ไหปีศาจ - บทที่ 476 หนึ่งเดือนต่อมา
บทที่ 476 หนึ่งเดือนต่อมา
บทที่ 476
หนึ่งเดือนต่อมา
ดาบต้านสวรรค์เป็นดาบที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดาดาบในตำนานทั้งสิบของโบราณกาล
ดาบเสมือนต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ ต่างมีจุดด่างดำของพลังวิญญาณอันยุ่งเหยิงเพียงจุดเดียว
ลั่วอู๋จึงเดาได้ว่ามันเป็นฝีมือของราชาหมอกซานเหรินที่บังเอิญได้ดาบนี้มา และใช้มันเป็นแก่นของผนึก แยกเงาเสมือนของดาบออกมา 17 เล่ม เพื่อสยบ คุน เอาไว้
ตามหลักเหตุผลแล้ว ยิ่งแก่นของผนึกแข็งแกร่งเท่าไหร่ พลังของผนึกก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้เป็นตัวอธิบายได้ว่าทำไม คุน สัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิอันทรงพลังจึงถูกผนึกลงได้
ลั่วอู๋เดินมาที่ดาบต้านสวรรค์อีกครั้ง รูปลักษณ์ของมันดูเรียบง่าย ไร้การปรุงแต่งใด ๆ ลมปราณของมันทรงพลัง จนเขาไม่รู้ว่ามันจะวิเศษแค่ไหน หากสามารถเอามันออกมาใช้ได้จริงๆ
“ชำระล้างบาป”
ลั่วอู๋ชี้นิ้วไปที่ดาบ
พลังวิญญาณอันยุ่งเหยิงที่เป็นดั่งจุดด่างบนดาบต้านสวรรค์ถูกล้างออกไปอีกครั้ง
ยี่สิบวันต่อมาพลังวิญญาณหนึ่งในสิบของจุดด่างดำก็ได้ถูกชำระล้างออกไป
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนาน
หลังจากชำระล้างบาปไปแล้ว ลั่วอู๋ ยังคงมีพลังวิญญาณเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง เพราะเขาได้รับน้ำในสระสีทองหนึ่งหยดเข้ามาในมิติไหทุกวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักสูตรภาคบังคับของเขา
ลั่วอู๋ได้ค้นพบสิ่งหนึ่ง
เมื่อตอนที่เขาพยายามเอาน้ำในสระสีทองออกไป ความแข็งแกร่งทางแก่นวิญญาณของเขาเองก็จะสงบขึ้น และมีร่องรอยของการเติบโตอย่างช้า ๆ
แม้ว่าการเติบโตจะเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่ก็เป็นวิธีที่ดีในการแข็งแกร่งขึ้น
ทว่าในวันนี้มันแตกต่างออกไป
เพราะคุนได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้เจตจำนงของมันชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าเป็นใคร?”
ลั่วอู๋แปลกใจเล็กน้อย
พวกเขาพบกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ทำไมมันถึงถามคำถามนี้กับเขาอีก
ความคิดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในใจของลั่วอู๋ จากนั้นลั่วอู๋ก็พูดออกมาอย่างชอบธรรม “ข้าเป็นคนใจดีที่มาช่วยเจ้ายังไงล่ะ”
คุนรู้สึกมึนงงกับคำตอบนี้อย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่ามันจะกำลังหลับ แต่ก็ยังไม่ได้หมดสติโดนสมบูรณ์ มันรู้ว่ามันถูกผนึกลงโดยฝีมือของมนุษย์ ในมุมมองของมันแล้ว มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นศัตรู
แต่ตอนนี้กลับมีชายคนหนึ่งบอกว่าจะช่วยมัน
แต่สิ่งที่เขาคนนี้ทำก็ดีสำหรับตัวมันจริงๆ
การกระทำของลั่วอู๋น่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนบางอย่าง ถ้าเขาไม่ได้เชี่ยวชาญในการใช้พลังวิญญาณบางอย่าง เขาคงไม่สามารถทำให้คุนตื่นขึ้นมาเช่นนี้ได้
“เจ้าคือผู้ที่มนุษย์ส่งมาสินะ” เสียงของคุนดังขึ้นมาอีกครั้ง
ลั่วอู๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง “แม้ว่าข้าจะถูกส่งมาโดยพวกเขา แต่ข้าเลือกที่จะอยู่ข้างเจ้ามากกว่า มนุษย์พวกนั้นโหดร้ายมากเสียจน ข้าอยากจะเปิดศึกกับพวกเขา”
“ ……”
คุนเงียบไป
จิตใจของมนุษย์คนนี้ ทำให้มันไม่รู้จะตอบสนองกลับไปอย่างไร
บางทีมันอาจจะนอนหลับนานเกินไป จนสติยังไม่ชัดเจนมากนัก
เมื่อเห็นคุนไม่ตอบสนองลั่วอู๋ก็โล่งใจ
ไม่เลวอย่างน้อย มันก็ยังไม่โกรธ
ด้วยที่มันโดนผนึกโดยมนุษย์ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคุนถึงเกลียดมนุษย์
อย่างไรก็ตามลั่วอู๋ได้ใช้พลังวิญญาณของมันอย่างลับ ๆ เขาจึงกังวลกับความโกรธของอีกฝ่าย
ท้ายที่สุดแล้วที่นี่คือภายในร่างกายของคุน ไม่มีใครรู้ว่ามันจะมีวิธีพิเศษอะไร ในการจัดการกับสิ่งที่อยู่ในตัวมันหรือไม่
“ขอบใจ … ” เสียงของคุนดังขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“ไม่เป็นไรน่า” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
“ พลังของผนึกอ่อนแอลงกว่าเดิมมาก แต่ข้าก็ยังไม่สามารถต้านทานมันได้ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าทำอะไรลงไป แต่ช่วยทำต่อไปด้วย” เสียงของคุนอ่อนแอลงอีกครั้ง “ ถ้าเจ้าสามารถทำให้ผนึกกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ และช่วยให้ข้ารอดพ้นวิกฤตจากการถูกฆ่าโดยมัน ข้าจะมอบของขวัญให้แก่เจ้า”
พูดจบคุนก็หลับลงไปอีกครั้ง
ดูเหมือนว่ามันจะตื่นขึ้นมาได้เพียงครั้งเดียว มันจึงไม่สามารถพูดอะไรต่อได้
เมื่อได้ยินคำว่าของขวัญ ลั่วอู๋ ก็รู้สึกดีใจ
“ลาภที่ไม่คาดคิด”
ไม่ว่าในกรณีใด เขาก็ควรจะเปลี่ยนผนึกให้กลับคืนสู่สภาพเดิม เพราะนี่ไม่ใช่ของขวัญเปล่า ๆ แต่เป็นของขวัญจากคุน
ลั่วอู๋ดีใจมากและดวงตาของเขามองลงไปที่สระน้ำสีทอง
คุนไม่ได้บอกว่าห้ามใช้น้ำในสระทองนี้
และเขาเองก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ใช้มันเช่นกัน
“แค่ได้ใช้สระน้ำที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณนี่ ต่อให้เจ้าไม่ต้องให้อะไรข้าก็ไม่มีปัญหาหรอก”
เมื่อครุ่นคิดเรียบร้อยแล้ว ลั่วอู๋ ก็เก็บน้ำในสระทองคำต่อ
……
……
สิบวันที่ผ่านมานี้เป็นเรื่องยากมากสำหรับ ฉีโปจิง
แม้ว่าเขาจะออกคำสั่งให้ผู้รักษาความสงบทั้งหมดออกตรวจตรา และขึ้นรางวัลนำจับเชิญกองกำลังต่าง ๆ จากตระกูลใหญ่ของพระราชวังเป่ยหมิง มาร่วมกันจับกุม “ผู้ลี้ภัย” แต่เขาก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย
เหล่าสหายของลั่วอู๋หายไปเหมือนระเหยเลือนไปจากโลก
หัวใจของฉีโปจิงเริ่มเย็นลงด้วยความกลัว
ในวันนี้ ผู้คนทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่วิหารเฉิงหยวน
ทั้งผู้ปกครองสูงสุด รองผู้ปกครองสูงสุดทั้งสองคน ผู้อาวุโสระดับสูงเจ็ดคน ผู้อาวุโสหลายสิบคน ผู้คุ้มกันหลายร้อยคน เจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับสูง เกือบทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่นี่
“ เจ้าเจอพวกเขาแล้วงั้นเหรอ ?” จูกู่เฉิง ถามอย่างไม่แยแส
ฉีโปจิง ส่ายหัวด้วยความกลัว “ไม่ขอรับ”
“งั้นเตรียมตัวรับโทษของเจ้าซะ” น้ำเสียงของจูกู่เฉิงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งที่อยู่มานานหมื่นปี
ความสิ้นหวัง และอาการเสียขวัญ เขารุมล้อมฉีโปจิง จากนั้นเขาก็ถูกนำตัวไปที่ห้องโถงหมิงฉิง
ไม่มีใครเห็นใจเขา
หัวหน้าผู้รักษาความสงบที่ไม่สามารถตามจับตัวคนหนุ่มสาวที่มีมิติวิญญาณเพียงระดับทองไม่กี่คนได้ นั้นเป็นได้เพียงแค่เศษขยะ
จูกู่เฉิง มองไปที่ เหวินเสี่ยว “มากับข้า”
เหวินเสี่ยวพยักหน้า
ตามหลักแล้วนายน้อยของวังหลวงไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้ความลับนี้ แต่มันไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะอย่างไรก็ตามเขาจะต้องกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดคนต่อไป
นอกจากนี้เขาอาจจะเป็นผู้ปกครองสูงสุดคนสุดท้ายของพระราชวังเป่ยหมิงอีกด้วย
“เจ้าควรจะได้ล่วงรู้ความลับนี้” จูกู่เฉิง พา เหวินเสี่ยว เข้าไปในวิหารเฉิงหยวน แล้วเริ่มใช้พลังวิญญาณเปิดช่องว่างมิติไปยังผนึก
สหายของลั่วอู๋หนีไปแล้ว
ถ้าลั่วอู๋แน่ใจว่าจะรักษาปลาตัวใหญ่ได้ ทำไมเพื่อนของเขาถึงหนีไป
การรักษาที่ว่า น่าจะไร้ผล
เบื้องหน้าของพวกเขามีทะเลแห่งดวงดาวสว่างไสวเหมือนกับจักรวาลขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยแสง วัตถุแปลก ๆ ฝุ่น ส่องสว่างไปพร้อมกับดวงดาวที่มาบรรจบกัน
มีสระน้ำสีทองตั้งอยู่ที่ใจกลางโลกใบเล็ก โดยที่ใจกลางของสระนั้นมีรูปร่างเสมือนสีน้ำเงินอยู่
จูกู่เฉิง กล่าวอย่างเงียบ ๆ “เจ้าก่อปัญหาขึ้นมากมาย แต่พวกข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น ยังไงซะเจ้าก็เป็นนายน้อยแห่งวังหลวงคนสุดท้ายที่เหลือรอด เจ้าควรได้รู้เรื่องเหล่านี้ไม่ช้าก็เร็ว”
เหวินเสี่ยวตกใจกับทิวทัศน์โดยรอบ หลังจากได้ยินคำพูดของ จูกู่เฉิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
แม้ว่าเขาจะทำสิ่งที่รุนแรงลงไปมาก แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่มีความหลงใหลในสิ่งเหล่านั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้เขาทำได้แค่ฟังอยู่เงียบ ๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากระยะไกล “โอ้ มากันแล้วรึ”
จูกู่เฉิง และ เหวินเสี่ยว ตกตะลึงพลางมองไปยังทิศทางของเสียง
เช่นเดียวกับคนสวนที่เพิ่งทำงานหนักมา ลั่วอู๋ ที่กำลังเหนื่อยจากการชำระล้างจุดด่างดำบนดาบต้านสวรรค์ กำลังเตรียมไปเก็บน้ำในสระสีทองในส่วนของวันนี้ แต่เขาก็ได้พบกับ จูกู่เฉิง และ เหวินเสี่ยวซะก่อน
“เจ้าไม่ได้หนีไปงั้นเหรอ?” จูกู่เฉิง คิ้วเลิ่กขึ้นด้วยความสับสน
ลั่วอู๋มองอย่างงง ๆ “ทำไมข้าจะหนีเล่า เจ้าฆ่าข้าแน่ถ้าข้าหนี เจ้ามาฆ่าข้ารึไงทำไมกันล่ะ ? ตอนนี้พวกเจ้าก็ต้องปฏิบัติต่อข้าในฐานะแขกผู้มีเกียรติไม่ใช่เหรอ ?”
จูกู่เฉิง ตกใจ
เขามัวแต่เดาว่าลั่วอู๋จะหลบหนี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตรวจสอบปลาตัวใหญ่และผนึกของมัน
แต่ตอนนี้เขารู้สึกตัวแล้วว่าต้องทำอะไร
เขารีบใช้พลังในการรับรู้กวาดผ่านโลกใบเล็กที่เป็นแก่นวิญญาณของปลาอย่างรวดเร็ว
สภาพของปลาตัวใหญ่ไม่ได้ดีขึ้น
เด็กนี่องอาจกล้าเสนอหน้าออกมาเพราะอะไรกัน? มันเป็นไปไม่ได้ เขาจะกล้าโม้แบบนี้ได้อย่างไร?
แต่แล้ว จูกู่เฉิง ก็สังเกตเห็นผนึกทั้ง 18 จุด
วินาทีต่อมาตาของเขาสว่าง
ผนึกนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?