ไหปีศาจ - บทที่ 460 ความเข้าใจโดยปริยาย
บทที่ 460 ความเข้าใจโดยปริยาย
บทที่ 460
ความเข้าใจโดยปริยาย
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วพระราชวังเป่ยหมิงอย่างรวดเร็ว
นายน้อยแห่งวังหลวงทั้งเจ็ดตายหมดแล้ว ข่าวนี้เป็นดั่งแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ พวกเขาไม่สามารถซ่อนมันเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามการที่ผู้ปกครองสูงสุดยังคงอยู่ ที่นี่จึงไม่มีคลื่นลูกใหญ่อะไร
แต่คลื่นใต้น้ำก็ยังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หลาย ๆ คนได้เข้าหา เหวินเสี่ยวเพื่อแสดงความคิดที่จะเข้าร่วมกับเขา แต่พวกเขาก็ถูกเหวินเสี่ยวปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี เขาไม่สนใจที่จะเรียกใช้พลังของใครนอกจากตนเอง
วันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจนผู้คนเหนื่อยล้า แม้ว่าจะพระราชวังเป่ยหมิงจะยิ่งใหญ่ เคร่งขรึม มีรูปแบบที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์สวยงามจนไม่อาจสามารถพบเห็นได้ที่อื่น แต่พวกลั่วอู๋ก็ไม่ได้สนใจที่จะชมทิวทัศน์ของที่นี่อีกต่อไปแล้ว พวกเขาเลือกที่จะกลับไปยังห้องพักและพักผ่อนให้เต็มที่
มันดึกมากแล้ว
ลั่วอู๋ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม แล้วจึงตื่นขึ้นมา
การนอนหลับนั้นยังคงมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะความเหนื่อยล้าทางจิตใจ ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถพึ่งพาวัตถุพลังวิญญาณภายนอกเพื่อบรรเทากันได้ง่าย ๆ แม้ว่าการทำสมาธิจะสามารถทดแทนการนอนหลับได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ข้างนอกหน้าต่างมีเพียงแค่ความเงียบงัน
แต่แล้วในขณะที่ลั่วอู๋กำลังจะเข้าสู่มิติไหก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ใครกัน? ที่เข้ามาเคาะประตูกลางดึกแบบนี้
หลี่หยินงั้นเหรอ?
ลั่วอู๋เปิดประตู แต่เขาก็พบว่าอีกฝ่ายคือองค์หญิงเจียโรว นางสวมเสื้อคลุมขนปุยสีขาว แต่งหน้ามาอย่างสวยงาม ดูเหมือนว่านางพยายามแต่งหน้าเพื่อปกปิดความเหนื่อยล้าในดวงตาของนาง เหลือให้เห็นเพียงแค่ความรู้สึกอันละเอียดที่สว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางแสงจันทร์
เช่นเดียวกับแสงจันทร์สีขาวที่ไม่เคยหายไปในใจของนาง
“ข้าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างในห้องของเจ้า ข้าเลยเดาว่าเจ้าน่าจะตื่นแล้ว ข้าไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าเท่าไหร่นัก” องค์หญิงเจียโรว กล่าวด้วยเสียงต่ำ
ขนตาของนางสั่นเล็กน้อยราวกับว่านางกำลังเสียใจมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋เห็นองค์หญิงเจียโรวแบบนี้ นางดูอ่อนโยนมากจนดูน่าทึ่ง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร
ในความทรงจำของเขา องค์หญิงเจียโรว เป็นหญิงสาวที่มีชีวิตชีวา เป็นคนอบอุ่นใจกว้าง มีหลักการเสมอในการทำสิ่งต่างๆ แต่ในบางครั้งนางก็มักจะเอะอะและเอาแต่ใจ
วันนี้เองที่ ลั่วอู๋ ได้เห็นอีกด้านหนึ่งของ องค์หญิงเจียโรว ที่น้อยคนจะรู้
“ไม่หรอก ข้าเพิ่งตื่นน่ะ” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย “เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า เจ้าดูกังวลมาก พักผ่อนไม่พองั้นเหรอ?”
“นั่นมันก็ใช่อยู่หรอก เพราะงั้นข้าเลยออกมาเดินเล่น และบังเอิญได้ยินเสียงในห้องของเจ้าเข้าน่ะ” องค์หญิงเจียโรว หัวเราะจากนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ออกมากับข้าหน่อยสิ”
“อืม ” ลั่วอู๋พยักหน้า
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงออกไปเดินเล่นในสวนเล็ก ๆ ที่ลานกว้าง
ที่ตรงนี้เป็นเชิงเขา ทางลาดกรวดเรียบ ๆ ด้านหน้ามีศาลาเล็ก ๆ กระจัดกระจายไปด้วย โขดหินสองสามแห่งและสระน้ำขนาดเล็ก
แสงจันทร์ตกกระทบเข้ากับสวนและสระน้ำส่องแสงสีเงินอ่อน ๆ เผยให้เห็นความสวยงามในความเงียบสงบ
รอบ ๆ มันเงียบ
องค์หญิงเจียโรว ก้มหัวลงและหยุดเดิน ราวกับว่านางมีอะไรจะพูด
“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้ … ” องค์หญิงเจียโรว ลังเลสักครู่ขณะพูด “ท่าทางก่อนหน้านี้ในตอนนั้นที่พวกเราโดนล้อม มันหมายความว่ายังไง ข้าไม่เข้าใจ”
ลั่วอู๋ตะลึง
ในตอนนั้น เขาได้ทำท่าทางสบาย ๆ ออกมา
สถานการณ์ในช่วงเวลานั้นมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงจำนวนมากจ้องมองพวกเขาอยู่ หากใช้พลังวิญญาณในการสื่อสารก็คงจะถูกจับได้ในทันที มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้สัญญาณตกลงอะไรกันล่วงหน้า
“ตามข้ามา ประมาณนั้นล่ะมั้ง” ลั่วอู๋เองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ “อันที่จริงมันไม่ได้มีความหมายเฉพาะเจาะจง เพราะในเวลานั้นสถานการณ์มันเร่งด่วน ข้าเลยทำท่าทางไปแบบสุ่ม”
องค์หญิงเจียโรว ถอนหายใจด้วยความหดหู่ใจ ใบหน้าของนางดูยุ่งเหยิง “เจ้าต้องการคนสนับสนุน ? เพราะแบบนั้น หลี่หยิน กับ ฉูจงฉวน เลยเข้าใจงั้นเหรอ”
“ หลี่หยินเติบโตมาพร้อมกับข้าตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นนางจึงสามารถเดาได้ว่าข้าคิดอย่างไร” ลั่วอู๋ กล่าว
“แล้ว ฉูจงฉวน ล่ะ?”
“ข้าต่อสู้ด้วยกันกับเขามาหลายครั้งแล้ว เขาเลยเข้าใจข้าโดยปริยาย มันเป็นเรื่องปกติมาก ฉูจงฉวน ไม่ได้โง่เขลาอย่างที่เห็น เขามีความคิดระดับเดียวกันกับข้า”
ดวงตาของ องค์หญิงเจียโรว เบิกกว้างต่อหน้าชายหนุ่มผมสีเงินตรงหน้านาง
“ เพราะเหตุผลแค่นั้นเองเหรอ?”
“เพราะเหตุผลแค่นั้นทำไม?” ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ
องค์หญิงเจียโรว กะพริบตา อารมณ์ของนางดูเหมือนจะดีขึ้นมาก “ข้าคิดว่าพวกเจ้าตั้งรหัสลับกันไว้โดยไม่ได้บอกข้าเสียอีก”
“ข้าจะมีเรื่องแปลก ๆ แบบนั้น ได้อย่างไรกันเล่า … ”
องค์หญิงเจียโรว มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ท้องฟ้ายามค่ำคืน ของทะเลเหนืออันปลอดโปร่ง ใบหน้าของนางดูมีความสุขอย่างชัดเจน
“ข้าอิจฉาความสัมพันธ์ของพวกเจ้า” องค์หญิงเจียโรว เม้มริมฝีปากและพูดอย่างกะทันหัน
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “ฉูจงฉวน นี่มีอะไรให้อิจฉางั้นเหรอ”
“ไม่ใช่!” องค์หญิงเจียโรว ปิดปากของนางและเริ่มหัวเราะ ดอกไม้โดยรอบสั่นสะท้านไปพร้อมกับเสียงหัวเราะของนาง “เจ้าเป็นคนงี่เง่าเหลือเกิน มันแน่อยู่แล้วสิว่า ข้าต้องอิจฉาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับหลี่หยิน”
ลั่วอู๋ ยิ้ม “ข้าเติบโตมากับหลี่หยินตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ แน่นอนสิ ว่าพวกเราต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี”
องค์หญิงเจียโรว เงียบลง
ทันใดนั้นทั่วทั้งสวนน้อยก็เงียบสงบลงเช่นกัน
ดูเหมือนจะมีบรรยากาศแปลก ๆ บางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึง ฉากทั้งหมดในการได้พบกับองค์หญิงเจียโรว เขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ในใจ
เขารู้สึกยังไงกับองค์หญิงเจียโรวกันแน่?
ลั่วอู๋น่าจะมีความรู้สึกบางอย่างกับนางจริง ๆ เพราะเขารู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ด้วยกันกับนาง นอกจากนี้ องค์หญิง เจียโรวเองก็สวยงามมาก ทั้งรูปร่างอารมณ์และตัวตนของนางล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด มันยากที่จะทำให้นางผิดหวัง
ส่วนการอยู่กับหลี่หยินเองให้ความรู้สึกสบายใจเช่นกัน เพราะเมื่ออยู่ด้วยกับหลี่หยินเขารู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ราวกับว่า ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนกับนางก็จะได้รับความสะดวกสบายทางจิตวิญญาณ
ผู้หญิงทั้งสองคนต่างสำคัญกับเขา คนหนึ่งเป็นแสงจันทร์สีขาว ส่วนอีกคนคือแสงไฟอันอบอุ่น
ทันใดนั้น องค์หญิงเจียโรว ก็วิ่งเหยาะๆอย่างมีความสุขวิ่งไปที่ศาลาเล็ก ๆ ในสวน นางนั่งลงแล้วโบกมือให้ ลั่วอู๋ “มาที่นี่หน่อยสิ”
“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วอู๋เดินเข้าไปหา
“นั่งลงสิ”
“อืม”
“ฮิฮิ ให้ข้ายืมไหล่เจ้าหน่อยนะ” องค์หญิงเจียโรว วางหัวของนางบนไหล่ของ ลั่วอู๋ และฮึดฮัด “ไหล่ของเจ้าแข็งมาก”
ลั่วอู๋ อาย “เจ้าอยากได้เบาะแทนไหม”
“ไม่จำเป็นหรอก … ” ทันใดนั้นเสียงของ องค์หญิงเจียโรว ก็เบาลง ลมหายใจของนางเองก็ค่อยๆสงบลง
นางผล็อยหลับไป
ดูเหมือนว่านางจะง่วงนอนจนหลับไปเอง
ที่จริงนางไม่ได้พักผ่อนไม่ใช่เพราะนอนไม่หลับเพราะเครียด แต่เป็นเพราะกังวล จนตอนนี้เมื่อนางรู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ได้ ความง่วงนอนของนางก็กลับมาทันที
“กลับไปที่ห้องกันเถอะ” ลั่วอู๋ขยับตัวเล็กน้อย
องค์หญิงเจียโรว ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง
“ข.. ขอโทษ” ลั่วอู๋กล่าวอย่างรวดเร็ว
องค์หญิงเจียโรว ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำขอโทษ นางเพียงแต่รู้สึกงุนงงและพูดราวกับอยู่ในความฝัน “พาข้าไปกับเจ้าด้วยนะ ในอนาคตข้าเองก็อยากจะไปกับเจ้า เจ้าสัญญาแล้วนี่นา”
จากนั้นนางก็หลับตาลงอีกครั้ง
นางเผลอหลับไปอีกรอบ
ดูเหมือนว่าสิ่งที่นาง เพิ่งพูดไปจะเกี่ยวกับในความฝันของนาง
ลั่วอู๋ หัวเราะและโบกมือรับ องค์หญิงเจียโรว เข้าไปในมิติไห ซึ่งมีความเสถียรมากกว่า เพราะมันยากที่จะปลุกนางในสภาพนี้
อย่างที่ลั่วอู๋เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เขาจะเล่าเรื่องของไหปีศาจให้นางฟัง
ซึ่งแน่นอนว่าด้วยวิธีการนี้แหละ
ลั่วอู๋ ตามเข้าไปในมิติไหแล้วอุ้มองค์หญิงเจียโรวไปวางไว้ในห้องเล็ก ๆ อันเงียบสงบ จากนั้นก็กลับออกไป
จากที่เขาคำนวณไว้ เวลาที่ผ่านมาเกือบสองเดือนของภายนอก ในมิติไหนั้นผ่านมาได้ครึ่งปีแล้ว
มันจึงไม่แปลกเท่าไหร่ที่กลุ่มนักเล่นแร่แปรธาตุในมิติไห จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่โลกข้างนอก