ไหปีศาจ - บทที่ 478 ไม่พบ
บทที่ 478 ไม่พบ
บทที่ 478
ไม่พบ
ภายนอกวิหารเฉิงหยวน
“ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หลายคนไม่สามารถอดกลั้นความวิตกกังวลในใจของตนเองไว้ได้
“มันยากที่จะเชื่อจริง ๆ ว่าเด็กหนุ่มที่มีมิติวิญญาณเพียงระดับทองคนนั้นจะสามารถทำสิ่งที่พวกเราทุกคนในพระราชวังเป่ยหมิงไม่สามารถทำได้” ผู้อาวุโสกล่าวพร้อมกับถอนหายใจยาว
ทุกคนต่างเงียบกริบ
ใช่มันยากที่จะเชื่อ
ขนาดพวกเขาที่เป็นปรมาจารย์ระดับสูงที่แข็งแกร่งที่สุดสามคน ก็ยังช่วยเหลือปลาตัวใหญ่ไม่ได้
บางทีมันอาจจะต้องได้ความช่วยเหลือจากผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิ ในการช่วยเหลือพระราชวัง เป่ยหมิงจากการล่มสลาย
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ในประวัติศาสตร์ของพระราชวังเป่ยหมิง ไม่เคยมีผู้ใดที่สามารถไปถึงความแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิได้นอกจากบรรพบุรุษของพวกเขาอย่าง ราชาหมอกซานเหริน
คนระดับสูงในพระราชวังเป่ยหมิงย่อมรู้สถานการณ์ของโลกภายนอกโดยธรรมชาติ พวกเขาต่างก็รู้ว่าในทั่วทั้งทวีปมี ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิเพียงสองคน คือท่านหม่าเฉิน เทพพิทักษ์ และ เฮา นักบุญอุปถัมภ์ของราชวงศ์มังกรเร้นกาย ทั้งสองคนต่างไม่ใช่คนที่สามารถหาตัวได้ง่าย ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มีแผนจะไปหาคนเหล่านั้น พวกเขารู้ตัวดีว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปพบด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเข้าพบทั้งสองคนนั้นได้ แต่พวกเขาจะสามารถทำอะไรให้ทั้งสองคนตกลงช่วยได้กัน
ระหว่างนั้น จูกู่เฉิง ก็เดินออกจากวิหารเฉิงหยวน
เหล่าผู้มีอำนาจระดับสูงทั้งหมดต่างมองไปที่จูกู่เฉิงด้วยสายตาของคนเหงา
พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อในตัว ลั่วอู๋ เลย แต่พวกเขาก็ยังไม่อยากยอมแพ้ ตราบใดที่ยังมีความหวังแม้เพียงเล็กน้อย พวกเขาก็อยากจะหวัง
“มีอะไรหรือขอรับ ท่าน” รองผู้ปกครองสูงสุดถามด้วยเสียงต่ำ
จูกู่เฉิง สงบอารมณ์ลง พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขา “เรียก ฉีโปจิง ให้กลับมาทำงานซะ ชะตาของพระราชวังเป่ยหมิงเป็นไปด้วยดี วันนี้จะเป็นวันแห่งความสุขของพวกเรา จงเฉลิมฉลองซะ อาชญากรรมที่ไม่ใช่กบฏทั้งหมดจะได้รับการนิรโทษกรรม”
ใบหน้าของทุกคนต่างสับสน ทำไมจู่ ๆ เขาถึงปล่อยฉีโปจิงซะอย่างนั้น?
จากนั้นความดีใจก็ค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าของทุก ๆ คน
การเฉลิมฉลองและการนิรโทษกรรม
หรือว่า…
ฝูงชนต่างพากันแสดงความยินดี
“ข้าขอออกคำสั่งให้พวกเจ้ารู้ไว้ ลั่วอู๋ นั้นมีส่วนอย่างมากในการรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษให้เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของพระราชวังเป่ยหมิง สถานะของเขาเทียบเท่ากับผู้อาวุโสระดับสูง” จูกู่เฉิง กล่าว
ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างโล่งใจและเต็มไปด้วยกำลังใจ
เรื่องปัญหาของสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเหมือนกับยอดเขาใหญ่ที่กดทับหัวใจของผู้คนในพระราชวังเป่ยหมิงมาเป็นเวลานาน มันทำให้พวกเขาหายใจลำบากและแห้งเหี่ยว
แต่ตอนนี้ภูเขานั้นถูกยกออกไปแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถวางใจได้เสียที
เหตุผลว่า ลั่วอู๋ สามารถรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรนั้น ถูกทิ้งไปจากห้วงความคิดของทุกคน ตราบเท่าที่เขาประสบความสำเร็จและสามารถช่วยทุกชีวิตบนพระราชวัง เป่ยหมิงได้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ต่อให้เขาต้องใช้เครื่องสังเวยมันก็ไม่เป็นไร
ไม่ต้องไปสนใจ
มันไม่สำคัญว่าเขาจะได้เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ประเภทไหน ต่อให้มอบตำแหน่งรองผู้ปกครองสูงสุดให้เขาก็ไม่มีใครสน
มันยอดเยี่ยมมาก! พระราชวังเป่ยหมิงรอดจากวิกฤตแล้ว!
ผู้อาวุโสบางคนถึงกับน้ำตาไหลร่ำไห้ด้วยความดีใจ หลังจากผ่านความกดดันมานานหลายทศวรรษพวกเขาต่างรีบหยิบสมบัติจำนวนมาก ออกมาเพื่อให้รางวัลแก่สาวก
อย่าเสียเวลาถามว่าทำไม พวกเขาแค่กำลังอารมณ์ดี
นอกจากนี้ยังมีบางคนที่เดินออกไปโยนแจกจ่ายหินวิญญาณไปยังพื้นที่ด้านล่างอย่างมีความสุข ขว้างมันออกไปด้วยสีหน้าอันมีความสุขอย่างไร้เดียงสา พวกเขาไม่เคยดีใจเท่านี้มาก่อน
ฝนหินวิญญาณเริ่มตกลงไปทั่วพระราชวังเป่ยหมิง
ผู้คนนับไม่ถ้วนรีบวิ่งไปที่ถนนรีบขึ้นไปบนหลังคาเริ่มเก็บเงิน แม้ว่าหินวิญญาณจะทำลายสิ่งต่างๆมากมาย แต่ทุกคนก็ตื่นเต้นไปกับมัน
มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่ผู้คนที่จะหยิบเงินที่ถูกแจกจ่ายมา
นี่คือการเฉลิมฉลองอย่างแท้จริง
แม้แต่จูกู่เฉิงก็ยังอารมณ์ดี ตำแหน่งผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์เป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อน มันเป็นตำแหน่งที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ
สถานะนี้เท่ากับผู้อาวุโสรุ่นพี่ของเขา มันมีสิทธิค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าเหนือกว่าผู้อาวุโสทั่ว ๆ ไปหลายขั้น
“ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถอยู่ในพระราชวัง เป่ยหมิงเป็นเวลานานได้ ไม่งั้นมันจะก่อเรื่องวุ่นวายเสียเปล่า เรียกได้ว่านี่เป็นเพียงการตอบแทนด้วยและชดใช้ความเข้าใจผิดในอดีต” จูกู่เฉิง คิดเช่นนั้น
ท้ายที่สุดแล้ว ลั่วอู๋ ได้ทำผลงานที่ยิ่งใหญ่ เกินกว่าที่จะบอกเขาว่าไม่มีรางวัลตอบแทน
พระราชวังเป่ยหมิงเต็มไปด้วยความสุข แม้แต่เหวินเสี่ยวก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ มันเป็นความโล่งใจและความสุขจากความปรารถนาอันยาวนานของเขา ในที่สุดความเครียดของเขาก็ถูกขจัดไป
จูกู่เฉิง ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปยัง ด้านบนของพระราชวัง เป่ยหมิง เขามองไปยังพื้นโลกเบื้องล่าง จากนั้นเงาสีม่วงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยลมฝนและเมฆฟ้าก็ปรากฏขึ้น
มันคือสัตว์วิญญาณระดับเพชร สัตว์อสูรกลืนฟ้าร้อง รูปร่างของมันคล้ายกับเสือดาว มันมีร่างกายที่แข็งแกร่ง เท้าถูกหุ้มไปด้วยสายฟ้า มันมีความสามารถในการควบคุมสายฟ้าและความเร็วอันน่ากลัว
ว่ากันว่ามันเกิดขึ้นมาจากสายฟ้าในพายุที่โหมกระหน่ำ พร้อมกับความสามารถในการก้าวย่างขึ้นไปบนท้องฟ้า มันชอบสายฟ้าและฟ้าผ่า จึงมักมองหาพายุในทะเลอยู่เสมอ
เนื่องจากพวกมันกลืนเมฆฝนฟ้าคะนองบ่อยครั้ง มันจึงได้ช่วยชีวิตผู้คนมากมายในทะเลเหนือสุดขอบ และเป็นที่รู้จักในนามสัตว์มงคล
สัตว์อสูรกลืนฟ้าร้องเป็นสัตว์วิญญาณระดับเพชรที่แข็งแกร่ง มันมีพลังทำลายล้างอันน่ากลัว แม้มันจะยังห่างไกลเมื่อเทียบเคียงกับสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิในอดีตกาลก็ตาม
“ที่เหลือก็แค่เอาชนะการเดิมพันสินะ”
สายฟ้าส่องสว่างวูบวาบในดวงตาของ จูกู่เฉิง
“ ไอ้เด็กหนุ่ม อย่ามาหยิ่งผยองไปหน่อยเลย”
“ในทะเลเหนือสุดขอบแห่งนี้ข้าคือผู้ไร้เทียมทาน”
“มันไร้สาระที่เจ้าจะมาเดิมพันกับข้า”
จูกู่เฉิง กุมเข้าด้วยกัน รวบรวมสายฟ้าเอาไว้ในมือ
“ ตาข่ายสายฟ้า!” จูกู่เฉิงตะโกน
พลังวิญญาณทรงโค้งอันน่ากลัวกระจายกลายเป็นใยแมงมุมบาง ๆ ไปทั่วท้องฟ้าในชั่วพริบตาและยังคงขยายออกไปเรื่อย ๆ
มงกุฎหินครามสว่างขึ้น ทันใดนั้นทะเลอันสงบก็หยาบกร้าน ราวกับทะเลเหนือสุดขอบได้ถูกควบคุมโดย จูกู่เฉิง
พลังวิญญาณถูกแพร่กระจายออกไปด้วยความช่วยเหลือของพลังแห่งผืนทะเลที่แล่นไปตามตาข่ายสายฟ้า ในเวลาอันสั้นมันก็ไปทั่วทุกซอกทุกมุมของพระราชวังเป่ยหมิง
ตาข่ายสายฟ้าร้องไม่ใช่ทักษะธรรมดา ๆ มันเป็นการประยุกต์ใช้พลังวิญญาณของทักษะสายฟ้าคำรน และสายฟ้ายืดหยุ่น
เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจของ จูกู่เฉิง เกี่ยวกับทักษะพลังวิญญาณธาตุสายฟ้าได้ถึงระดับที่ลึกซึ้งมาก มันเป็นความสามารถของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแท้จริง
“ตราบใดที่พวกเจ้าอยู่ในพระราชวังเป่ยหมิง พวกเจ้าก็ไม่มีทางหลีกหนีพลังวิญญาณของข้าได้” จูกู่เฉิง หลับตาและใช้การรับรู้อย่างระมัดระวัง
ด้วยการพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นมาจากหินครามและตาข่ายสายฟ้าการรับรู้ของจูกู่เฉิง สามารถเข้าถึงระดับจักรพรรดิได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
นั่นคือจุดที่เขามีความมั่นใจมาก
แต่ในไม่ช้าสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป
เพราะเขาหาสหายของ ลั่วอู๋ไปเจอเลยสักคน
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?” จูกู่เฉิง ขมวดคิ้ว
เขาใช้พลังการรับรู้อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้อะไรเลย
“ไม่มีทาง!”
จิตใจของ จูกู่เฉิง โกรธเกรี้ยว เขาขยายขอบเขตการรับรู้ไปสู่จุดสูงสุด แม้แต่ส่วนลึกของทะเลเหนือสุดขอบก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยการรับรู้ของเขา
ฝูงช้างมังกรทะเลที่ยิ่งใหญ่
เงือกแห่งห้วงลึกที่อาศัยอยู่บนแนวหมอก
ใต้ห้วงลึกที่เหล่าอสูรทะเลอาศัยอยู่
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จำนวนมากที่มีสัตว์วิญญาณนานาชนิด
ทัศนียภาพอันกว้างไกล
น่าเสียดายที่เขาไม่พบพรรคพวกของลั่วอู๋เลย
ดวงตาของ จูกู่เฉิง ขุ่นมัว มันไม่น่าจะมีสถานที่ใดในทะเลเหนือสุดขอบที่เขาไม่สามารถค้นหาได้นี่นา?
มันไม่ควรมีอะไรแบบนั้น
……
……
ข้างในปลาตัวใหญ่.
ลั่วอู๋จัดการเก็บน้ำอีกหยดมาจากสระทองคำ
เขาทำแบบนี้วันละหยดมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ก็เลยได้เพียงแค่ 30 หยด
หลังจากนั้น ลั่วอู๋ ก็กลับมาไปในมิติไห
การฝึกฝนยังคงเป็นเป้าหมายหลัก
ในเมื่อเขาไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ การอยู่ที่นี่จึงทำให้เขาสบายใจ
มิติไห เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ และพลังของมิติไหความแข็งแกร่งของทุกคนก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
วันเวลาผ่านไป
เหล่าพันธมิตรผู้ล้างแค้น กว่าครึ่งหนึ่งได้ไปถึงความแข็งแกร่งระดับทองกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากได้สัมผัสกับ “การฝึกฝน” จากเหล่าผู้กล้าในหุบเขามรณะ ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถช่วยลั่วอู๋ในการฝึกได้
“อาณาจักร” ของนกโง่เองก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีเช่นกัน นอกจากนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในมิติไห ได้มีนกวิญญาณทะเลจำนวนมากเข้ามาร่วมด้วย ดังนั้นอิทธิพลของนกหน้าโง่จึงได้รับการขยายออกไป
ที่แย่ก็คือทางด้านกองทัพผี
เนื่องจากทหารผีและผีเหล่านั้นขาดความฉลาดพวกมันรู้เพียงวิธีในการเชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น พวกมันไม่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้ด้วยการฝึกฝน
นอกจากนี้ยังสูญเสียพรรคพวกไปมากในการบุกโจมตีครั้งล่าสุด
ตอนนี้จำนวนกองทัพผีจึงน้อยกว่าทางฝั่งนกวิญญาณมาก
ไป๋ฉี ซึ่งเป็นแม่ทัพของกองทัพผี ได้ยอมรับในตัวของลั่วอู๋แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่เย็นชาเหมือนในอดีตอีกต่อไป เขาภักดีกับ ลั่วอู๋ และมอบทหารผีให้ดูแลเขาเป็นจำนวนหนึ่ง
ลั่วอู๋จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหาทางช่วยกองทัพผี
ดูเหมือนว่าเขาต้องเผื่อเวลาเดินทางไปยังภูเขากุยโตอีกรอบเสียแล้ว