ไหปีศาจ - บทที่ 385 การต่อสู้แย่งการควบคุม
บทที่ 385 การต่อสู้แย่งการควบคุม
บทที่ 385
การต่อสู้แย่งการควบคุม
ในความเป็นจริงทันทีที่เห็นใบหน้าของหยีเทียนเฉิน ลั่วอู๋ก็จำได้แล้วว่าเขาเป็นใคร
หยีเทียนเฉิน
ในตอนที่ลั่วอู๋เข้าร่วมการทดสอบเข้าสู่สำนักเฉียนหลง หยีเทียนเฉินนั้นได้รับความไว้วางใจจากมู่เฉิงให้มากำจัดเขา
น่าเสียดายที่ลั่วอู๋ได้ทำการปรับแต่งแมลงกินวิญญาณระดับนางพญาขึ้นมา ซึ่งได้ปล้นฝูงแมลงกินวิญญาณมาจากอีกฝ่าย และทำลายความแข็งแกร่งของเขาลงไปอย่างมาก
ในที่สุด หยีเทียนเฉิน ก็ตายลงด้วยคมดาบของ ลั่วอู๋
เมื่อเขาเห็นหยีเทียนเฉินที่นี่ ลั่วอู๋จึงตกใจ อีกฝ่ายน่าจะถูกเขาฆ่าตายไปแล้วแท้ ๆ แต่แล้วทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยกัน?
ถ้าหากเขามีทักษะในการฟื้นคืนชีพล่ะก็ เขาก็ควรจะได้รับการคืนชีพในทันทีตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ร่างกายของ หยีเทียนเฉินในตอนนั้นกลับไม่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สำคัญ เพราะความขัดแย้งระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้ากันได้อย่างแน่นอน
ศัตรูที่ฆ่ากันเอาเป็นเอาตายย่อมแปรเปลี่ยนเป็นมิตรไม่ได้อยู่แล้ว
ลั่วอู๋จงใจแสร้งทำเป็นไม่รู้จักอีกฝ่าย เพียงเพื่อที่เขาจะได้ชะลอเวลาสำหรับเตรียมพร้อมต่อสู้กับอีกฝ่าย
ที่นี่คือหุบเขามรณะ ซึ่งเป็นบ้านของหยีเทียนเฉิน
หมอกพิษของที่นี่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ของพรรคพวกลั่วอู๋อย่างมาก แต่มันย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อ หยีเทียนเฉินที่เป็นคนของหุบเขามรณะ
เขาสูดลมหายใจท่ามกลางหมอกสีดำของที่นี่ได้อย่างไม่มีปัญหา
องค์หญิงเจียโรวถามด้วยเสียงต่ำ “เขาพูดถึงเรื่องอะไร เจ้าไปฆ่าเขาตอนไหนกัน?”
“ อย่าถามคำถามมากนักเลยน่า ถ้าเจ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็ถอยออกไปก่อน แล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่าหมอกพิษจะไม่มายุ่งกับการต่อสู้ของข้า” ลั่วอู๋ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้ว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องเร่งด่วน องค์หญิงเจียโรวก็ไม่ได้ถามอะไรมาก นางก้าวออกไปข้าง ๆ และใช้พลังของภูตดอกไม้เพื่อปัดเป่าหมอกพิษรอบตัวพวกเขาออกไป
หยีเทียนเฉินไม่ได้โง่ เขาตอบกลับอย่างรวดเร็วและหัวเราะอย่างเคร่งขรึม “ฮึ่ม ที่แท้เจ้าก็ถ่วงเวลางั้นเหรอ ที่จริงข้าอยากจะเรียนรู้วิชาทั้งหมดของพวกสัตว์ประหลาดแก่ ๆ เหล่านั้นก่อนแล้วจึงมาฆ่าเจ้า แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะเข้ามารนหาที่ตายด้วยตนเองแบบนี้ หุบเขามรณะไม่ใช่ที่ของเจ้า เข้ามาได้เลยเมื่อเจ้าพร้อม”
“เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่ยงคงกระพันในหุบเขามรณะจริงๆสินะ ข้าเคยฆ่าเจ้ามาแล้วครั้งหนึ่งและข้าก็สามารถจะฆ่าเจ้าได้อีกเป็นครั้งที่สอง” ลั่วอู๋กล่าวอย่างเย็นชา
หยีเทียนเฉิน โกรธมาก เห็นได้ชัดว่าคำพูดของลั่วอู๋แทงเขาด้วยความเจ็บปวด “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าโชคดี ได้แมลงกินวิญญาณนางพญานั้นมาข้าก็ไม่มีทางแพ้เจ้าหรอกน่า?”
เหตุการณ์ในวันนั้นสร้างความเสื่อมเสียให้กับเขาอย่างถาวร
ตอนนั้นเขาเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ระดับที่ว่าพร้อมที่จะก้าวข้ามผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดและโด่งดังไปทั่วโลก แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะตายลงไปตั้งแต่ครึ่งทางในการทดสอบเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง
ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อยากจะฉีกลั่วอู๋เป็นชิ้น ๆ
“ ลั่วอู๋! ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้ตายอย่างสงบแน่” หยีเทียนเฉินกู่ร้อง
แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
องค์หญิงเจียโรวและเหวินเสี่ยวต่างสับสน
มีเพียงแค่ใบหน้าของลั่วอู๋ เท่านั้นที่เปลี่ยนไป “ระวัง เขาเป็นผู้ควบคุมฝูงแมลงกินวิญญาณ พวกมันเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ ซึ่งอยู่นอกเหนือการป้องกัน และจะเข้าไปกลืนกินพลังวิญญาณของพวกเจ้า”
องค์หญิงเจียโรวและเหวินเสี่ยว อยู่ในสภาพตื่นตัวในทันที แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไป แมลงกินวิญญาณที่ซ่อนตัวอยู่นั้นมีมากเกินไป พวกเขาตอบสนองในจังหวะที่พวกมันได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของพวกเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ในตอนที่หยีเทียนเฉิน แสดงแมลงกินวิญญาณให้ทุกคนเห็น ความจริงแล้วเขาได้ควบคุมแมลงกินวิญญาณให้ปีนขึ้นไปด้านข้างของทุกคนอย่างลับๆ
“อ๊า” องค์หญิงเจียโรวเปล่งเสียงคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด เส้นลมปราณพลังวิญญาณของนางดูเหมือนจะถูกแทงด้วยเข็มนับไม่ถ้วน
ส่วนทางเหวินเสี่ยวดีกว่าเล็กน้อย เขาสามารถปราบปรามพวกมันได้ด้วยพลังวิญญาณในร่าง นอกจากนี้เขายังใช้ทักษะ “พลังแห่งการป้องกัน” เพื่อบรรเทาการโจมตีของแมลงกินวิญญาณในร่างกายของเขา
แต่องค์หญิงเจียโรวไม่สามารถทำแบบนั้นได้ นางอยู่ในสภาพหมดแรงเนื่องจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ นางจึงไม่สามารถต้านทานการรุกรานของแมลงกินวิญญาณได้
“ องค์หญิงเจียโรว!” ลั่วอู๋เรียกแมลงกินวิญญาณระดับนางพญาออกมา เขาควบคุมมันพร้อมที่จะให้ยึดคำสั่งของกลุ่มแมลงกินวิญญาณกลับมา
ตามหลักการแล้วยิ่งฝ่ายไหนอยู่ใกล้กว่า ฝ่ายนั้นก็จะยึดคำสั่งได้ง่ายกว่า
ก่อนหน้านี้เขาได้ทำลายวิชาของ หยีเทียนเฉิน ด้วยวิธีนี้
อย่างไรก็ตามคราวนี้ลั่วอู๋กลับต้องประหลาดใจ เพราะเขาล้มเหลว
“ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ?!” ลั่วอู๋ตกใจมาก
แมลงกินวิญญาณระดับนางพญาไม่สามารถควบคุมพวกมันได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่สบายใจ
“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หยีเทียนเฉินหัวเราะอย่างดุร้าย “เจ้าคิดว่าข้าจะพ่ายแพ้เจ้าถึงสองครั้งด้วยวิธีเดียวกันงั้นเหรอ?”
หยีเทียนเฉินเผยให้เห็นแมลงกินวิญญาณขนาดเท่ากำปั้นคลานอยู่บนไหล่ของเขา มันไม่เพียงเหนือกว่าแมลงกินวิญญาณระดับนางพญาเท่านั้น แต่มันยังมีลวดลายดาว 36 ดวงที่ด้านหลังอีกด้วย
“ นี่คือราชาแห่งแมลงกินวิญญาณ ข้าได้พยายามอย่างหนักเพื่อปรับแต่งมันขึ้นมา” หยีเทียนเฉินกล่าวอย่างมีชัย
“ไม่มีใครขัดคำสั่งของราชาได้”
“ถึงเจ้าจะมีแมลงกินวิญญาณระดับนางพญาแต่เจ้าก็ไม่สามารถควบคุมราชาได้”
ใบหน้าของลั่วอู๋จมลง
เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีวิธีการเช่นนี้
ราชาแมลงกินวิญญาณนั้นมีลมปราณอันแข็งแกร่งอย่างน้อย ๆ ก็สูงกว่าระดับทอง มิติ 7
“เจ้าต้องการอะไร?” “แน่จริงมาสู้กับข้าสิ” ลั่วอู๋คำราม
ลั่วอู๋ยอมทนให้เพื่อนเขาโดนโจมตีแบบนี้ไม่ได้ เขาอยู่ในสภาพที่หัวเราะไม่ออก
“ส่งแมลงกินวิญญาณทั้งหมดของข้าคืนมาซะแล้วข้าจะปล่อยพวกเขาไป”
หยีเทียนเฉินกล่าว
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ!”
ด้วยที่เขาไม่สามารถเลี่ยงได้ ลั่วอู๋ยอมส่งมอบแมลงกินวิญญาณและแมลงกินวิญญาณระดับนางพญาทั้งหมดในมิติไหออกมาให้กับอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
ทันทีที่พวกมันปรากฏตัวออกมา พวกมันก็ตกอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของราชาแมลงกินวิญญาณ พวกมันต่างก่อกบฏต่อต้านลั่วอู๋ไปทีละตัว เนื่องจากแนวคิดเกี่ยวกับระดับชั้นของพวกมันนั้นแข็งแกร่งมาก
“เอาล่ะ ทีนี้เจ้าปล่อยพวกเขาไปซะ” ใบหน้าของลั่วอู๋จมลง
หยีเทียนเฉิน เย้ยหยัน ลั่วอู๋“ จู่ๆ ข้าก็เปลี่ยนใจยังอยากจะฆ่าพวกแกทั้งสามคนมากกว่า ข้าจะให้เจ้าได้ดูเพื่อนของเจ้าตายเพราะความอ่อนแอของเจ้า”
หลังจากนั้นหยีเทียนเฉิน ก็เรียกกองทัพแมลงกินวิญญาณของเขาออกมา
แมลงกินวิญญาณหลายหมื่นตัวหลั่งไหลออกจากร่างของเขา พวกมันมีสีดำมืดมากจนดูแปลกและน่าขยะแขยง
นั่นคือสิ่งที่ทำให้แมลงกินวิญญาณน่ากลัว เพียงแค่มีแมลงกินวิญญาณระดับนางพญาตัวเดียวเท่านั้นก็จะสามารถควบคุมกองทัพแมลงกินวิญญาณได้ดั่งใจ
เรียกได้ว่ามันมีการเติบโตของอำนาจแทบไม่จำกัด
“เจ้าไม่รักษาคำพูดนี่นา!” ลั่วอู๋แปลกใจและโกรธ
หยีเทียนเฉิน หัวเราะ “แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้? ถ้าเจ้ามีความสามารถพอ ก็ลองทำให้แมลงกินวิญญาณของข้าต่อต้านข้าอีกครั้งสิ”
หัวใจของหยีเทียนเฉินเต็มไปด้วยความยินดี
ก่อนหน้านี้ลั่วอู๋ได้เข้าควบคุมแมลงกินวิญญาณทั้งหมดของเขา โดยอาศัยแมลงกินวิญญาณระดับนางพญา
แต่ตอนนี้พวกมันเหล่านั้นกลับมาแล้ว
“ลงนรกไปซะ” หยีเทียนเฉินสั่งแมลงกินวิญญาณทั้งหมดให้โจมตี เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “เก็บลั่วอู๋ไว้เป็นคนสุดท้าย จงกัดกินอีกสองคนก่อน”
ฝูงแมลงกินวิญญาณวิ่งเข้ามาเหมือนฝูงตั๊กแตน
นี่ไม่ต่างอะไรไปจากการเผชิญหน้ากับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูง
แต่เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตเช่นนี้การแสดงออกของลั่วอู๋กลับผ่อนคลายลง เขามองไปที่ฝูงแมลงกินวิญญาณที่ใกล้เข้ามามากขึ้นและค่อยๆกางมือออก
มือของลั่วอู๋ปรากฏแมลงกินวิญญาณที่ใหญ่พอ ๆ กับเมล็ดถั่วสองเมล็ด มันมีลวดลายดาว 36 ดวงอยู่ข้างหลัง หมือนกับราชาแมลงกินวิญญาณของ หยีเทียนเฉิน
“เอาพวกมันออกไปจากที่นี่ซะ” ลั่วอู๋กล่าวเบา ๆ
หยีเทียนเฉินหยุดหัวเราะลง
ใบหน้าของเขาแปลกประหลาดมาก ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความตกใจ
เพราะเขาเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
กลุ่มแมลงกินวิญญาณสีดำทั้งหมดหยุดลง และพวกที่แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเหวินเสี่ยวและองค์หญิงเจียโรวต่างก็คลานออกมาแทบเท้าของลั่วอู๋
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าขอรับแมลงกินวิญญาณทั้งหมดของเจ้าไปอย่างไม่เกรงใจล่ะ” ลั่วอู๋หัวเราะ
หยีเทียนเฉินคำรามด้วยความโกรธ “ไม่!”
ลั่วอู๋โบกมือ
เขารวบรวมแมลงกินวิญญาณหลายหมื่นตัวเก็บลงไปในมิติไหจนไม่มีเหลือสักตัว