมาจากนรก มนตรา
หากนับเวลาตั้งแต่ที่เขาจากไป หยู่เฮานั้นตกอยู่ในนรกมนตรามาเกือบห้าเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กลับมา
ผู้สืบทอดของท่านหม่าเฉินได้หายไปในนรกมนตรา นี่เป็นปัญหาใหญ่
ถ้าไม่ใช่เพราะท่านรองเจ้าสำนัก ยืนยันว่าหยู่เฮายังมีชีวิตอยู่ผ่านหินนำทาง เกรงว่าคนจากสำนักหม่าเฉินคงได้คลุ้มคลั่งกันหมดแน่
สถานการณ์ปัจจุบันนี้สำนักเฉียนหลงต้องทำอะไรสักอย่าง
เนื่องจากพลังวิญญาณอันชั่วร้ายในนรกมนตรา สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้คนได้ มันสามารถเปลี่ยนอารมณ์ให้พวกเขากลายเป็นคนกระหายเลือดอันโหดร้าย ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่อันตรายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
สองหรือสามเดือนอาจไม่มีปัญหาอะไร แต่ห้าหรือหกเดือนนั้นอันตรายเกินไป
สำนักเฉียนหลงจึงจัดการฝึกอบรมในมิติอีกครั้ง คราวนี้เหล่านักเรียนต่างมีอิสระในการลงทะเบียน ทุกคนสามารถเข้าร่วมการฝึกอบรมในมิติครั้งนี้ได้ โดยมีเป้าหมายเป็นการค้นหาและช่วยเหลือ
นี่คือการส่งคนไปหาตัวหยู่เฮา
นอกจากเหล่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว นักเรียนทั้งหมดต่างเลือกที่จะลงทะเบียน แม้แต่หลายต่อหลายคนในสำนักเฉียนหลงเองก็ลงทะเบียนไปด้วย
แต่ลั่วอู๋นั้นกำลังจะไปที่หุบเขามรณะ เขาจึงไม่เลือกที่จะเข้าร่วม
ทันใดนั้นหลี่หยินก็กล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “นายน้อยข้าต้องการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการฝึกอบรมในมิติ”
“ไม่มีทาง” ลั่วอู๋ปฏิเสธทันทีโดยไม่ลังเล