ไหปีศาจ - บทที่ 387 การละทิ้ง
บทที่ 387 การละทิ้ง
บทที่ 387
การละทิ้ง
“ แป๊ะ!”
รอยพิมพ์ฝ่ามืออันร้อนผ่าวปรากฏบนใบหน้าของ หยีเทียนเฉิน
ดวงตาของหยีเทียนเฉินเบิกกว้าง เขามองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขา
การแต่งหน้าของผู้หญิงนั้นดูยุ่งเล็กน้อย แต่ก็ยากที่จะซ่อนความงามของนางไว้ มีภูตดอกไม้กำลังบินอยู่รอบ ๆ นาง ปล่อยพลังวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตออกมา ทำให้บรรยากาศของนางดูสูงส่ง
แต่สิ่งที่นางทำนั้นไม่ได้สวยหรูเท่าไหร่
“ หัวเราะอีกสิ!” องค์หญิงเจียโรว กัดฟันและตบหน้าเขาอีกครั้ง “ข้าบอกให้หัวเราะอีก ทำไมไม่ทำล่ะ”
“ แป๊ะ!”
“ แป๊ะ!”
“ แป๊ะ!”
นางตบหน้าอีกฝ่ายด้วยหน้ามือและหลังมือมากกว่าหนึ่งโหลติดต่อกัน
องค์หญิงเจียโรวที่ไม่ค่อยจะพูดประชดประชันพูดประชดประชันออกมา“ ยิ้มให้ข้า! หัวเราะต่อไปอีกสิ”
ไม่เพียงแต่หยีเทียนเฉินเท่านั้น แต่ทั้งลั่วอู๋และเหวินเสี่ยวต่างก็ตกตะลึง
ใครจะไปคิดว่าองค์หญิงเจียโรวลูกสาวคนโปรดของ องค์จักรพรรดิน่าจะมีนิสัยแบบนี้
“ เจ้ามีความสุขมากไม่ใช่เหรอ?”
“หัวเราะ”
“ข้าบอกให้หัวเราะ!”
ใบหน้าของหยีเทียนเฉินบวมราวกับหัวหมู หน้าของเขาเต็มอาบไปด้วยเลือดราวกับใยแมงมุม
“หัวเราะออกมาอีก”
องค์หญิงเจียโรว ดึงดาบระบำแห่งความตายออกมาแล้วแทงลงไปที่ท้องของหยีเทียนเฉินอีกครั้ง
เขาไม่มีแรงที่จะขัดขืน เขาจึงทำได้เพียงแค่เฝ้าดูดาบระบำแห่งความตายแทงทะลุช่องท้องของเขาอีกครั้ง
“อ๊า” ในที่สุดหยีเทียนเฉินก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่เลือดของเขาไหลลงมาเปื้อนพื้น
องค์หญิงเจียโรว ตะคอกอย่างเย็นชาจากนั้นรีบเดินไปที่ด้านข้างของลั่วอู๋ด้วยความกังวลและถามว่า “เจ้าโอเคไหม พิษนี้มันน่ากลัวจริงๆ”
นางไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้และก็ไม่ได้โดนพิษ ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าพิษของ หยีเทียนเฉินน่ากลัวเพียงใด
“ไม่แย่เท่าไหร่” ลั่วอู๋ส่ายหัว
องค์หญิงเจียโรว ครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “เจ้ายังมีหินทะลวงมิติที่พ่อข้าให้ไว้อยู่ไหม?”
“ใช่ มันยังอยู่กับข้า” ลั่วอู๋มีเสียงที่อ่อนแอ
“ดีแล้ว”
องค์หญิงเจียโรว ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางกำลังจะขอให้ลั่วอู๋ใช้มัน แต่จู่ ๆนางก็เห็นว่าสีเขียวบนใบหน้าของ ลั่วอู๋ ซึ่งเป็นผลของพิษนั้นค่อยๆจางหายไป
สิวตุ่มเล็ก ๆ บนผิวของ ลั่วอู๋ ค่อยๆลดลงราวกับว่าสารพิษถูกดูดออกไปโดยบางสิ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วอู๋ ก็กลับมาเป็นปกติ ไม่มีวี่แววของพิษอีกต่อไป
“โฮ่ … ” ลั่วอู๋ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงข้าโอเค”
องค์หญิงเจียโรว กะพริบตาด้วยความประหลาดใจ
แต่นางก็ไม่ได้แปลกใจมากอะไรขนาดนั้นเพราะนางรู้ว่าลั่วอู๋นั้นทรงพลัง กลับกันแล้วหยีเทียนเฉิน นั้นตกใจมากราวกับถูกซัดด้วยคลื่นลูกใหญ่ในใจของเขา
เป็นไปได้อย่างไร?
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ลั่วอู๋ได้รับพิษอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้รับสารพิษจากพิษร้ายทลายพิภพ แล้วเขารอดมาได้ยังไง
หากต้องสะสมสารพิษขนาดนั้น แม้ว่าคุณจะใช้ยาวิเศษ หรือ ยาแก้พิษระดับ 9 ก็ไม่ควรกลับมาเป็นปกติในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้เช่นนี้
หยีเทียนเฉิน สูญเสียความคิดในจิตสำนึกไป
หลังจากที่ลั่วอู๋แทงหยีเทียนเฉินลงกับพื้น เขาก็เปลี่ยนให้ตวนซีให้กลายเป็นสัตว์นรกพิษห้าสีในทันที นั่นทำให้เขาสามารถแก้พิษร้ายทลายพิภพได้
ความสามารถของสัตว์นรกพิษห้าสีนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
พลังพิษของมันเรียกได้ว่าเป็นที่สุด
แม้ว่าสัตว์นรกพิษห้าสีจะเป็นเพียงสัตว์วิญญาณที่มีศักยภาพระดับทองขั้นสูง แต่มันก็มีความสามารถในระดับที่ทำให้ยาพิษของสัตว์วิญญาณระดับเพชรหมดสภาพได้
เพราะมันมีภูมิคุ้มกันต่อสารพิษทั้งหมด
ลั่วอู๋เดินไปที่ร่างของหยีเทียนเฉินที่โชกเลือดแล้วรีบดึงดาบระบำแห่งความตายออกมา
ถ้าเขาไม่ดึงดาบออก อีกฝ่ายก็คงจะถูกดูดเลือดไปจนหมดร่าง
“มันเป็นไปได้ยังไง!” หยีเทียนเฉินคำรามอย่างดุร้าย น่าเสียดายที่เขาอ่อนแอเกินไปและขาดซึ่งพลังวิญญาณ
ลั่วอู๋ตบหน้าเขา “ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ เจ้าต้องตอบคำถามของข้า ตอบมาซะ เจ้ารู้จักภูตไหไหม?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้รูม่านตาของหยีเทียนเฉินก็หดตัวเล็กน้อย การแสดงออกของเขาดูไม่เป็นธรรมชาติ
เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักภูตไห
ลั่วอู๋ และ เหวินเสี่ยว มีความสุขมาก นี่มันเยี่ยมมาก
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าภูตไหอยู่ในหุบเขามรณะ”ลั่วอู๋ถามอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของ หยีเทียนเฉิน ดูไม่แน่ใจ
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงรู้จักภูตไห
ทำไมพวกลั่วอู๋ถึงรู้ว่าภูตไหจะมาที่หุบเขามรณะ
นี่คือความลับของหุบเขามรณะ
ไม่ควรมีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเหล่าสัตว์ประหลาดชราและตัวเขา
ลั่วอู๋ชิ้ดาบไปที่คิ้วของหยีเทียนเฉินพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บอกมาว่าภูตไหอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้าบอก พวกข้าจะปล่อยให้เจ้าตายสบาย ๆ”
เนื่องจากหยีเทียนเฉิน เสียเลือดมากเกินไป จึงไม่มีเลือดบนใบหน้าของเขา เขาเริ่มหัวเราะอย่างน่ากลัว
“เจ้าโชคดีมาก มีคนในหุบเขามรณะไม่เกินห้าเท่านั้นที่รู้เรื่องของภูตไห และข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“ น่าเสียดายที่ข้าจะไม่บอกเจ้า”
ทันใดนั้นมือขวาของหยีเทียนเฉินก็สั่นเล็กน้อย มีหินก้อนเล็กปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
ดวงตาของลั่วอู๋จ้องไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว เขารีบตัดมือขวาของอีกฝ่ายด้วยดาบ แต่มันก็สายไปหน่อยเพราะหยีเทียนเฉิน ได้บดหินก้อนเล็ก ๆ นั้นเรียบร้อยแล้ว
“หึ”
ทันใดนั้นห้วงมิติก็ถูกฉีกออกเปิดเป็นรู จากนั้น หยีเทียนเฉินก็ถูกดูดเข้าไป
“ เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ” หยีเทียนเฉินตกลงไปในช่องว่างมิติพร้อมกับรอยยิ้มแดกดันบนใบหน้าของเขา
หินทะลวงมิติ
มันสามารถเปิดช่องมิติเพื่อหนีออกไปได้
แม้ว่ามือที่ถือหินทะลวงมิติจะถูกตัดขาดออกไปโดย ลั่วอู๋ แต่หินทะลวงมิติก็ยังใช้งานได้
“ตัดห้วงมิติ!” ลั่วอู๋ส่งเสียงคำราม
ทักษะนี้มาจากเสี่ยวไป่ของหลี่หยิน
ทักษะระดับ s [ตัดห้วงมิติ]
มีเพียงทักษะที่เกี่ยวกับห้วงมิติเท่านั้นที่จะสามารถโจมตีหยีเทียนเฉินได้
คลื่นกระแทกดวงจันทร์สีเงินพุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจกำแพงห้วงมิติที่ก่อตัวขึ้นจากหินทะลวงมิติ
หยีเทียนเฉินได้แต่ตกใจพลังวิญญาณเขาหมดลงไปแล้ว อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงไม่สามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้เลย อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถตายได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าเขาตายอีกเขาก็จะต้องตายไปเลยจริง ๆ
หยีเทียนเฉินยอมกัดฟันและยุติ การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ
เขาปล่อยสัตว์นรกพิษห้าสีออกจากร่างของเขา
เนื่องจากพลังวิญญาณของหยีเทียนเฉินได้หมดลงไปแล้วสัตว์นรกพิษห้าสีเองก็หมดพลังลงเช่นกัน
“ช่วยกันมันให้ข้า!” หยีเทียนเฉิน คำราม
สัตว์นรกพิษห้าสีเข้าปิดกั้นการโจมตีนั้นโดยไม่ลังเล
ตูม
ช่องว่างห้วงมิติแตกออก เกิดเป็นความปั่นป่วนห้วงมิติ
ในที่สุดหยีเทียนเฉินหายตัวไป เห็นได้ชัดว่าเขารอดไปได้ด้วยหินทะลวงมิติ เหลือทิ้งไว้เพียงแขนที่ขาดและคราบเลือด
“ช่างเป็นคนที่โหดร้ายเขาทิ้งสัตว์วิญญาณคู่พันธของตัวเอง แล้วหนีไปคนเดียว” ลั่วอู๋ถอนหายใจในใจ
อีกด้านหนึ่งได้ใช้หินห้วงมิติหนีไป และไม่สามารถตามไปต่อได้
แต่วัตถุวิญญาณเช่นนี้หาได้ยากมาก แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังมีหินทะลวงมิติไม่มาก เขาจึงไม่คิดว่าหยีเทียนเฉินจะมีมัน
อย่างไรก็ตามร่างของสัตว์นรกพิษห้าสียังคงอยู่ต่อหน้าพวกเขาทั้งสาม
มันถูกสับออกเป็นสองส่วนด้วยช่องว่างมิติ ร่างกายของคางคกตัวใหญ่กระตุกอย่างต่อเนื่อง พิษสีเขียวไหลเต็มพื้น ทั้งสองส่วนของร่างกายกระตุกราวกับว่าพยายามจะต่อให้ร่างกายกลับมารวมกันอีกครั้ง
“ความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ของมันช่างแน่วแน่เหลือเกิน” ลั่วอู๋รู้สึกเศร้าอย่างช่วยไม่ได้
มันยังไม่ตาย ด้วยการหล่อเลี้ยงของหมอกพิษ ร่างกายของมันจึงค่อยๆหลอมรวมกัน
เขาต้องฆ่ามัน
ลั่วอู๋ชักดาบระบำแห่งความตายขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ องค์หญิงเจียโรว ก็ร้องออกมา
ลั่วอู๋หันศีรษะของเขาไปทางนาง “เกิดอะไรขึ้น?”
“ปล่อยมันไปเถอะ” องค์หญิงเจียโรวเดินเข้ามาอย่างลังเลแล้วจึงพูด “มันเจ็บปวดมาก”
“ไร้สาระน่ามันถูกตัดออกเป็นสองส่วนแล้วนะ”
“ไม่ ๆ มันไม่ใช่ความเจ็บปวดทางร่างกาย มันเป็นความเจ็บปวดทางจิตใจ ข้ารู้สึกได้” องค์หญิงเจียโรว กล่าวอย่างจริงจัง
ลั่วอู๋เงียบไป
เจ็บปวดจิตใจ?
แน่นอนแหละ ก็มันถูกเจ้าของทิ้งนี่นา
“ มันจะไม่กลับไปหาหยีเทียนเฉินแน่” องค์หญิงเจียโรวรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก นางนั่งยองๆแล้วลูบผิวหนังของคางคกอันน่าขยะแขยงตรงหน้านาง “ดูเหมือนข้าจะเข้าใจมัน”
องค์หญิงเจียโรว ดูสับสน
“ ระวังพิษไว้ด้วย มันอาจจะเป็นการสะกดจิต” ลั่วอู๋เตือน
องค์หญิงเจียโรว พยักหน้า
ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย “ข้าคิดว่าเจ้าเกลียดมันมากซะอีก สัตว์นรกพิษห้าสี มันน่าเกลียดมากจนข้าทนไม่ไหว”
“ใช่ มันแปลกและน่าเกลียด แต่ข้าก็ไม่ได้เกลียดมันเลย” องค์หญิงเจียโรว กะพริบตา “อาจจะเป็นเพราะมันเป็นภูต?”
“หา?”
ลั่วอู๋และเหวินเสี่ยวตะลึง
ภูต?
องค์หญิงเจียโรวเต็มไปด้วยความรักต่อภูตทุกชนิด แต่นางจะบอกว่าคางคกตัวนี้เป็นภูตด้วยอย่างงั้นเหรอ?
นี่มันเป็นอะไรที่พวกเขายอมรับไม่ได้เท่าไหร่