ไหปีศาจ - บทที่ 452 เจ้าโหดร้ายมาพอแล้ว
บทที่ 452 เจ้าโหดร้ายมาพอแล้ว
บทที่ 452
เจ้าโหดร้ายมาพอแล้ว
ฮวงเสี่ยวหยวน และผู้คนจากทีมล่าสัตว์ต่างก็ตกตะลึง
พวกเขาไม่คาดคิดว่าหลังจากผ่านพื้นที่ต้องห้าม ผ่านทะเลอันหนาวเหน็บ ไปถึงความลึกอันน่ากลัวในตำนานของทะเลเหนือสุดขอบ จะมีเกาะอยู่
หากมีใครบอกพวกเขาเมื่อเดือนก่อนว่ามีเกาะที่อยู่ลึกลงไปในทะเลเหนือสุดขอบ และมีผู้คนมากมายอาศัยอยู่บนเกาะนี้
พวกเขาไม่มีทางเชื่อแน่
แต่ตอนนี้พวกเขาอดไม่ได้ที่เชื่อ
เพราะข้อเท็จจริงนั้นอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
ในขณะที่เรือแล่นไปอย่างช้าๆ เกาะข้างหน้าพวกเขาก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาค่อยๆเห็นสภาพแวดล้อมบนเกาะ ความตกใจปะทุขึ้นในใจของพวกเขา พร้อมกับความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
มีหอคอยสูงตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางเกาะ ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามมากมาย ล้อมรอบด้วยอาคารสูงสง่า แม้พวกเขาไม่รู้ว่าพวกมันสร้างด้วยวัสดุอะไร แต่แสงจากดวงอาทิตย์ที่สะท้อนออกมานั้นส่องประกายแวววาวราวกับเพชร อาคารต่างไล่เรียงความสูงลงมาราวกับบันไดของหอคอยขนาดใหญ่ ทำให้ผู้คนที่มองเห็นมันตาค้างไปตาม ๆ กัน
ในอาคารที่น่าทึ่งเหล่านั้นมีเสาน้ำที่โผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้าราวกับมันเชื่อมต่อกับท้องฟ้าก่อตัวเป็นเมฆหนาทึบ
มันคงจะสวยงามน่าดูทุกครั้งที่มีฝนตกลงมา
นอกจากนี้ยังมีวิหารสูงตระหง่านสง่างามลอยอยู่เหนือเมฆ มันปรากฏเหมือนดินแดนของเทพเจ้าบนท้องฟ้า ดูลึกลับมาก
ที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่เกาะ
แต่นี่เป็นเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลมากกว่า
ยิ่งเรือแล่นเข้าไปใกล้พวกเขาก็ยิ่งตกใจ พวกเขาพบว่าตัวเองยังไปไม่ถึงเกาะเสียที ทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่าเข้าใกล้มันแล้วแท้ ๆ
สาเหตุที่แม้แต่พวกเขาจะเห็นมันอย่างชัดเจนแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ถึง นั่นก็เพราะว่ามันใหญ่เกินไป
ลั่วอู๋ บินขึ้นไปบนฟ้า มองดูเกาะตรงหน้า เขาคาดได้คร่าว ๆ ว่าเกาะนี้น่าจะมีขนาดอย่างน้อยสิบมณฑล ซึ่งหมายความว่ามันมีพื้นที่ไม่น้อยไปกว่าเมืองหลวงของราชวงศ์มังกรเร้นกาย
“นี่มัน ทวีปใหม่ชัด ๆ” ลั่วอู๋รู้สึกตื่นเต้นอย่างช่วยไม่ได้
เรือแล่นต่อไป
หลังจากผ่านไปสองวันในที่สุดเรือก็ได้เทียบฝั่งของแผ่นดินใหญ่ แต่ทว่ากลับไม่มีท่าเทียบเรือในที่แห่งนี้ บางทีคนข้างในนั้นอาจจะไม่ได้มีนิสัยชอบเที่ยวทะเล
“เยี่ยมมาก ในที่สุด ข้าก็ได้เหยียบแผ่นดินเสียที” ฝูงชนต่างรู้สึกยินดี
ไม่ว่าทะเลเหนือสุดขอบจะอลังการแค่ไหน พวกเขาก็เบื่อที่จะดูมันแล้ว
พวกเขาทุกคนต่างใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนในการเดินทางข้ามทะเลเหนือสุดขอบ
ทว่าทันใดนั้นทะเลก็เริ่มมีคลื่นขนาดใหญ่พัดแรงเข้ามา พร้อมกับเงาดำจำนวนมากที่ปรากฏบนพื้นทะเลเริ่มขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว
เรือของพวกเขากำลังโยกอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีสัตว์วิญญาณทะเลกำลังเข้ามางั้นเหรอ”
“พระเจ้า ทำไมกับ พวกเราเกือบจะถึงบกแล้วแท้ ๆ”
พวกลั่วอู๋ยังปลอดภัยกันดีไม่มีใครเป็นไร พวกเขาต่างพร้อมที่จะต่อสู้ ในขณะที่ผู้คนของทีมล่าสัตว์อยู่ในสภาพหวาดกลัวจะเป็นจะตาย
ตูม!
คลื่นลูกใหญ่ซัดขึ้นมา เผยให้เห็นตัวการที่ปั่นป่วนท้องทะเล
ลั่วอู๋ตกใจเล็กน้อย
เพราะตอนนี้มีช้างมังกรทะเลอีกตัวโผล่มา
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตกใจมากขึ้นไปอีกก็ปรากฏขึ้น ทะเลไหลวนเป็นคลื่นเผยให้เห็นช้างมังกรทะเลทยอยกันโผล่ขึ้นมาจากน้ำ
ลมปราณอันน่าหวาดกลัวของพวกมันปรากฏขึ้นมาทีละตัวราวกับว่าจะพลิกผืนทะเลทั้งมวล ด้วยแรงกดดันมหาศาล
มันเป็นฉากที่งดงาม
เพียงไม่กี่นาทีช้างมังกรทะเลมากกว่า 50 ตัวก็โผล่ขึ้นมาจากทะเล เป้าหมายของพวกมันทั้งดูเหมือนจะเป็นเรือของพวกลั่วอู๋
“มันจบแล้ว พวกเราตายแน่” เราคนของทีมล่าสัตว์ต่างปลงตกชีวิต
หากเป็นช้างมังกรทะเลตัวเดียวก็ยังพอรับได้
แต่นี่มีมากกว่า 50 ตัว?
เกรงว่าหากพวกเขาอยากจะรอดไปจากสถานการณ์นี้ พวกเขาคงต้องเชิญผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรมาเท่านั้น
“กรร!”
ช้างมังกรทะเลที่อยู่ตรงกลางดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำของกลุ่ม ลมปราณของมันรุนแรงมากจนน่ากลัว มันมีมิติวิญญาณสูงระดับทองขั้นสูง มิติ 10
ช้างมังกรทะเลตัวนั้นคำรามขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นช้างมังกรทะเลตัวอื่น ๆ ก็คำรามส่งเสียงสะท้อนไปตาม ๆ กัน
เสียงคำรามอันน่ากลัวของเหล่าช้างมังกรทะเลดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
ช้างมังกรทะเลที่เป็นทาสของพรรคพวกลั่วอู๋ตัวสั่นกลัวอย่างไม่สบายใจ
“เป็นเพราะพวกเรากดขี่ช้างมังกรทะเล ทำให้เราดึงดูดช้างมังกรทะเลตัวอื่น ๆ เข้ามาอย่างนั้นเหรอ?” ใบหน้าของ ลั่วอู๋ จมลง “นี่มันเกินจริงไปสักหน่อย พวกเราจะต้องหนีกันแล้วล่ะ”
“ ก็ต้องหนีอยู่แล้วสิ” คนอื่น ๆ ต่างพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
แม้แต่สาว ๆ ทั้งสามคนยังประหม่า
กรณีนี้วิธีการหนีธรรมดา ๆ ย่อมไร้ประโยชน์
แต่ทันทีที่ลั่วอู๋กำลังจะหยิบเอาหินทะลวงมิติออกมา เหวินเสี่ยวก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องห่วงพวกมันไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าเรา”
เขาหมายความว่ายังไง?
เหวินเสี่ยวเดินออกไปจากนั้นก็ค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงอันเยือกเย็นที่ดังขึ้น “ไม่ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ได้ ท่านนักบุญ”
เสียงของเหล่าช้างมังกรทะเลหยุดลงในชั่วพริบตา
ทันใดนั้นบนหัวของหัวหน้าช้างมังกรทะเลแสงสีเงินก็กะพริบขึ้นในทันใด ทุกคนต่างเห็นว่ามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น
ชายคนนั้นเต็มไปด้วยแสงสีเงินและลมปราณอันศักดิ์สิทธิ์และดวงตาของเขาดูเหมือนกับหยินหยาง เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ ดูไร้ซึ่งความกังวล
เมื่อได้ยินคำพูดของเหวินเสี่ยวชายคนนี้ก็รอยยิ้มเช่นเดียวกับพรพุทธองค์ มือของเขาประสานกัน อย่างสงบ แต่เปี่ยมไปด้วยพลังที่สามารถเขย่าหัวใจของผู้คน
“ข้ารอท่านมานานแล้ว”
“ในฐานะทวารบาลแห่งช้างมังกรทะเล ผู้พิทักษ์แห่งยมโลกทางตอนเหนือ ขอรายงานตัวเพื่อต้อนรับการกลับมาของนายน้อยแห่งวังหลวง”
ชายคนนี้เป็นนักบุญแห่งทะเลเหนือ เขานั้นไร้ซึ่งนามและเรียกตัวเองว่าทวารบาล เขาประจำการที่นี่มานานกว่า 500 ปี
ลั่วอู๋ตกตะลึง
ผู้พิทักษ์แห่งยมโลกทางตอนเหนือ?
ช้างมังกรทะเลมากเหล่านี้เป็นสัตว์วิญญาณที่คอยเฝ้าปกป้องเกาะแห่งนี้งั้นเหรอ?
นี่มันเกินจริงเกินไปแล้ว
นักบุญโบกมือปล่อยให้ช้างมังกรทะเลกระจัดกระจายกลับไปอย่างช้าๆ ราวกับเป็นการต้อนรับการมาถึงของเรือ
เหวินเสี่ยว ค่อยๆก้มลง ทำให้ลั่วอู๋มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
ฉูจงฉวน เลิกคิ้วแล้วถามว่า “นายน้อยแห่งวังหลวง งั้นเหรอ ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงมากนะ เจ้าจะเหนือกว่าข้าราชการระดับสองอีกนะ”
เหวินเสี่ยวไม่สนใจ
“ช้างมังกรทะเลจำนวนมากเหล่านี้เป็นเพียงแค่ผู้พิทักษ์รอบนอกอย่างนั้นเหรอ นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าผู้คุมวังหลวงของเราเสียอีก”องค์หญิงเจียโรวถอนหายใจ
เมืองแห่งทะเลเหนือนี้ ถูกประเมินว่าเป็นประเทศมหาอำนาจในทันที
เหล่าคนจากทีมล่าสัตว์แทบจะร้องไห้ พวกเขาได้รอดพ้นจากหายนะอีกครั้ง ความตื่นเต้นของการโจมตีนั้นน่ากลัวมากจนพวกเขาไม่สามารถทนได้
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็ถาม “เจ้ารู้จักช้างมังกรทะเลพวกนี้มาก่อนสินะ?”
เหวินเสี่ยว มองไปที่ ลั่วอู๋ “ใช่ พวกมันเป็นผู้พิทักษ์พระราชวังเป่ยหมิง มันฟังเพียงแค่คำสั่งของคนจากพระราชวังเป่ยหมิง”
ลั่วอู๋รู้สึกปวดหัว
ไม่แปลกใจเลยที่เหวินเสี่ยวคุ้นเคยกับช้างมังกรทะเล
ไม่แปลกใจเลยที่อารมณ์ของเหวินเสี่ยวในวันนี้แปลกมาก
ไม่แปลกใจเลยที่เขาปล่อยให้ช้างมังกรทะเลมุ่งไปตามใจ
เขาเข้าใจดีนี่เอง
“ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นหมอ” ลั่วอู๋หัวเราะอย่างขมขื่น
เหวินเสี่ยวกล่าวว่า “ช่วยข้าด้วยก็แล้วกัน ถ้าข้าตาย เจ้าเองก็ต้องตายเช่นกัน หากไม่มีข้าพวกเจ้าก็เป็นแค่กลุ่มผู้รุกรานเท่านั้น”
“เจ้าแข็งแกร่งอยู่แล้วนี่” ลั่วอู๋กัดฟัน
คนอื่น ๆ ต่างสับสน
พวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน?
เรือแล่นไปอย่างช้าๆและในที่สุดก็เข้าใกล้ฝั่ง
นักบุญช่วยลากเรือเข้ามา แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไป เขามองไปที่เหวินเสี่ยวด้วยตาที่หรี่ลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจได้ถึงอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถอนหายใจ“ท่านหมกมุ่นเกินไปแล้ว”
“ถ้าเจ้าไม่ยอมสูญเสีย เจ้าก็ไม่อาจยืนขึ้นได้ นั่นคือสิ่งที่เจ้าสอนข้า” อารมณ์ของเหวินเสี่ยวสงบ แต่แววตาของเขากะพริบ “มีช้างมังกรทะเลหายไปหนึ่งตัว”
“ไม่เลวนี่” นักบุญตอบ
“ ซวนหยู่ฮาน?”
“ ไม่รู้สิ”
เหวินหายใจเข้าลึก ๆ “ข้าจะฆ่าเขา”
นักบุญมองไปที่เหวินเสี่ยวด้วยดวงตาอันคุ้นเคยแล้วพูดเบา ๆ “ข้าไม่เคยถามเกี่ยวกับกิจการของพระราชวังเป่ยหมิง”
“ เออ ขอบคุณมากอาจารย์” เหวินเสี่ยวพูดอย่างไม่สุภาพ
แม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งสัญญาว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ในฐานะศิษย์อาจารย์
ทันใดนั้นเงาดำมืดก็ค่อยๆปรากฏขึ้น
มันคือลมปราณแห่งความเหงาและความสิ้นหวัง
“ไม่ว่าจะสว่างแค่ไหนก็ย่อมมีความมืดเสมอ แต่ไม่ว่าจะมืดแค่ไหนก็ย่อมมีร่องรอยของแสงสว่างเสมอ” นักบุญกล่าวอย่างลึกลับแล้วหันกลับไป
เหวินเสี่ยวบินออกไปโดยไม่ได้หันมองกลับไปทางนักบุญ
เป้าหมายของเขาคือวิหารบนท้องฟ้า
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ตามข้ามาเร็ว ถ้าเราช่วยเหวินเสี่ยวไว้ไม่ได้ เรามีปัญหาใหญ่แน่”
คนอื่น ๆ สับสนไม่เข้าใจ
“ช้างมังกรทะเลจะอยู่ปกป้องที่นี่เท่านั้น แล้วเจ้าช้างมังกรทะเลที่เข้ามาทำร้ายพวกเรามันมาได้ยังไงกันล่ะ ?” ลั่วอู๋ ถาม
คำตอบนั้นง่ายมาก มันต้องมาจากที่นี่แน่อยู่แล้ว
องค์หญิงเจียโรวเป็นผู้นำในการตอบ “มีใครต้องการหยุดเหวินเสี่ยวไม่ให้กลับมาสินะ?”
และตามที่คาดไว้พวกเขาต้องเป็นคนของพระราชวัง เป่ยหมิง
อาจจะแค่บางส่วน
“ถูกต้อง อาจจะเป็นผู้มีอำนาจของพระราชวังเป่ยหมิงก็ได้ ยินดีด้วยทุกคน ทันทีที่เรามาถึงที่นี่ พวกเราก็กลายเป็นที่จับตามองของผู้มีอำนาจบางคนเสียแล้ว” ลั่วอู๋ กล่าว
ตอนนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจแล้ว
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเหวินเสี่ยว พวกเขาจะต้องลำบากแน่
นักบุญมองไปที่พวกเขาพลางกระซิบ “พวกเจ้าเป็นเพื่อนของเหวินเสี่ยวใช่ไหม ? ข้าจะส่งพวกเจ้าเข้าไปเอง”
แสงสีเงินริบหรี่ส่องสว่างขึ้นมาจากนั้นก็มีเมฆลอยขึ้นมาใต้เท้าของนักบุญ ซึ่งทำให้ร่างของพรรคพวกลั่วอู๋ลอยขึ้นไปในอากาศ