ไหปีศาจ - บทที่ 440 ซื้อความสงบสุขด้วยเงิน
บทที่ 440 ซื้อความสงบสุขด้วยเงิน
บทที่ 440
ซื้อความสงบสุขด้วยเงิน
การค้นหาเรือนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
แม้มันจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากจะใช้ทักษะบินข้ามทะเลไป เพียงแต่มันใช้พลังวิญญาณมากเกินไป และง่ายที่จะตกเป็นเป้าหมายของสัตว์วิญญาณต่าง ๆ ในทะเล
ฮวงเสี่ยวหยวน กระทืบเท้า “เจ้ามีปัญหาด้านการฟังรึไง? ข้าบอกแล้วนี่นาว่าอย่าไปกับพวกเขา”
ทั้ง ๆ ที่ได้ยินเช่นนั้น แต่พรรคพวกลั่วอู๋กลับไม่ได้มีความรู้สึกตึงเครียดเลยสักนิด พวกเขาต่างหัวเราะออกมา
“ กลับบ้านไปก่อนเถอะ เจ้าหนู” ฉูจงฉวนพูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นพวกเขาก็ไปที่เรือใหญ่ของทีมทะลวงน้ำแข็ง
ทีมล่าสัตว์ที่อยู่รอบ ๆ ต่างแสดงสีหน้าแห่งความเสียใจออกมา คนเหล่านี้ดูเป็นเหมือนแกะอ้วนตัวใหญ่ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาถูกชิงไปโดยทีมทะลวงน้ำแข็งแล้ว
แน่นอนว่ามีหลายคนที่แสดงความเห็นใจเช่นกัน
แต่ก็ไม่มีใครคิดจะไปเตือนพวกลั่วอู๋ พวกเขาไม่มีใครเต็มใจที่จะรุกรานหรือโต้แย้งเลย
เนื่องจากทีมทะลวงน้ำแข็งเป็น ทีมล่าสัตว์อันดับต้น ๆ ในพื้นที่นี้
ฮวงเสี่ยวหยวน มองไปที่ ลั่วอู๋ พลางบีบรองเท้าเหินฟ้าในมือของเขา ความคิดนับไม่ถ้วนฉายผ่านจิตใจของเขา จากนั้นเขาก็กัดฟันแล้วพูดออกมา “ข้าจะไปด้วย”
“เจ้าไปด้วยงั้นเหรอ ? มีเงินจ่ายรึไง ?”บอสหวังมองไปที่ ฮวงเสี่ยวหยวน ด้วยท่าทีเยาะเย้ย
ฮวงเสี่ยวหยวน ชูเหรียญวิญญาณที่ ลั่วอู๋ มอบให้เขาก่อนหน้านี้ “มีอยู่แล้วสิ!”
“เฮ้” บอสหวังเหลือบมองเขาแล้วแสดงท่าทางเยาะเย้ย “ตกลง แต่เจ้าก็ต้องทำตามที่พวกข้าสั่งด้วยก็แล้วกัน”
ตอนแรกเขาคิดจะกลับมาสอนบทเรียนให้ ฮวงเสี่ยวหยวนทีหลัง แต่ในเมื่อเด็กน้อยอยากเดินทางมาตายเอง มันก็ช่วยไม่ได้
บอสหวังรับเหรียญวิญญาณของเขาไป โดยไม่มีการทอนเงินส่วนต่างใด ๆ
ส่วนฮวงเสี่ยวหยวนเองก็ไม่กล้าที่จะขอมัน
ที่ท่าเรือมีเรือขนาดใหญ่จอดอยู่ริมทะเล มันทำมาจากไม้สนและไม้เมฆ ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานต่อการโจมตีของสัตว์วิญญาณระดับเงิน และจะไม่แตกออกเมื่อถูกโจมตี เรือถูกเคลือบด้วยสารเคลือบพิเศษที่ช่วยให้สามารถปกปิดกลิ่นของเรือ ป้องกันการตกเป็นจุดสนใจของสัตว์วิญญาณในทะเลที่ทรงพลัง
ด้านในเรือถูกแบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นบนสุดคือดาดฟ้า ชั้นกลางเป็นห้องสำหรับอยู่อาศัย และชั้นล่างคือห้องเครื่องและโกดัง โครงสร้างพิเศษของกราบเรือทั้งสองข้างทำให้สามารถมั่นใจได้ถึงเสถียรภาพของเรือ
เรือแบบนี้มีราคาอย่างน้อยครึ่งล้านหินวิญญาณ
มันถือว่ากล้าหาญมากที่จะมีทีมล่าสัตว์สร้างเรือขึ้นมาด้วยเงิน 500000 หินวิญญาณ
ฮวงเสี่ยวหยวน วิ่งไปบนเรือเพียงเพื่อพบว่าพรรคพวกลั่วอู๋หลายคนบนดาดฟ้าต่างกำลังพูดคุยหัวเราะ ซึ่งแน่นอนว่าเหวินเสี่ยวนั่งอยู่อีกห่างไปอีกด้านหนึ่ง
“ทำไม เจ้าถึงตามพวกข้ามาล่ะ ?” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย
จู่ๆ ฮวงเสี่ยวหยวน ก็ตบตัวเองแล้วพูดด้วยเสียงสั่น “สมองของข้าคนเพี้ยนไปแล้วจริง ๆ แหละ ข้าตามเจ้ามาได้อย่างไรกัน บ้าจริง”
พรรคพวกลั่วอู๋มองหน้ากันแล้วหัวเราะ
เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
“มันเป็นความผิดของเจ้า เจ้าจะหาซื้อรองเท้าบูตเหินฟ้าไปทำไม ในเมื่อเจ้าทิ้งรองเท้าเหินฟ้าไว้ให้คู่หนึ่งได้สบาย ๆ ที่ทำให้ข้าสงสัยมาก” ฮวงเสี่ยวหยวน จ้องมองไปที่ ลั่วอู๋ “ยังไงซะหลังจากนี้พวกเราก็จบเห่อยู่แล้ว บอกข้ามาเร็ว ๆ เถอะ ว่าเจ้ามาจากสำนักโล่พิทักษ์ใช่ไหม?”
นั่นคือสิ่งที่เขาคิดได้จากสถานการณ์ที่ผ่านมา
“ใช่ ข้ามาจากสำนักโล่พิทักษ์” ลั่วอู๋พยักหน้า
เมื่อ ฮวงเสี่ยวหยวน ได้ยินดังนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ๆ
เขาเป็นชายคนนั้นจริง ๆ
เอาล่ะเขาพอใจแล้ว
เขาเคยได้ติดต่อธุรกิจกับผู้คนจากสำนักโล่พิทักษ์ ฮ่า ฮ่า มันน่าปลาบปลื้มใจจริง ๆ เมื่อได้คิดถึงเรื่องนี้
สำนักโล่พิทักษ์เป็นอันดับหนึ่งในหัวใจของเขา เป็นทั้งรุ่นพี่ คนที่เทิดทูน และแบบอย่าง เขามีความสุขมากที่ได้เจอคนจากสำนักโล่พิทักษ์
“ตำแหน่งของเจ้าในสำนักโล่พิทักษ์คืออะไรรึ ? คนงานชายธรรมดา ๆ คงไม่สามารถถอดรองเท้าเหินฟ้าออกมาแจกข้าได้หรอกใช่ไหม ? เจ้าจะมารับผิดชอบเปิดสาขาในมณฑลเสิ่นชุนงั้นเหรอ ? แล้วนายน้อยที่อยู่เบื้องหลังสำนักโล่พิทักษ์ จะแต่งงานกับองค์หญิงจริงๆ ใช่ไหม ? ช่วยตอบความอยากรู้อยากเห็นของข้าที” ฮวงเสี่ยวหยวน ถาม
มีเพียงสองสิ่งในความคิดของเด็กน้อย
ทำธุรกิจและความรัก
นายน้อยที่อยู่เบื้องหลังสำนักโล่พิทักษ์ ผู้ที่จัดการดูแลสำนักโล่พิทักษ์จนประสบความสำเร็จได้ นั้นเคยมีโอกาสเข้าไปในพระราชวังและมีวีรกรรมเข้าตาองค์จักรพรรดิ
เขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต
เขาเองก็ใฝ่ฝันที่จะได้ทำงานพัฒนาร้านค้าสีฟาง จนเป็นร้านค้าเลื่องชื่อขนาดใหญ่แล้วได้แต่งงานกับองค์หญิงเพื่อเชิดชูบรรพบุรุษของเขาเช่นกัน
แน่นอนความจริงนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่เด็กน้อยรู้มา มันเป็นเพียงคำบอกเล่า และเขาก็ไม่ได้ทราบสถานการณ์เฉพาะเจาะจง
“โอ้ !” หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ฉูจงฉวน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ สายตาของเขากำลังมองล้อเลียนไปที่ ลั่วอู๋ และ องค์หญิงเจียโรว
ใบหน้าของ องค์หญิงเจียโรว แดงกำในทันที
ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิได้รับเรียกเหล่าผู้มีพรสวรรค์วัยเยาว์เข้ามาในพระราชวัง จนมีข่าวลือแพร่กระจายไปว่าเขาต้องการเค้นหาลูกเขย นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ว่า ลั่วอู๋ ได้เข้าไปในสวนลอยฟ้าขององค์หญิงอยู่หลายครั้ง
มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีข่าวลือเช่นนี้ออกมา เพียงแต่ว่าผู้คนในเมืองหลวงนั้นไม่ได้กล้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกมา
ทว่าในสถานที่อันห่างไกล การสนทนาค่อนข้างในเรื่องเหล่านี้นั้นค่อนข้างเข้มข้น ทุกคนต่างก็ชอบคุยเรื่องซุบซิบ
ลั่วอู๋ทำหน้าเจื่อน “เจ้าหนู ถ้าเจ้าไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ไม่ต้องถาม”
“ข้าจะถาม” ฮวงเสี่ยวหยวน มีการแสดงออกที่มุ่งมั่นเหนือจริง
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น
เรือได้ดึงสมอขึ้นมา
จากนั้นไม่นานนักเหล่าลูกเรือของทีมทะลวงน้ำแข็งก็เริ่มทำงาน ใบเรือขนาดใหญ่ถูกกางขึ้นและหางเสือถูกปรับ และด้วยแรงลมเรือก็เริ่มออกตัวแล่นไปในทะเล
ลมทะเลพัดแรงมากจนได้ยินเสียงน้ำทะเลกระทบเรือก็ดังเข้ามาในหูทั้งสองข้าง
“มันจบแล้ว ข้าไปล่ะ ข้าได้ถามสิ่งที่อยากรู้แล้ว แต่ข้ายังไม่อยากตายไปกับพวกเจ้า” ฮวงเสี่ยวหยวน วิ่งไปที่ด้านข้างของเรือ
ทว่าสมาชิกของทีมทะลวงน้ำแข็งก็เข้ามาหยุดเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “จ่ายเงินมาแล้ว ก็อย่าเพิ่งไปสิ”
ทั้งทีมทะลวงน้ำแข็งดูจะไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ
ร่างกายของ ฮวงเสี่ยวหยวนสั่น เขารีบวิ่งไปหลบด้านหลังของ ลั่วอู๋ อย่างหวาดกลัว ซึ่งทำให้สมาชิกในทีมทะลวงน้ำแข็งต่างหัวเราะ
“ถ้าเจ้าไม่หนีออกไปตอนนี้ เจ้าก็ไม่มีโอกาสแล้วนะ เจ้าน่ามีความแข็งแกร่งอยู่บ้างไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยถ้ามีสัตว์วิญญาณที่สามารถบินไปบนท้องฟ้าได้ ก็โปรดใช้มันพาพวกเราหนีไปจากที่นี้ที” ฮวงเสี่ยวหยวน ลดเสียงลงและพูดด้วยความตื่นตระหนก
ใจเย็น ๆ
มีเพียงเหวินเสี่ยวเท่านั้นที่ดูไม่พอใจและสำลักคำสบถออกมา “เจ้ามันจะทำตัวน่ารำคาญเกินไปแล้วนะ มัวพูดพล่อย ๆ ตลอดเวลาอยู่ได้ ข้าจะทิ้งเจ้าลงเดี๋ยวนี้แหละ”
หมอนี่เลวทรามมาก!
ฮวงเสี่ยวหยวน ดูตื่นตระหนก
แต่คนอื่น ๆ ในกลุ่มนี้นั้นไม่ใช่คนเลว
ฉูจงฉวนกล่าวด้วยท่าทีสบาย ๆ “อย่ากลัวเขาไปเลยน่า เขาแค่อกหักจนอารมณ์เสีย เลยหงุดหงิดมาก”
ฮวงเสี่ยวหยวน รู้สึกโล่งใจ
เหวินเสี่ยวกลอกตา เขาขี้เกียจเกินไปที่จะหักล้างสิ่งที่ ฉูจงฉวนพูดแล้ว
“พวกเจ้าจะไม่หนีไปจริง ๆ เหรอ ?” “นี่มันอันตรายมากนะ” ฮวงเสี่ยวหยวน กล่าวอย่างระมัดระวัง
“ใช่ พวกเขาอันตราย คงจะอันตรายจริง ๆ” ลั่วอู๋กล่าวอย่างเงียบ ๆ
เรือแล่นออกไปเรื่อย ๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาเรือก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ซึ่งพอมองไปรอบข้างก็เต็มไปด้วยน้ำทะเลจนไม่สามารถบอกทิศทางได้เสียแล้ว ไม่มีแม้แต่เกาะเล็ก ๆ หรือโขดหินด้วยซ้ำ
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ ถาม
ทีมทะลวงน้ำแข็งเข้ามาล้อมรอบพรรคพวกลั่วอู๋พร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า จากนั้นพวกเขาก็เริ่มปล่อยลมปราณออกมา
ผู้ใช้พลังวิญญาณ ระดับ เงิน 20 คน
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง 3 คน
หากเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองทั่วไปอาจต้องสั่นกลัวต่อสิ่งนี้
ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากลั่วอู๋
“ขอโทษด้วย แต่ 500 หินวิญญาณสามารถพาพวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้เท่านั้น หากเจ้ายังต้องการเดินทางออกไปในทะเลต่อเจ้าต้องเพิ่มเงิน”
“ไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราตกลงกันก่อนหน้านี้” ลั่วอู๋กล่าว
“ตอนนั้นมันก็ตอนนั้น แต่ตอนนี้ข้าจะขอขึ้นราคา”บอสหวังตะคอกอย่างเย็นชา “ทุกคนต้องจ่ายมาคนล่ะ 100,000 หินวิญญาณ ไม่ก็ลงไปจากเรือของข้าซะเดี๋ยวนี้”
ในทะเลที่ไร้ขอบเขต หากโดดลงจากเรือนอกจากจะต้องลอยคออย่างไร้ทิศทางในทะเลแล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะถูกโจมตีโดยสัตว์วิญญาณใต้ทะเลอีกด้วย
นั่นก็เพราะทะเลเหนือสุดขอบนั้นเต็มไปด้วยสัตว์วิญญาณอันตราย ๆ อยู่นับไม่ถ้วน
“ เจ้าดูไม่เหมือนคนยากจนนี่ หินวิญญาณหนึ่งแสนคงไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเจ้าใช่ไหมล่ะ ?” นัยน์ตาของบอสหวังเต็มไปด้วยความดุร้าย
ไม่น่าแปลกใจที่ฮวงเสี่ยวหยวนเคยบอกว่าทีมทะลวงน้ำแข็งเป็นทีมล่าสัตว์ที่โลภมากที่สุด
ลั่วอู๋ไม่ได้ตอบตกลงไปแต่อย่างใด “มันก็จริงที่เงิน 100,000 แลกกับความสงบสุขนั้นไม่แพงเลย และพวกข้าก็มีเงินไม่น้อยไปกว่าหนึ่งล้านสำหรับแต่ละคน”
ผู้คนในทีมทะลวงน้ำแข็งต่างแสดงสีหน้าอันละโมบเช่นเดียวกับกลุ่มไฮยีน่าพร้อม ๆ กัน แสงสีเขียวจาง ๆ ปรากฏในดวงตาของพวกเขา
คนเหล่านี้ช่างเป็นแกะตัวอ้วนจริง ๆ
คนต่างถิ่นกลุ่มแรก ๆ นั้นขี้เหนียว จนไม่ยอมจ่ายเงินและเลือกที่จะต่อสู้
สุดท้ายคนพวกนั้นจึงต้องตาย ภายใต้การปิดล้อมของพวกเขา
นั่นก็เพราะคนพวกนั้นไม่ยอมจ่ายเงินออกมาจนวินาทีสุดท้าย
“แต่ … ” ลั่วอู๋ตันชะงักและเผยแววตาอันเย็นชาของเขาออกมา “พวกเจ้าสมควรให้พวกเราจ่ายเงินเพื่อซื้อความสงบสุขจริง ๆ งั้นเหรอ?”