ไหปีศาจ - บทที่ 469 สิ้นสุดการเตรียมการ
บทที่ 469 สิ้นสุดการเตรียมการ
บทที่ 469
สิ้นสุดการเตรียมการ
การฆ่านายน้อยแห่งวังหลวงของพระราชวังเป่ยหมิงนั้นถือเป็นคดีใหญ่ พวกเขาจะต้องถูกคนของพระราชวังเป่ยหมิงตามล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทว่าเขากลับพูดบอกเรื่องนี้กับชายคนคน นี้ออกมาตรง ๆ
“เจ้าถูกทางพระราชวังหมายหัว เจ้ามาบอกเรื่องนี้กับข้า แล้วแบบนี้ข้าจะไม่ถูกหมายหัวไปด้วยหรอกหรือ” ชายอ้วนพยายามทำใจให้เย็นลง
ลั่วอู๋ดูเหมือนจะมองทะลุความคิดของชายอ้วนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวลไป พระราชวังยังไม่พร้อมที่จะฆ่าข้าหรอก ไม่งั้นข้าก็คงไม่กล้ามาอยู่ที่นี่แน่”
ชายอ้วนก็เช่นกัน
นั่นสินะ
หากโดนพระราชวังหมายหัว แล้วจะกล้าอยู่ในที่เดิม ๆ นานขนาดนี้ได้อย่างไร
แถมพระราชวังเป่ยหมิงทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพระราชวัง
ชายอ้วนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และตกลงสู่ความชื่นชมในตัวลั่วอู๋ทันที “นายท่าน ท่านเป็นใครท่านมาจากพระราชวังหรือ? เป็นลูกนอกสมรสของผู้ปกครองสูงสุดรึเปล่า?”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่า” ลั่วอู๋กลอกตาของเขา “ยังไงก็เถอะ เจ้าต้องการวิธีสกัดหินสีครามมากใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ” ชายอ้วนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ลั่วอู๋คิดอยู่พักหนึ่ง “ข้าสามารถแนะนำเจ้ากับนายน้อยแห่งวังหลวงได้ ข้าให้สัญญาเลยว่าเขาจะต้องได้เป็นผู้ปกครองสูงสุดคนต่อไปอย่างแน่นอน และข้าจะพยายามช่วยให้ตระกูลของเจ้าได้วิธีการสกัดมัน”
“ท่านต้องการอะไร?” ชายอ้วนถามอย่างระมัดระวัง
เขารู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรี
“ข้าชอบร่วมงานกับคนฉลาด” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลหรอก มันจะไม่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของตระกูลเจ้า ข้าเองก็เพิ่งเปิดร้านได้ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลของเจ้า”
“มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก” ใบหน้าของชายอ้วนแสดงความดีใจ
ฮวงเสี่ยวหยวนเดินตามเข้ามาพลางบันทึกข้อมูลลงในสมุดเล่มเล็กของตัวเองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเปิดร้านในอนาคตทั้งหมด
ในอนาคตจะมีสถานีจัดซื้อในพระราชวังเป่ยหมิง จากนั้นสิ่งของต่าง ๆ จากพระราชวังเป่ยหมิงก็จะถูกส่งไปยังร้านค้าสีฟางในมณฑลเสิ่นชุนผ่านช่องมิติ และฮวงเสี่ยวหยวนจะจัดการธุรกิจนั้นต่อ
“นายท่าน ทำไมท่านถึงอยากกลับไปตอนนี้ล่ะ?” ชายอ้วนสอบถามอย่างระวัง
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ไม่ใช่ตอนนี้หรอก ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ”
เขามีปัญหาที่ต้องไปแก้ไข นั่นก็คือการรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้นเขาก็จะไม่มีทางอื่นนอกจากหนีหัวซุกหัวซุนเอาตัวรอด
“ได้เลย” ชายอ้วนสงบอารมณ์ลงแล้วถาม “นายท่าน ท่านจะแน่ใจได้อย่างไรว่านายน้อยแห่งวังหลวงที่ท่านแนะนำจะได้กลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดคนต่อไปน่ะ?”
ลั่วอู๋หัวเราะ “ก็นายน้อยคนอื่น ๆ ตายหมดแล้วน่ะสิ เขาเป็นคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ ตามหลักแล้วเขาจะกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดคนต่อไป”
ชายอ้วนตะลึงอีกครั้ง
เขารู้สึกตกใจมากกับข่าวนี้
……
……
หลังจากวันที่วุ่นวาย ลั่วอู๋ก็กลับไปที่พระราชวัง
แม้ว่าหลายคนในพระราชวังจะมองเขาด้วยสายตามุ่งร้าย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเกินไป เพราะพวกเขาไม่กล้าที่จะยั่วโมโหลั่วอู๋
คำสั่งของผู้ปกครองสูงสุดนั้นยังคงมีผลอยู่
พวกสาว ๆ ทั้งสามคนที่ไปซื้อของและฉูจงฉวนที่ไปหาสาวงามเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน
พวกนางซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นเปลือกหอยงานแกะสลัก หินหลิงฉวน ฟอสซิลใต้ทะเลลึกและอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงขนมขึ้นชื่อ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นกลับมาด้วย
ฉูจงฉวนเองก็ได้ไปเที่ยวมา เขาดูพอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดจากรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
การได้ชื่นชมสาวงามท้องถิ่นที่แตกต่างกันออกไปเป็นความสุขของเขา
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเขาก็จะถูกมองว่าเป็นนักท่องเที่ยวโดยสิ้นเชิง พวกเขาจึงได้ไปเยี่ยมชมพระราชวังเป่ยหมิงกันอย่างอิ่มเอม มันช่างเป็นทวีปใหม่เอี่ยมอันน่าดึงดูด
นอกเหนือจากการออกไปเดินเล่นแล้ว ลั่วอู๋ก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในมิติไหและศึกษาหนังสือที่คัดลอกมาจากหอสมุด
สมแล้วที่พระราชวังเป่ยหมิงมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่นี่นั้นมีหนังสือโบราณอยู่มากมาย
น่าแปลกที่คฤหาสน์สุตราในสำนักเฉียนหลงนั้น ไม่ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับทะเลเหนือสุดขอบเท่าไหร่ ต่างจากบันทึกต่าง ๆของที่นี่โดยสิ้นเชิง
ลั่วอู๋นั้นได้เข้าใจประวัติศาสตร์มืดมากขึ้น
8000 กว่าปีก่อน พระราชวังเป่ยหมิงได้ถูกก่อตั้งขึ้นแยกออกจากแผ่นดินใหญ่ แม้ว่าจะไม่มีเหตุผลชัดเจนว่าเหตุใดพวกเขาถึงมาตั้งสาขาแยกในที่นี้ อย่างไรก็ตามลั่วอู๋ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติในแผ่นดินใหญ่และรวมถึงภูตไหเองก็ด้วย
พระราชวังเป่ยหมิงทั้งหมดเชื่อมโยงกับการดำรงอยู่ของสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ การดำรงอยู่ของพระราชวังเป่ยหมิงจึงขึ้นอยู่กับการปกป้องสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าด้วยเช่นกัน
เฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ในการล้างบาปของสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมสำนักพระราชวังได้
ว่ากันว่าหลังจากการล้างบาปของสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณแห่งท้องทะเลได้ดีขึ้น แต่ถ้าหากละทิ้งพระราชวังไปก็จะถูกปฏิเสธอย่างรุนแรงเช่นกัน
“แปลกจริง สัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านั่นหมายถึงตัวอะไรกันแน่” ลั่วอู๋เปิดหนังสือโบราณ แต่ก็ไม่พบข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เลย ลั่วอู๋ถามเหวินเสี่ยว แต่ เหวินเสี่ยวก็บอกเขาว่าเรื่องราวของสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสิ่งต้องห้าม
อย่างไรก็ตามหนังสือโบราณทั้งหมดต่างก็ได้มีข้อความสำคัญตรงกันเป็นเสียงเดียวว่า
เมื่อใดที่สัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีปัญหา พระราชวัง เป่ยหมิงทั้งหมดจะถูกทำลาย
“เป็นเพราะมีสัตว์วิญญาณที่อันตรายมากมายเกินไปในทะเล และหากปราศจากสัตว์วิญญาณ ก็จะถูกโจมตีโดยสัตว์วิญญาณจำนวนมาก?” ลั่วอู๋เดา
มันคือสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิ?
ลั่วอู๋สะดุ้งในใจ
ไม่สิผู้บัญชาการหลิงหลงเคยกล่าวไว้ว่าการกำเนิดของสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิใด ๆ ย่อมทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่ส่งผลกระทบต่อทั้งทวีป
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเรื่องของมันในบันทึกโบราณ
เว้นแต่สัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ จะมีชีวิตอยู่มานานกว่าช่วงเวลาของอารยธรรมมนุษย์!
สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้คือมันเป็นสัตว์วิญญาณระดับเพชรขั้นสูงสุด
ชีวิตของสัตว์วิญญาณช่างน่าอิจฉาจริง ๆ สัตว์วิญญาณบางชนิดนั้นเกิดมาพร้อมกับชีวิตอันยืนยาว สามารถอยู่ได้หลายหมื่นปี ซึ่งยาวนานกว่าชีวิตของมนุษย์มาก
เนื่องจากความแข็งแกร่งที่มากเกินไป แถมยังต้องรองรับพลังวิญญาณของสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังถึงหกตัวในร่างกาย ดังนั้นผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีพลังระดับจักรพรรดิ จึงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเท่า
หากยกเลิกพันธสัญญาวิญญาณอย่างถูกวิธี ชีวิตของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิก็จะยืดยาวออกไปมาก อาจจะถึงหมื่น ๆ ปี เช่นเดียวกับสัตว์วิญญาณ
แต่มีน้อยคนที่จะอยากเป็นแบบนั้น
ผู้ที่สามารถไปถึงระดับจักรพรรดิได้มักจะมีจิตใจที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การตัดพันธสัญญาและตัดความแข็งแกร่งของตัวเองออกไปเพียงเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ในโลก พวกเขาคงไม่ต้องการเช่นนั้น
พวกเขาอยากจะเผชิญหน้ากับความตายในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุด
เมื่ออายุแก่นวิญญาณกำลังจะหมดลง เหล่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิในประวัติศาสตร์ก็มักเลือกที่จะออกจากแผ่นดินใหญ่ ไปยังต่างถิ่นเพื่อแสวงหาโอกาส
ลั่วอู๋มองไปที่สำเนา
เขาได้เห็นสิ่งที่เหวินเสี่ยวบอกไว้ บันทึกที่ทิ้งไว้โดยราชาหมอกซานเหริน
มันกล่าวถึงภูตไห และพรรณนาถึงปลาคาร์ฟที่ภูตไหได้ทำให้มันทวนกระแสข้ามประตูมังกร รับการล้างบาปแห่งสายฟ้ากลายร่างเป็นมังกรแก่นวิญญาณได้
ราวกับว่าเขากำลังอ่านหนังสือแห่งสวรรค์ วิวัฒนาการที่เกินจริงที่สุดในประวัติศาสตร์
มันน่าทึ่งมากที่สัตว์ทั่ว ๆ ไป สามารถกลายเป็นสัตว์วิญญาณระดับเพชรได้โดยตรง กลายเป็นได้แม้กระทั่งระดับจักรพรรดิ
นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีบันทึกใด ๆ เกี่ยวกับภูตไหอีก
“ตอนนี้ข้าไม่รู้เลยว่า เรื่องไหนเกี่ยวกับภูตไห เป็นเรื่องจริงบ้าง?” ลั่วอู๋กล่าวอย่างลับๆ
บางทีคนที่รู้ความจริงอาจจะตายไปแล้ว
สิบวันผ่านไป
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะได้เห็นสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ เสียที
“เตรียมตัวซะ” เหวินเสี่ยวมาที่ตำหนักที่ลั่วอู๋อาศัยอยู่ พลางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “หวังว่าเจ้าจะทำสำเร็จไม่งั้นข้าจะ…”
“ข้าจะฆ่าเจ้า?” ลั่วอู๋ตอบกลับ
เหวินเสี่ยวหัวเราะในคอ “รู้ไว้ก็ดี”