ไหปีศาจ - บทที่ 430 การรับสมัคร
บทที่ 430 การรับสมัคร
บทที่ 430
การรับสมัคร
ณ คฤหาสน์ขององค์ชาย
ปังชิเย่และฮังเหมินกำลังคุกเข่าในสภาพเหงื่อไหลไม่หยุด
ข้างหน้าพวกเขาคือ องค์ชายเล็กที่มีพลังวิญญาณมังกรบินวนเวียนอยู่รอบ ๆ พร้อมกับกล่องไม้เล็ก ๆ ตรงหน้าเขาที่แตกออกเป็นเสี่ยง แต่กลับไม่มีอะไรอยู่ในนั้น
“ใครบอกข้าได้บ้างว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น” องค์ชายเล็กหลับตาลงอย่างดูสงบ
ความสงบของเขายิ่งทำให้ทั้งสองคนรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้น ราวกับว่ายืนอยู่บนหมุดและเข็มนับร้อย
เสียงของ ปังชิเย่ สั่น “นี่น่าจะเป็นฝีมือของ หนิงหยินจิว เขาให้กล่องของปลอมกับข้ามา ตอนนั้นข้ารีบจึงไม่มีเวลาที่จะระบุว่ามันเป็นของจริงรึเปล่า… ”
แน่นอนว่าเขานั้นสามารถแยกแยะของจริงออกจากของปลอมได้ แต่หนิงหยินจิวนั้นสามารถเลียนแบบกล่องออกมาได้สมบูรณ์แบบเกินไป ประกอบกับวิธีพิเศษบางอย่างที่ทำให้ คนธรรมดาเปิดไม่ได้ เขาจึงไม่ได้สงสัย
แต่เขาไม่กล้าพูดออกมา เพราะมันมีแต่จะทำให้เขาดูโง่กว่าเดิม
“ แล้วหนิงหยินจิวอยู่ที่ไหนล่ะ?” องค์ชายเล็กถาม ช้าๆ
ดวงตาของปังชิเย่เต็มไปด้วยความกลัว “เขายังไม่ต้องการออกจากฐานทัพไป ดังนั้นเขาจึงอยู่ต่อ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความสงบ ทว่าปังชิเย่และฮังเหมินกลับรู้สึกราวกับว่ามีภูเขากดทับร่างของพวกเขาจนหายใจไม่ออก
ในที่สุดองค์ชายเล็กก็พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “หมายความว่ากล่องอาจตกไปอยู่ในมือของลั่วอู๋อย่างนั้นเหรอ?”
เขาไม่ได้สนใจความเป็นตายของหนิงหยินจิวเลยแม้แต่น้อย
“ใช่ขอรับ” ปังชิเย่พูดอย่างรีบร้อน “ แต่เขาไม่มีทางเปิดกล่องนั่นได้ เพราะตระกูลหยางนั้นตายไปจนเกือบหมดแล้ว เขาน่าจะยังไม่สามารถเปิดกล่องนั่นได้ พวกเรายังสามารถหยุดเขาได้ขอรับ”
“เจ้าโง่” องค์ชายเล็กพ่นคำสองคำออกมาอย่างชัดเจน
ปังชิเย่หุบปากในทันที
สิ่งที่เขากลัวไม่ใช่เพียงแค่อำนาจขององค์ชายเล็กเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพลังของเขาด้วย คนสนิทที่แท้จริงเท่านั้นที่จะรู้ว่าพรสวรรค์ขององค์ชายเล็กนั้นร้ายกาจเพียงใด
องค์ชายเล็กนั้นมีอายุเพียง 26 ปี แต่กลับมีระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับทองขั้นสูง มิติ 4 เกรงว่าคงจะมีเพียงปีศาจอย่างเอ๋าเฉียนจุน เท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงกับพรสวรรค์ขององค์ชายได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเอ๋าเฉียนจุนจะมีความสามารถมาก แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป
ในบรรดารุ่นเดียวกัน องค์ชายเล็กจึงสมควรที่จะถูกนับเป็นอันดับหนึ่ง
“เจ้าบอกว่าเขายังมีหินทะลวงมิติอยู่ในมือสินะ นอกจากนี้ตราบใดที่เขายังสามารถหนีเข้าไปในสำนักเฉียนหลงได้ พวกเราจะหยุดเขาได้อย่างไร?” องค์ชายเล็กกล่าวอย่างเย็นชา
สำนักเฉียนหลงนั้นแยกออกจากอาณาจักรโดยสิ้นเชิง และเต็มไปด้วยเหล่าปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งที่เต็มใจที่จะอยู่ในสำนัก มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบุกเข้าไป
นอกจากนี้หากลั่วอู๋ต้องการแก้แค้น ลั่วอู๋ก็อาจนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่แผนการของเขาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการเห็นอย่างแน่นอน
ปังชิเย่ก้มศีรษะลงและพูดอย่างระมัดระวัง “พวกมันไม่ได้ฉลาด แล้วเราก็ … ”
“ออกไปจากซะ กล่องมันหายไปแล้ว” ความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาขององค์ชาย
แผนที่เตรียมการมาตลอดสามปีของเขาล้มเหลว ซึ่งทำให้เขาโกรธมาก
ปังชิเย่และฮังเหมินเดินออกไปอย่างทุลักทุเล พวกเขานั้นโชคดีที่แผนขององค์ชายเล็กยังคงต้องใช้พวกเขา ดังนั้นองค์ชายเล็กจะยังไม่ทำอะไรพวกเขาในตอนนี้
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกไป สุนัขสีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้อง มันมีปีกเนื้ออยู่ด้านหลัง หากไม่สนใจที่สีของมันแล้ว มันก็ดูน่ารักมาก
“กรร”
สุนัขสีแดงคำราม อ้าปากคายร่างเงาออกมา
เงานั้นปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว ทำให้มองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง
“ข้าผิดหวังมาก” ภูตไหพูดออกมาอย่างเรียบ ๆ
องค์ชายเล็กไม่แยแสเขา “ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับอัฐิของจักรพรรดิดาบ แต่ข้าก็น่าจะยังคงสามารถทำตามที่สัญญากันไว้ได้”
“ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะได้รับบัลลังก์นั้น”
องค์ชายเล็กกำหมัดแน่น “ตำแหน่งนั้นต้องเป็นของข้า และจะไม่มีใครหยุดข้าได้”
“ ดีแล้ว” ภูตไหยังคงสงบนิ่งราวกับสระน้ำลึก จากนั้นเขาจึงมองไปที่สุนัขสีแดง “เจ้าอยู่ช่วยเขาที่นี่ซะ”
หมาสีแดงพยักหน้าแสดงว่ามันเข้าใจ
มันโปรดปรานภูตไห ระดับที่ว่าต่อให้อีกฝ่ายจะต้องการสั่งให้มันตาย มันก็จะไม่ลังเลที่จะฆ่าตัวตาย
ดวงตาขององค์ชายเล็กขยับและไม่ปฏิเสธอะไร
เพราะเขารู้ดีว่าเจ้าหมาสีแดงตัวนั้นน่ากลัวแค่ไหน ตอนนี้เขายังเด็กเกินไป มีเวลาน้อยเกินไป และยังมีตัวหมากระดับสูงน้อยเกินไป
หากสุนัขสีแดงเข้ามาช่วยเขา เขาก็น่าจะสามารถเติมเต็มช่องว่างนั้นได้อย่างมากเลยทีเดียว
“จำสัญญาของเจ้าไว้ด้วยล่ะ” เงาของภูตไหค่อยๆสลายไป
องค์ชายเล็กขมวดคิ้วจากนั้นยืดตัวออกและพึมพำด้วยเสียงต่ำ “ถ้าเจ้ามีความสามารถพอที่จะช่วยข้าผนวกภูเขาแห้งแล้ง ลดระดับอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะ ทำให้สำนักเฉียนหลงยอมจำนน และทำให้ทะเลเหนือสุดขอบและ ภูมิภาคต่างๆเชื่อฟัง และทำให้อาณาจักรของข้าปรากฏขึ้นอีกครั้งในฐานะอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่า ราชวงศ์ซุยหยุน ข้าจะยอมถือว่าเจ้าเป็นนาย และเจ้าจะได้ครอบครองอาณาจักรเป็นเวลาสิบปี ”
มันเป็นคำตอบที่จริงใจมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
แม่บ้านข้างนอกกระซิบเข้ามา “ฝ่าบาท ได้เวลาแล้วเจ้าค่ะ”
ร่องรอยของความเบื่อหน่ายฉายขึ้นในดวงตาขององค์ชายเล็ก แต่เขาไม่ได้แสดงออกมา เขาแค่พูดเบา ๆ ว่า “ข้ารู้แล้ว ข้าจะรีบไปในทันที”
……
……
กลับมาที่ด้านของ ลั่วอู๋
เขากลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ธุรกิจยังเป็นไปตามปกติโดยไม่มีปัญหา รองเท้าเหินฟ้ายังคงขายดีดั่งคลื่นลูกใหญ่อีกครั้ง ดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนเข้ามาแย่งกันซื้อ
“แจ้งให้ทราบทุกคนทราบที ว่าข้ากำลังจะรับสมัครช่างตีเหล็ก ข้าต้องการสร้างฐานการผลิต” ลั่วอู๋สั่งคำสั่งกระจายออกไป
การตีอาวุธขึ้นรูปนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะฝึก มันต้องใช้ความสามารถระดับสูง ดังนั้นเขาต้องการช่างฝีมือที่เชื่อถือได้ ในการหลอมอาวุธ
“ขอรับ” คนงานของสำนักโล่พิทักษ์ รับคำสั่งอย่างเร่งรีบ
จากนั้นลั่วอู๋ก็มาที่ห้องเล่นแร่แปรธาตุของสำนักโล่พิทักษ์
มู่เถาซึ่งเป็นหัวหน้านักเล่นแร่แปรธาตุของสำนักโล่พิทักษ์มานานแล้ว กำลังฝึกฝนใช้หม้อกลั่นยา กลั่นยาระดับเจ็ด
แน่นอนว่าโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายของวัสดุ ตามที่คาดไว้ของในหม้อกลั่นนั้นมีคุณภาพเพียงพอสำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุระดับเจ็ด
ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวตนและการตระหนักถึงคุณค่าในตนเอง เด็กชายประจำร้านในวันนั้น ได้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นแร่แปรธาตุในวันนี้
โชคดีที่ของในหม้อกลั่นยานั้นเกือบเสร็จสิ้นแล้วลั่วอู๋จึงไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหา
“โอ้ นายน้อย นายน้อยมาแล้ว” มีรายงานเข้ามาแจ้งมู่เถารีบร้อน
ตามปกติแล้ว มู่เถา คงอยากจะทุบหัวของคนที่เข้ามาขัดจังหวะเขาในตอนนี้
แต่ทว่าทันทีที่มู่เถาได้ยินการรายงาน เขาก็กลับมาเป็นชายที่มีจิตใจอ่อนโยนและสง่างาม และแม้แต่ยาระดับเจ็ดที่เพิ่งได้รับการขัดเกลาในมือของเขา เขาก็ไม่ได้สนใจมันอีก เขาโยนมันทิ้งและรีบออกไปพบกับลั่วอู๋อย่างรวดเร็ว
“นายน้อย” มู่เถาอุทานด้วยความเคารพ
เขารู้ดีว่า ความสำเร็จของเขานั้นได้รับมาจากนายน้อยคนนี้
เดิมทีความสามารถของเขานั้นไม่ได้ดี หากไม่มีสมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก ที่เขาใช้ในฝึกฝนอันไม่ จำกัด และไม่มีแรงกดดันจากนายน้อย เขาก็คงไม่สามารถบรรลุความสำเร็จได้อย่างในปัจจุบันแน่
ลั่วอู๋พยักหน้า “ข้าต้องการพาเจ้าไปยังที่ที่ หนึ่งใน ตอนนี้ แต่เจ้าจะไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้ในเวลาสั้น ๆ เจ้าพร้อมไหม?”
“ข้าจะได้ทำงานกับนายน้อยใช่ไหมขอรับ” มู่เถากระซิบ
“แน่นอนสิ”
“ได้เลย” มู่เถาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
การได้ติดตามนายน้อย คือรางวัลอันทรงเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา
“ดีมาก” ลั่วอู๋ หัวเราะ “ข้าจะพาเจ้าไปยังสถานที่ที่ดีเหมือนดั่งแดนสวรรค์ อย่างไรก็ตามเจ้าสามารถพาคนบางคนไปกับเจ้าได้ด้วย แต่จำไว้ว่าต้องเป็นคนที่สมัครใจเท่านั้น”
“รับทราบแล้วขอรับ”
มู่เถา รวบรวมเด็กฝึกงานทั้งหมดให้มาด้วยกัน
ในปัจจุบันมีนักเล่นแร่แปรธาตุระดับกลางมากกว่า 20 คนในสำนักโล่พิทักษ์
และยังมีเด็กฝึกงานมากกว่า 200 คน เด็กเหล่านี้เต็มใจที่จะกินอะไรก็ได้เพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างและกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุตัวจริง
ด้วยที่เด็กฝึกงานพวกนี้ไม่สามารถช่วยในด้านธุรกิจเท่าไหร่นัก พวกเขาจึงถูกเลือกมา เพราะหากเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุคนหลัก ๆ อย่างพวกระดับกลางแล้วล่ะก็ มันจะส่งผลต่อการทำธุรกิจของสำนักโล่พิทักษ์
“ตอนนี้ เจ้าจะได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะการเล่นแร่แปรธาตุจากข้า แต่ข้าต้องไปที่อื่นและจะไม่กลับมาอีกเป็นเวลานาน ฉะนั้นข้าจะเลือกเด็กกำพร้าที่มีความสามารถเป็นสิบอันดับแรกไปกับข้า” มู่เถากล่าว
ไม่ใช่ว่าเด็กกำพร้านั้นมีข้อดีในการเล่นแร่แปรธาตุ
เพียงแค่เด็กกำพร้านั้นมีความผูกพันกับโลกภายนอกน้อยลง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่ามีปัญหาในภายหลังหากต้องออกไปที่ไหนนาน ๆ
เหล่าเด็กฝึกหัดเล่นแร่แปรธาตุต่างเป็นบ้า
ในฐานะเด็กฝึกงานพวกเขาตื่นเต้นมาก พวกเขาตื่นแต่เช้าและนอนดึกทุกวัน ดูแลอุปกรณ์ต่าง ๆ วัสดุ ยาและรับใช้ชีวิตประจำวันของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุ ทั้งหมดเพื่ออะไรกัน?
พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่เรียนรู้วิชาเล่นแร่แปรธาตุธรรมดา ๆ
แต่ตอนนี้พวกเขากำลังมีโอกาสได้เรียนรู้จากนักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 7 นี่เหมือนเป็นโอกาสดีจากสวรรค์
พวกเขาทนรอโอกาสดีๆในชีวิตแบบนี้ไม่ไหวแล้ว
“พระเจ้า ให้ข้า ให้ข้าได้ไปเถอะ ถ้าอดไปล่ะก็ข้าจะต้องทนทุกข์ทรมานแน่”
“อย่าน่า ต้องข้าสิ ข้าเป็นเด็กกำพร้าครอบครัวของข้าตายหมดแล้ว ข้าเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ ข้าไม่มีอะไรต้องกังวล”
“ข้าจะกลับไปตัดความสัมพันธ์กับพ่อแม่ตอนนี้เลย ได้โปรดพิจารณาข้าด้วย”
“พระเจ้า ข้าขอล่ะ เลือกข้า แม้ข้าไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า แต่ข้าไม่ชอบนอน ข้าทำงานได้สิบชั่วโมงต่อวันเลือกข้าเถอะ”
นักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดต่างแย่งกันพูด
สุดท้ายแล้วมู่เถาก็คัดเลือกเด็กฝึกงานสิบคนที่มักจะทำผลงานได้ดี ทั้งสิบคนตื่นเต้นราวกับว่ามีเทพเจ้ามาอยู่ตรงหน้า ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกต่างก็เสียใจเหมือนพ่อแม่เพิ่งตายไป
ในเวลานี้เสียงของ ลั่วอู๋ ก็ดังขึ้นอย่างสบาย ๆ “ยังไงซะ ข้าก็ยังต้องการคนช่วยดูแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เด็กฝึกเล่นแร่แปรธาตุเหล่านี้มีประสบการณ์มากคนเอาไปทำงานจิปาถะไม่ได้ ขอให้เจ้าพาคนอื่นไปเพิ่มด้วยเถอะ”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสโดยตรงกับการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ก็ยังสามารถได้ไปช่วยดูแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่นายน้อยพูดถึงได้ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะยังมีโอกาส
ทันใดนั้นเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดก็กลับมาบ้าคลั่งอีกครั้ง