ไหปีศาจ - บทที่ 449 พร้อมที่จะตายกันหรือยัง
บทที่ 449 พร้อมที่จะตายกันหรือยัง
บทที่ 449
พร้อมที่จะตายกันหรือยัง
แม้ว่าช้างมังกรทะเลจะไม่ใช่สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงที่น่ากลัว แต่ก็ค่อนข้างยากที่จะรับมือ
มันมีพลังป้องกันที่สูง พร้อมกับพละกำลังที่ยอดเยี่ยม
เมื่อลั่วอู๋เห็นข้อมูลของช้างมังกรเขาก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัว ทักษะเหล่านี้ที่มันครอบครองนั้นดูดีมาก
เขาได้สร้างตราทักษะมานานมากแล้ว
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเขาไม่พบทักษะใด ๆ ที่เหมาะกับ ต้าหวงหรือผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะเลย
นอกจากนี้การลงตรานั้นยังมีข้อจำกัด ตัวอย่างเช่นเขาไม่สามารถทำให้ ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ เรียนรู้การบทสวดมังกรได้ และเขาก็ไม่สามารถให้ต้าหวงเรียนรู้ทักษะรวมพลเทวดาได้
ด้วยที่เงื่อนไขของตัวพวกมันเองไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น
เหวินเสี่ยวที่เห็นช้างมังกรทะเลนั้นตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
จากนั้นก็มีเงาก็พาดผ่านดวงตาของเขาไป
“กรร!”
เสียงคำรามต่ำราวกับเสียงคำรามของมังกรดังขึ้นอย่างช้าๆ ลมและคลื่นทะเลอันน่ากลัวพัดไปทั่ว ผิวน้ำทะเลปั่นป่วนอย่างไร้ความปรานีราวกับว่าคลื่นยักษ์กำลังจะซัดเข้ามาถล่ม
เห็นได้ชัดว่าช้างมังกรทะเลตัวนี้ ไม่ได้เดินผ่านมาเพื่อหาเพื่อน
มันมาด้วยความอาฆาตพยาบาท
“ข้าบอกแล้วว่ามันจะต้องมีสัตว์ประหลาดที่พวกเจ้าไม่สามารถรับมือได้โผล่มา แต่เจ้าไม่ฟังข้า มันก็จบแล้ว มันจบแล้ว” หวังซาน ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ถ้าเจ้าคิดว่ากำลังจะตาย ก็จงหุบปากและตายอย่างเงียบ ๆ ซะ” ลั่วอู๋เหลือบมองเขา
หัวใจของ หวังซาน สั่นไหว
แม้ยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี แต่เขาก็ยังกลัว
ในขณะที่เขากำลังจะตะโกนสาปแช่ง เขาก็ได้เห็นแววตาของพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งหกแสดงพลังวิญญาณอันรุนแรงออกมา เขาจึงกลืนคำพูดสกปรกเข้าไปในทันที
ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย !!
มันเป็นอย่างที่หวังซานคิด พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งหกคนพร้อมที่จะต่อสู้กับมัน
สัตว์วิญญาณทะเลระดับทองขั้นสูง มิติ 4 ตามสามัญสำนึกแล้ว มันไม่มีปัญหาเลยหากจะต้องรับมือกับพวกเขาทั้งหกคน
น่าเสียดาย
ที่พวกเขาทั้งหกคนไม่มีใครสามารถวัดได้ด้วยสามัญสำนึกเลย
พวกเขามาจากสำนักเฉียนหลง เป็นอัจฉริยะแห่งอัจฉริยะ
แม้ช้างมังกรทะเลจะมีมิติวิญญาณ ระดับทองขั้นสูง มิติ 4 แต่มันก็ไม่มีคุณสมบัติที่ให้พวกเขาทั้งหกคนยอมจำนนยอมรับความตายได้
เหวินเสี่ยวกล่าวอย่างรวดเร็ว “การป้องกันของช้างมังกรทะเลนั้นแข็งแกร่งมาก พวกเราไม่จำเป็นต้องพยายามโจมตีทางกายภาพเจาะเข้าไปให้เสียเวลา ความแข็งแกร่งของเราไม่เพียงพอที่จะทำลายการป้องกันของมันได้ ทางที่ดีที่สุดคือการใช้ทักษะที่สามารถโจมตีแก่นวิญญาณได้โดยตรง จมูกของมันอาจจะดูนุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดอ่อน คอที่หนาที่สุดของมันตรงนั้นต่างหากคือจุดอ่อนที่แท้จริง มันเคลื่อนไหวช้ามากและอยู่เฉพาะในน้ำ มันตามพวกเราไม่ทันแน่พวกเราจัดการมันได้”
ลั่วอู๋มองเหวินเสี่ยวด้วยความประหลาดใจ
เขารู้ข้อมูลของมันละเอียดมาก
แต่เขาไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องนี้
“ฮ่าฮ่า มันเป็นเป้าหมายในการฝึกที่ดีเลย เอาล่ะเพื่อนเอ๋ยมาจัดการมันกันเถอะ” ฉูจงฉวน หัวเราะจากนั้นเงาของอาชูร่าหัวสามหัวและแขนหกข้างก็เริ่มปรากฏขึ้นหลังเขา
ใช่ มันเป็นเป้าหมายที่ดีในการฝึกจริงๆ
ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะทำให้พวกเขาสิ้นหวัง และยังมีจุดอ่อนที่ชัดเจน
การต่อสู้จริงมักให้ประสบการณ์ที่ดีเสมอ
ทิวทัศน์นั้นเป็นเพียงแค่ทางผ่าน
หวังซาน และ เซาเสี่ยวเจีย เฝ้าดูทั้งหกคนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ห่อหุ้มร่างกายด้วยพลังวิญญาณแสงหลากสี เข้าต่อสู้กับช้างมังกรในทะเลตรง ๆ
ในขณะที่พวกเขาสองคน ตัวสั่นอยู่หลังดาดฟ้า และก็เริ่มรู้สึกแย่ลงไปอีกเมื่ออยู่มองลงไปที่ชั้นสอง
ลมหายใจมังกรพุ่งไปพร้อมกับระเบิดเปลวไฟหลากชนิด ในขณะที่ดาบอาชูร่าและดาบแห่งวันพิพากษาฟาดฟันเข้าไป ความมืดและแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีอันลึกลับทะยานเข้าใส่ไปรวมกับ กระแสน้ำพิษอันรุนแรง และเงาที่ซ่อนฟาดฟันอยู่ในความมืด
การโจมตีถูกปล่อยออกมาอย่างหลากหลาย
ทะเลเดือดพล่านไปด้วยการต่อสู้อันเดือดดาล
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเอง แต่พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันรุนแรงและน่ากลัวของการต่อสู้
“บ้าไปแล้ว!” ใบหน้าของ หวังซาน เปลี่ยนเป็นสีขาว “อีกฝั่งเป็นสัตว์วิญญาณแห่งท้องทะเลระดับทองขั้นสูงเลยนะ”
เสียงของ เซาเสี่ยวเจีย สั่นและถึงกับเปลี่ยนน้ำเสียงของเขา “เจ้าไปพบกับกลุ่มคนประหลาดนี่ที่ไหนกัน มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกล้าต่อสู้กับสัตว์วิญญาณทะเลระดับทองขั้นสูงเช่นนี้”
“มันจบแล้ว พวกเราตายแน่”
เรือแกว่งอย่างรุนแรงเพราะแรงคลื่น ดูเหมือนว่ามันจะพุ่งเข้าสู่พายุอันรุนแรงและกำลังจะล่ม
เมื่อเวลาผ่านไปการเคลื่อนไหวภายนอกยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท้องฟ้ามืดครึ้ม พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนอันกลัวสะเทือนไปทุกทิศทุกทาง
“เดี๋ยวก่อนนะ ในเมื่อพวกเขาทั้งหกไม่ได้อยู่บนเรือ ดังนั้นก็ไม่มีใครมาคุมพวกเราแล้วสิ” เซาเสี่ยวเจีย ถามขึ้น
หวังซานหันไปมอง “ใช่ ตอนนี้ ไม่มีใครสนใจเราเลย”
อะไรกัน!
แล้วพวกเรามาทำอะไรที่นี่
หนีเร็ว
แม้ว่าเรือจะสั่นสะเทือนมาก แต่มันก็ยังไม่ได้พลิกคว่ำลง ในขณะที่ทั้งหกคนกำลังดึงดูดช้างมังกรทะเล เรือลำนี้ก็ไม่ได้รับความเสียหาย
“ไปกันเถอะ” ทั้งสองคนไม่สนใจความขัดแย้งระหว่างกัน ในขณะนั้นพวกเขาพยายามร่วมมือกันวิ่งไปที่ชั้นสองเพื่อเตรียมการหลบหนี
ทว่าฮวงเสี่ยวหยวน เองก็ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นสองด้วยเช่นกัน เขาเพียงแค่นั่งยอง ๆ อยู่ที่มุมหนึ่งปิดหูของเขา สีหน้าของเขาดูเจ็บปวด การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของเรือทำให้เขาอาเจียนไปหลายครั้ง
ยังไงซะเขาก็เป็นเพียงเด็กอายุสิบเอ็ดปี
เขาจึงได้แต่นั่งยองๆ ตกอยู่ในภวังค์
ความกลัวเป็นเหมือนระเบิดที่กำลังจะระเบิดในหูของเขา
แต่เขาก็ยังมีสติ และได้ยินเสียงดังมาจากห้องโดยสาร
“ ลุกขึ้นมาอย่าหลบหน้า”
“ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ลุกขึ้นมาแล้วแล่นเรือซะ”
“จะรออะไรกันเล่า ตอนนี้ถ้าไม่หนีก็ไม่รอดแล้ว”
คนในทีมล่าสัตว์ยืนขึ้นอย่างไม่มั่นคงจากนั้นพวกเขาก็ทำตามคำสั่งของ หวังซาน และ เซาเสี่ยวเจีย และเตรียมที่จะเคลื่อนเรือ
หัวของ ฮวงเสี่ยวหยวน มึนงง ตอนนี้เขาคิดเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น พวกลั่วอู๋ยังคงอยู่ข้างนอก ถ้าลั่วอู๋ตาย ใครจะคอยปกป้องเขา
ถ้าไม่มีลั่วอู๋ เขาก็ไม่มีทางฟื้นฟู ร้านค้าสีฟางได้นะสิ?
เขาจึงตัดสินใจเลือกหนทางที่ “โง่”ก่อนจะตบตัวเองในวินาทีต่อไป
เขาลุกขึ้นยืนและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะตะโกนว่า “หยุดเถอะ! ถ้าท่านลั่วยังไม่กลับมา ก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ เดินเรือหนี คุกเข่าลงซะ”
หลังจากนั้นเหงื่อเย็น ๆ ก็ไหลออกมาบนหน้าผากของเขา
เพราะคนของทีมล่าสัตว์ต่างกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตามุ่งร้าย
“ไอ้เด็กบ้า เจ้าคิดว่าเขาจะรับผิดชอบชีวิตพวกเราได้เหรอ?”
“ข้าคิดว่าอ้อนตีน และต้องถูกทุบตีสักหน่อย”
“ วันนี้ เจ้าเจ๋งมากเหรอ มาหาข้าสิ”
“อย่าเพิ่งฆ่ามัน แบ่งให้ข้าซ้อมมันด้วย”
ฮวงเสี่ยวหยวน ตื่นตระหนก
เขาเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ เขาไม่สามารถทนต่อการโจมตีของผู้ชายตัวใหญ่เหล่านี้ได้แน่
“เข้าใจผิดแล้ว พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว … ” ฮวงเสี่ยวหยวนพูดอย่างอ่อนแรง
หวังซาน แสยะยิ้ม “เข้าใจผิดงั้นเหรอ ? เจ้าคิดจะวางท่าใช่ไหมล่ะ เจ้ากล้าที่จะหยิ่งผยองเพราะมีเขาอยู่ แต่ตอนนี้ผู้มีพระคุณของเจ้ากำลังจะตายกันหมดแล้ว พวกเราเองก็ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า ถ้าเจ้าชักชวนคนเหล่านี้ไม่ให้ขึ้นเรือของข้าล่ะก็ มันก็คงไม่เป็นแบบนี้ ข้าจะถลกหนังเจ้าซะ”
“บอสหวังข้าผิดเอง” ฮวงเสี่ยวหยวน กล่าวอย่างลนลาน
“มันไม่มีประโยชน์แล้ว เจ้าไปขอโทษสัตว์ประหลาดพวกนั้นที่ก้นทะเลเถอะ”
หวังซาน จับ ฮวงเสี่ยวหยวน ขึ้นเหมือนไก่ เขาพร้อมที่จะตอกสองหมัดออกไปดับลมหายใจของเด็กน้อย แต่ทันใดนั้นเสียงอันเย็นชาก็ดังมาจากข้างนอก
“ ดูเหมือนข้าจะเคยบอกว่า ถ้ามีใครทรยศทุกคนจะต้องถูกฆ่า ด้วยใช่ไหม?”
ลั่วอู๋ทะลุเข้ามาในดาดฟ้าด้วยดาบ เขารีบวิ่งลงมาจากด้านบนทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเลือด ราวกับมีวิญญาณชั่วร้ายอันน่ากลัวในดวงตาของเขา เขาดุร้ายดั่งปีศาจ
เนื่องจากลั่วอู๋นั้นยังไม่ได้สงบลงจากการต่อสู้เมื่อครู่ ทันทีที่เขาได้ยินการเคลื่อนไหวในห้องโดยสารเขาจึงลงมาอย่างรวดเร็ว
แรงกดดันมหาศาลแผ่ไปทั่ว
ฝูงชนต่างสั่นสะท้านด้วยความสยดสยอง
พลังของภูตสงครามแผ่ออกมาอย่างรุนแรง ราวกับว่าเลือดแห่งการต่อสู้ของลั่วอู๋นั้นสามารถแผดเผาทั้งทะเลให้แห้งเหือดได้
แม้จะเห็นได้ชัดว่ามิติวิญญาณของเขานั้นสูงกว่าทั้งหวังซานและเซาเสี่ยวเจียเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามจิตสังหารของเขากลับพุ่งเข้ามาเหมือนกับคลื่นยักษ์ ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความกลัวที่เอ่อล้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“แสดงว่าพวกเจ้าพร้อมที่จะตายกันแล้วใช่ไหม?” ลั่วอู๋พูดเบา ๆ พร้อมแผ่พลังวิญญาณสีแดงสดของดาบระบำแห่งความตายในมือที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ออกมา