ไหปีศาจ - บทที่ 391 ชายลึกลับ
บทที่ 391 ชายลึกลับ
บทที่ 391
ชายลึกลับ
เมื่อตกกลางคืนหุบเขามรณะซึ่งเดิมทีก็มืดมิดอยู่แล้ว ก็ยิ่งมืดสนิทเขาไปอีก ด้วยหมอกพิษอันมืดมนที่ทำให้พื้นที่ทั้งหมดมืดลงไปเรื่อย ๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะที่สามารถแยกหมอกพิษออกไปได้ แต่มันก็ยังอันตรายเกินไป หากจะเดินทางต่อไปในความมืด พวกเขาทั้งสามจึงเลือกที่จะหยุดพักแรม
ไฟขนาดเล็กลุกไหม้อย่างช้าๆ ส่งเสียงครืดคราดและส่องสว่างให้แสงไฟอันอบอุ่น ช่วยขจัดหมอกพิษในยามค่ำคืน
สัตว์นรกพิษห้าสีได้แยกหมอกพิษออกไปจากพื้นที่นี้ เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน
เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานะที่พร้อมรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ในอนาคต การพักผ่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ภูตดอกไม้และสัตว์นรกพิษห้าสี วิ่งเล่นอย่างมีความสุข
ส่วนพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคน ต่างก็นั่งล้อมรอบกองไฟอยู่ พวกเขาพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางร่างกายและพลังวิญญาณ ขณะแลกเปลี่ยนบทสนทนากัน
“ภูตไหนี่เป็นชื่อหรือชื่อเล่นของเขา มันไม่ทำให้รู้สึกแปลก ๆ เหรอ ” องค์หญิงเจียโรวกล่าวอย่างสงสัย
ลั่วอู๋ครุ่นคิดสักพักพลางแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจและพูดว่า “อาจจะเป็นชื่อเล่นก็ได้”
“แต่ชื่อเล่นนี้ก็แปลกเหมือนกันนะ ภูตไห เขามีไหที่ทรงพลังมากอยู่ในครอบครองงั้นหรือ?” องค์หญิงเจียโรว ถามอีกครั้ง
“ก็อาจจะ” ลั่วอู๋ตอบนิ่ง
เหวินเสี่ยวดูครุ่นคิด
ในหนังสือโบราณของพระราชวังเป่ยหมิง มีการบันทึกไว้ว่าเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ในสมัยที่การฝึกฝนพลังวิญญาณยังไม่ปรากฏขึ้น ในยุคที่ศิลปะการต่อสู้โบราณเป็นที่เลื่องลือ
เผ่าปีศาจเคยลุกฮือขึ้นมาด้วยการชักนำของภูตไห ทำให้สามารถต่อสู้กับมวลมนุษยชาติได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบถึงเบาะแสต่อไปของภูตไหนับแต่นั้นมา
ว่ากันว่าภูตไหน่าจะมาจากต่างมิติ
กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาน่าจะมาจากโลกของความเป็นไปได้อื่น
เขาไม่เคยคิดถึงมัน แต่คำพูดขององค์หญิงเจียโรวทำให้เขานึกถึงมัน
เขาไม่รู้ความจริงเบื้องหลังในประวัติศาสตร์ แต่มันก็ไม่ได้ป้องกันเขาจากการคาดเดา
ภูตไหนั้นครอบครองไหเทพเจ้าจึงถูกเรียกว่าภูตไห? หรือเขาเป็นสิ่งที่กำเนิดมาจากไหกลายเป็นสัตว์วิญญาณ? หรือไหเทพเจ้าไม่ใช่สิ่งของแต่ได้ชื่อนั้นเพราะเป็นของภูตไห?
เหวินเสี่ยวยังคงตกอยู่ในห้วงความคิดของเขา องค์หญิงเจียโรว ถามอย่างตื่นเต้น “พวกเจ้าคิดว่าพื้นที่ใจกลางหุบเขามรณะเป็นยังไง?”
อาจเป็นเพราะนางได้รับสัตว์วิญญาณตัวที่สามมาแล้ว ทำให้เป้าหมายของนางสำเร็จ องค์หญิงเจียโรว จึงดูผ่อนคลายมากกว่าคนอื่น ๆ
นางเหลือสิ่งที่ต้องคิด แค่ว่าตนเองต้องสนุกไปกับการเดินทาง
“กลุ่มคนประหลาดที่ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิจัย?” ลั่วอู๋เดา
องค์หญิงเจียโรว กัดปากของนาง “นั่นมันก็แค่ข่าวลือที่ได้รับความนิยมสูงสุดไม่ใช่รึไง”
ไม่มีใครมีหลักฐานพิสูจน์เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ใจกลางหุบเขามรณะ แต่บางคนก็เดาความจริงไปต่าง ๆ นานา ตามเบาะแสที่ได้รับมา
ข่าวลือเรื่องกลุ่มคนประหลาดเป็นข่าวลือที่มีการแพร่กระจายและเชื่อกันมากที่สุด
“เจ้าอยากได้ยินคำตอบแบบไหนกันล่ะ” ลั่วอู๋หัวเราะ
องค์หญิงเจียโรว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “มันควรจะมีอะไรพิเศษลึกลับและแปลกประหลาด อาจจะเป็นสัตว์วิญญาณขนาดใหญ่ที่หายใจออกมาเป็นหมอกพิษ หรือไม่ก็วังขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยกระดูก หรือขุมทรัพย์ที่ถูกซ่อนฝังลึกเอาไว้?”
“ส่วนใหญ่เป็นข่าวลือมั่ว ๆทั้งนั้น มีแค่เฉพาะข่าวลือของกลุ่มคนแปลกประหลาดเท่านั้นที่น่าเชื่อถือที่สุด” ลั่วอู๋ตอบ
“บางข่าวลือก็เป็นเรื่องไร้สาระ ยกตัวอย่างเช่นข่าวลือว่ามีขุมทรัพย์ฝังลึกนั้น ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจินตนาการของเด็กไม่กี่คนที่เล่นเกมโจรสลัดซ่อนสมบัติกัน ด้วยเหตุนี้มันจึงได้รับความนิยมขึ้นมา”
“ก็นะ” องค์หญิงเจียโรว ดูผิดหวังเล็กน้อย
“ไม่จริงน่า…”ลั่วอู๋ไม่พูดติดตลก”เจ้าแอบหวังว่าจะมีสมบัติงั้นเหรอ?”
“ ถ้ามี มันก็คงไม่ใช่อะไรที่จะขุดหาได้ง่ายๆอยู่แล้วล่ะ” องค์หญิงเจียโรว พ่นเสียงออกมาและฮึดฮัดสองครั้ง
“ไม่มีสมบัติหรอก แต่มันก็พอมีข่าวลืออีกอย่างที่หลายคนเชื่อกัน” ลั่วอู๋พูดพร้อมรอยยิ้ม
“อะไรงั้นเหรอ?”
“อาถรรพ์แห่งความเป็นอมตะ”
องค์หญิงเจียโรวสนใจ ไม่ว่าเป็นใครก็ย่อมสนใจถึงความเป็นอมตะกันทั้งนั้น “เล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟังหน่อย”
ก่อนจะมาที่นี่ลั่วอู๋ได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามรณะมาล่วงหน้า
มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหุบเขามรณะ เนื่องจากผู้คนไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหุบเขามรณะจนทึกทักกันเป็นข่าวลือมากมาย
“มีตำนานกล่าวไว้ว่ามีพลังลึกลับในหุบเขามรณะ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้คนมีชีวิตอมตะได้” ลั่วอู๋กล่าวช้าๆ
“ด้วยเหตุนี้ ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจึงได้เดินทางเข้ามาในหุบเขามรณะ ก่อนที่ชีวิตของพวกเขากำลังจะจบลง เพื่อลองเสี่ยงโชคกับมัน แต่แทบไม่มีใครเคยได้กลับออกมา”
“ เมื่อผู้คนจำนวนมากเข้ามาในหุบเขามรณะเพื่อเสี่ยงโชค ผู้คนที่เชื่อว่าหุบเขามรณะมีพลังลึกลับแห่งความเป็นอมตะอยู่จริง ๆ ก็มีเพิ่มมากขึ้น”
“ พวกเขาเริ่มมีความคิดแปลก ๆ ว่าจะต้องได้ครอบครองพลังอันแข็งแกร่งนั้นก่อนตาย”
องค์หญิงเจียโรว กะพริบตาและพูดด้วยความประหลาดใจ “มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?”
“ผู้คนมักจะเชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อ” ลั่วอู๋ ยิ้ม “เหมือนกับที่หลาย ๆ คนเชื่อว่ามีสวรรค์และนรกหลังความตาย เชื่อว่าหากพยายามจะสามารถประสบความสำเร็จได้ เชื่อว่าพวกเขาเป็นตัวเอกที่ได้รับพรแตกต่างจากคนอื่น”
องค์หญิงเจียโรว ครุ่นคิด
ยิ่งคนเราคิดถึงมันมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งคิดว่ามันสมเหตุสมผลมากขึ้นเท่านั้น
ลั่วอู๋หัวเราะ “นี่คือข่าวลือเกี่ยวกับพลังลึกลับสู่ความเป็นอมตะของหุบเขามรณะ”
ในความเป็นจริงแล้ว บางคนที่เข้าไปในหุบเขามรณะก็สามารถรอดกลับออกมาได้
มันไม่น่ากลัวเท่ากับที่กล่าวกันในข่าวลือ
หลายคนเดินเข้ามาและจากไป อาจจะเข้ามาในหุบเขามรณะเพื่อเก็บพืชพิษ หรือจับสัตว์วิญญาณที่มีลักษณะเฉพาะด้านพิษกลับไป
มันเป็นเรื่องธรรมดามาก
นอกจากนี้ยังเคยมีคนที่รอดออกมาจากใจกลางหุบเขามรณะอยู่
ตัวอย่างเช่น ฉูจานเทียน ผู้อาวุโสของตระกูล ฉู เรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขาคือการเข้าไปในหุบเขามรณะเป็นเวลาหนึ่งเดือนและกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
เขาได้เข้าไปถึงใจกลางของหุบเขามรณะ
แต่คนเช่นเขา หลังจากที่ได้กลับออกมา ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้เก็บความลับเกี่ยวกับหุบเขามรณะเอาไว้ และไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้เลย
สิ่งนี้นำไปสู่ความตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูกเกี่ยวกับหุบเขามรณะ
ผู้คนต่างเต็มใจที่จะเชื่อว่าหุบเขามรณะเป็นสถานที่แห่งความตาย และไม่ได้สนใจว่ามีคนจำนวนมากที่สามารถกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
“พูดได้ดี” ทันใดนั้นเสียงอันหนักแน่นก็ดังขึ้น
พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนสะดุ้งและเข้าสู้สภาวะพร้อมต่อสู้
เงาของชายวัยกลางคนเดินออกมา ร่างของเขาถูกห่อด้วยชุดคลุมสีดำรัดรูปแสดงให้เห็นเพียงใบหน้า
ชายวัยกลางคน คนนี้ดูเป็นคนใจเย็น ใบหน้าของเขาเต่งตึงดูดี
แต่กลับมีแผลเป็นเล็กน้อยบนใบหน้า แม้ว่ามันจะถูกเย็บด้วยด้ายเส้นเล็ก แต่ก็ยังดูหม่นหมองและน่าสะพรึงกลัว
“เจ้าคือใคร?” ลั่วอู๋ถามเสียงเข้ม
ใบหน้าของชายคนนั้นกระตุกและดูเหมือนจะหัวเราะออกมา แต่แล้วใบหน้าของเขาแข็งทื่อและไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อีก “ ข้าก็เป็นแค่คนที่เดินทางผ่านมา และคิดว่าที่เจ้าพูดมันสมเหตุสมผลมาก”
“ขอบใจ” ลั่วอู๋ขยิบตาให้องค์หญิงเจียโรวอย่างเงียบ ๆ
องค์หญิงเจียโรว เข้าใจได้ในทันที
นางเรียกสัตว์นรกพิษห้าสีออกมาในทันที
[อ่านใจ] ทักษะนี้สามารถใช้เพื่อตัดสินว่าฝ่ายตรงข้ามประสงค์ร้ายกับพวกเขารึเปล่า
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัว
องค์หญิงเจียโรว กระซิบ “ข้าไม่รู้สึกถึงความอาฆาตพยาบาท ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีพวกเราเป็นเป้าหมาย”
ลั่วอู๋ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“พวกเจ้ารังเกียจไหม ถ้าข้าจะขอร่วมนั่งลงผิงไฟด้วยคน” จู่ๆชายคนนั้นก็พูดขึ้น “ข้าไม่ได้ผิงไฟมานานมากแล้ว ข้าคิดถึงมันมาก”
แสงไฟจาง ๆ กะพริบบนใบหน้าอันดุร้ายของชายคนนั้น ซึ่งดูมืดมนและน่าสะพรึงกลัว