ไหปีศาจ - บทที่ 401 พบแล้ว
บทที่ 401 พบแล้ว
บทที่ 401
พบแล้ว
เหล่าสัตว์ประหลาดนำมังกรกระดูกผีกลับไปที่วังแห่งหุบเขามรณะและขังไว้ในคุกที่ลึกที่สุด
ลั่วอู๋รวบรวมดอกไม้พิษ และสัตว์วิญญาณทุกชนิดลงไปในไหปีศาจ
ทันใดนั้นหนังสือสัตว์วิญญาณของมิติไหก็เริ่มส่องแสงกะพริบอย่างรุนแรง มันกะพริบหลายร้อยครั้งติดต่อกัน เห็นได้ชัดว่ามันได้ทำการปลดผนึกหน้าหนังสือสัตว์วิญญาณพร้อม ๆ กันหลายร้อยตัว
อย่างไรก็ตามความสามารถใหม่ของไหนั้นเพิ่งได้รับการปลดผนึกมาได้เมื่อไม่นานมานี้ และสัตว์วิญญาณมากกว่า 100 ชนิด ก็ยังไม่เพียงพอที่จะปลดผนึกความสามารถอันต่อไปของไหได้
ทางด้านเหล่าสัตว์ประหลาดทันทีที่พวกเขากลับมาที่วิหารได้ พวกเขาก็เริ่มการศึกษาวิจัย
พวกเขาเลือกที่จะภักดีต่อลั่วอู๋ แต่เนื่องจากพวกเขานั้นหยิ่งยโสมาก พวกเขาจึงไม่สามารถปฏิบัติต่อลั่วอู๋เหมือนกับคนรับใช้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเมินลั่วอู๋แทน
แม้ว่าลั่วอู๋จะเดินผ่านพวกเขาไปซึ่ง ๆ หน้า
พวกเขาก็แสร้งทำเป็นว่าตาบอด บังเอิญจังเลยที่ลั่วอู๋เดินผ่านมาพอดี
แต่ลั่วอู๋ไม่ได้สนใจพวกเขา
ในเมื่อพวกเขาได้สาบานด้วยแก่นวิญญาณแล้ว ตราบใดที่พวกเขาเต็มใจรับข้อตกลง อย่างอื่นก็ไม่ได้สำคัญ
จากการสนทนาที่ผ่านมาของพวกเขา ลั่วอู๋สามารถเดาความลับของหุบเขามรณะได้คร่าวๆ
สัตว์ประหลาดเหล่านี้มีรากฐานที่แข็งแกร่งมาก
หากพูดชื่อออกไปอย่างลวก ๆ ก็จะพบว่าพวกเขาเป็นคนแข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงในยุคใดยุคหนึ่ง
คุณค่าของพวกเขาอยู่เหนือการวัดใด ๆ
“ ตอนนี้รอไปก่อน เดี๋ยวมันจะมาหาพวกเจ้าเองไม่ช้าก็เร็ว” ลั่วอู๋บันทึกพิกัดเชิงพื้นที่ของหุบเขามรณะเอาไว้ ด้วยการรวมตัวกันของห้วงมิติและเก็บมันเอาไว้ในไหปีศาจ
จากนั้นพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสี่คนก็เดินออกจากหุบเขามรณะ
ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าว “เจ้าได้ใช้สิทธิ์ของหนี้ครั้งที่สองหมดไปแล้ว ข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา ตอนนี้ข้าต้องขอตัวกลับไปก่อน”
การปราบปรามเหล่าสัตว์ประหลาด ทำให้การชดใช้หนี้ครั้งที่สองถูกใช้ไป แต่ในส่วนของการปราบมังกรกระดูกผี นั้นไม่นับเพราะนางทำตามใจตนเอง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพื่อสนองอาการหงุดหงิดในใจของผู้บัญชาการหลิงหลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามนางนั้นเป็นผู้บัญชาการหน่วยสยบมังกร นางยังมีเรื่องสำคัญอีกมากมายที่ต้องทำ นางไม่สามารถเป็นผู้คุ้มกันให้กับพวกเขาเป็นระยะเวลานานได้ เพียงเพราะความรู้สึกส่วนตัวของนาง
“ไม่ต้องห่วงน่า สภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก ท่านควรจะพักผ่อนสักหน่อยนะ” ลั่วอู๋ประหลาดใจและรีบพูด
ผู้บัญชาการหลิงหลงเหล่ตามองลั่วอู๋และพ่นคำสองคำ “ข้าไม่มีเวลา”
ลั่วอู๋แนะนำ “ท่านควรทำงานและพักผ่อนให้สมดุลกันในการทำสิ่งต่างๆ ท่านไม่อยากรู้เหรอว่า ภูตไหมีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของหุบเขามรณะได้ยังไง”
ลั่วอู๋ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของภูตไห
หากผู้บัญชาการหลิงหลงอยู่รอบ ๆ ตัว อย่างน้อยนางก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาได้
อย่างไรก็ตาม เขานั้นรู้สึกลังเลที่จะใช้โอกาสชดใช้หนี้ครั้งที่สามในตอนนี้
ผู้บัญชาการหลิงหลงเย้ยหยัน “ข้าไม่สนใจ”
“ถ้าข้าจะบอกเจ้าว่าภูตไห คุ้นเคยกับเทพผู้พิทักษ์ และมีส่วนร่วมในการก่อตั้งสำนักเฉียนหลงล่ะ”ลั่วอู๋ กล่าวเสริม
“ อ๋อ?” ผู้บัญชาการหลิงหลงดูสนใจมากขึ้นเล็กน้อย
นางไม่เคยได้ยินถึงชื่อนี้ มันมีประวัติเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่งั้นเหรอ?
แต่สำนักเฉียนหลงนั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง
ลั่วอู๋กล่าวต่อ “บางทีภูตไหอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนรกมนตรา”
“อะไรนะ!” ดวงตาของผู้บัญชาการหลิงหลงสว่างสดใส ดวงตาของนางเหมือนจะกลายเป็นดาบอันแหลมคม แทงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ลั่วอู๋ตกใจมาก
เขายังพร้อมเตรียมที่จะเป่าหูนาง ว่าภูตไหนั้นทรงพลังขนาดไหน แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าการเอ่ยถึงนรกมนตราจะทำให้ผู้บัญชาการหลิงหลงมีปฏิกิริยาได้ถึงขนาดนี้
“งั้นข้าเอาด้วย ไปหามันกัน” ดวงตาของผู้บัญชาการ หลิงหลงหรี่ลงเล็กน้อย แต่ลมปราณอันรุนแรงอย่างตื่นเต้นนั้นไม่สามารถปกปิดได้ มันแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของนาง
องค์หญิงเจียโรว ถามด้วยเสียงต่ำ “ภูตไหเกี่ยวข้องกับนรกมนตราจริง ๆ หรือ?”
“น่าจะใช่นะ ข้าแค่เดา” ลั่วอู๋รู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นข้อมูลในหนังสือของคฤหาสน์สุตรา ว่าคนที่เปิดห้วงมิตินรกมนตรานั้นไม่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ ดังนั้นลั่วอู๋จึงคาดเดาว่ามันอาจจะเป็นฝีมือของภูตไห
ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวย่อมไม่มีทางที่จะไม่มีหลักฐานทิ้งเอาไว้
เว้นแต่ผู้คนในเวลานั้นจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
องค์หญิงเจียโรว กลอกตาสีขาวของนาง “ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง เจ้าไม่กลัวว่าผู้บัญชาการหลิงหลงจะตบเจ้าตายเหรอ ?”
“เฮ้ ข้าจะต้องไปกลัวอะไร นางยังคงติดหนี้บุญข้าอยู่” ลั่วอู๋หัวเราะ
พวกเขาทั้งสี่ได้เดินทางออกจากหุบเขามรณะ
ลั่วอู๋โยนไหทองแดงใบเล็กให้เหวินเสี่ยว “นี่ ข้าให้เจ้า”
เหวินเสี่ยวรับไหทองแดงใบเล็กเอาไว้ ความตื่นเต้นเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ในที่สุดเขาก็จะได้พบกับภูตไหในตำนานเสียที
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรก
“ขอบคุณ.” เหวินเสี่ยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม ถ้าไม่มีลั่วอู๋ ด้วยความสามารถของเขาเองนั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาได้พบกับภูตไห
แน่นอนว่าเขานั้นยังไร้เดียงสาเกินไป เขาออกมาจากพระราชวังเป่ยหมิง ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เขาไม่คาดคิดเลยว่าความเป็นจริงจะทำให้หัวใจของเขาเย็นลงได้
เหวินเสี่ยวได้เริ่มทำตามวิธีการที่ฉิงชาบอก และเริ่มเปิดใช้งานไหทองแดงขนาดเล็กในมือของเขา คลื่นพลังวิญญาณลึกลับถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆ
สิ่งต่อไปที่เขาต้องทำคือการรอ
ไหขนาดเล็กนี้ไม่ใช่หินห้วงมิติ มันไม่มีทางอัญเชิญภูตไหออกมาได้
แต่ในไม่ช้าก็มีส่วนโค้งลึกลับพาดผ่านท้องฟ้าสีฟ้าในระยะไกล ราวกับบางอย่างกำลังพุ่งมาด้วยความเร็ว
ดูเหมือนว่าภูตไหนั้นให้ความสำคัญอย่างมากกับการเรียกของเหล่าสัตว์ประหลาดในหุบเขามรณะ
ลั่วอู๋หายใจหอบ ในที่สุดเขาก็จะได้เห็นภูตไห
ในที่สุดพวกเขาก็เห็นแสงลึกลับปรากฏขึ้น ด้านในนั้นมีชายชราที่มีพลังวิญญาณดั่งแดนสวรรค์ โดยมีสุนัขสีแดงอยู่ข้างๆ
มีหมอกสีขาวจาง ๆ อยู่รอบ ๆ ชายชรา ซึ่งคอยปกคลุมใบหน้าที่แท้จริงของเขาเอาไว้ ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นหรือรู้สึกได้ถึงตัวตนของเขาอย่างชัดเจน
สติสัมปชัญญะของลั่วอู๋บอกให้กวาดตาลงอย่างรวดเร็ว เขาถอนหายใจในใจ
เขาไม่สามารถรู้สึกถึงลมปราณของอีกฝ่ายได้เลย
ซึ่งน่าจะเป็นเพราะหมอกสีขาวนั่น
ภูตไหมองพวกเขาด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยแปลกใจและพูด เบา ๆ ว่า “พวกคนในหุบเขามรณะ มอบไหทองแดงให้กับคนอื่นสินะ พวกมนุษย์นี่เชื่อถือไม่ได้เลยจริง ๆ”
แม้เขาจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังมาที่นี่
เขาได้เห็น “การทรยศ” มากมาย ทำให้เขามีจิตที่สงบต่อเรื่องแบบนี้มานานมากแล้ว
เหวินเสี่ยวรับบทนำด้วยความตื่นเต้น “ท่านคือภูตไหใช่มั้ย ข้าเป็นลูกหลานที่มาจากราชวังเป่ยหมิงใน อาณาจักรเป่ยไห่เมื่อกว่า 8000 ปีก่อน ซึ่งบรรพบุรุษของข้า ราชาหมอกซานเหริน เคยพบปะกับท่าน”
“ใช่” ภูตไหดูเย็นชา เขามองด้วยสายตาอันเยือกเย็นอยู่ท่ามกลางหมอกสีขาว เฝ้าดูความผันผวนของชีวิต อย่างไม่เต็มใจที่จะปนเปื้อนด้วยความสกปรกอันเล็กน้อยของโลก
เหวินเสี่ยวรู้สึกเย็นเฉียบในใจ แต่เขาก็ยังคุกเข่าลงและทำท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง “ชีวิตของสัตว์วิญญาณที่เฝ้าคุ้มครอง ราชวังเป่ยหมิงกำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อมันสิ้นชีวิต ราชวังเป่ยหมิงจะต้องพบกับหายนะ และจมลงสู่ใต้ทะเล ของทะเลเหนือสุดขอบ และหายไปตลอดกาลแน่ ผู้บริสุทธิ์นับหมื่นจะต้องตาย และชีวิตของพวกเขาจะต้องพังพินาศ ในฐานะลูกหลานข้ามาขอวิงวอนให้ท่านภูตไห โปรดช่วยชีวิตของผู้คนทั้งหมดในอาณาจักรด้วยเถิด ”
ในที่สุดเขาก็พูดในสิ่งที่เขาคิดอยู่มาตลอดหลายปี
มันเป็นความลับที่สุดในใจของเขา
ในเวลานั้นเขาเลือกที่จะออกจากทะเลเหนือสุดขอบมา โดยไม่คำนึงถึงการต่อต้านคัดค้านของ ผู้ดูแลราชวัง เขามีความทะเยอทะยานอย่างมากที่จะหาทางรักษาสัตว์วิญญาณและช่วยชีวิตผู้คนทั้งหมดในอาณาจักร มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องจมตกลงไปในหุบเหวของทะเลลึก ทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นอย่างรุนแรงไปตลอดชีวิต
ตามบันทึกที่บรรพบุรุษของเขาได้ทิ้งไว้ ภูตไหเป็นคนเดียวในโลกที่มีความสามารถในการรักษาสัตว์วิญญาณที่เป็นอมตะตัวนี้
บรรพบุรุษของพระราชวังเป่ยหมิง ได้เห็นด้วยตาของเขาเอง ว่าภูตไหนั้นสามารถเปลี่ยนปลาคาร์ฟธรรมดาให้กลายเป็นมังกรแก่นแท้ ให้ยืนหยัดอยู่ได้ถึงเก้าวัน
คนอื่น ๆ ไม่มีทางทำได้แน่
แม้แต่ เฉินซังเทียน ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณคนแรกในอาณาจักรมังกรเร้นกายก็ยังห่างไกลจากคุณสมบัติที่จะรักษามัน
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าภูตไหนั้นอยู่ที่ไหน เขาจึงอยู่ภายใต้ความกดดันเป็นอย่างมาก ในขณะที่ผู้คนของเขากำลังมุ่งหน้าไปสู่จุดจบ มันก็ไม่ได้กัดกร่อนหัวใจของเขาอีกต่อไป
เขากลายเป็นคนสุดโต่งไร้ยางอายและเหยียดหยามผู้อื่น แต่ความบริสุทธิ์ภายในใจของเขายังคงรักษาดินแดนอันที่บริสุทธิ์สุดท้ายเอาไว้
ทำให้เขาริเริ่มที่จะแยกออกมาเป็นบุคลิกที่สอง
ทันทีที่เกิดบุคลิกที่สอง เขาก็เก็บกดมันเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ
และในที่สุดเขาก็เห็นความหวัง
เพราะตอนนี้เขาได้เจอกับภูตไหแล้ว