ไหปีศาจ - บทที่ 482 ส่งดาบต้านสวรรค์มา
บทที่ 482 ส่งดาบต้านสวรรค์มา
บทที่ 482
ส่งดาบต้านสวรรค์มา
ภูเขาแห้งแล้ง ค่ายของชนเผ่าเที่ยนหวู่
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน เปี่ยมไปด้วยลมปราณแห่งความป่าเถื่อน มีเสียงของสัตว์วิญญาณคำรามเป็นระยะ ๆ จากในป่าลึก ซึ่งเต็มไปด้วยความเกรงขามอันน่าสะพรึงกลัว
เสือดาวหิน ภูตทะเลทราย แมมมอธธารน้ำแข็ง
สัตว์วิญญาณทั้งสามกำลังรออยู่ด้านนอกสระน้ำทองคำ
ในสระทองคำนี้ มีสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งทำมาจากหินสีน้ำเงิน กลางสระน้ำมีชายหนุ่มกำลังนั่งไขว่ห้าง ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก กล้ามเนื้อของเขาโป่งออกมา ภายในของเขาอัดแน่นไปด้วยความแข็งแกร่งอันน่ากลัว ทว่าลมปราณของเขากลับค่อนข้างไม่เสถียร และดวงตาของเขาก็ฉายแววตาอันรุนแรงบ้าคลั่งออกมาเป็นครั้งคราว
มีหมอกแปลก ๆ ในสระน้ำแล่นทะลุผ่านเข้าไปในร่างกายของชายหนุ่ม จากนั้นก็กระจายเป็นเลือดออกมา
ด้วยลมปราณของชายหนุ่มสีของสระน้ำก็เริ่มจะซีดลงเรื่อย ๆ และค่อยๆโปร่งใส จนในที่สุดก็กลายเป็นสีแดงสด
ไม่มีใครอื่นอยู่ในสระ มีเพียงชายชราที่ดูซีดเซียวยืนอยู่ใกล้ ๆ พลังวิญญาณและเลือดของเขาเหี่ยวแห้ง ผิวของเขาเองก็แห้งผาก ใบหน้าถูกปกคลุมไปด้วยรอยย่น เขาดูเหมือนกำลังจะตายเนื่องจากวัยชรา
แต่ดวงตาของชายชรานั้นกลับล้ำลึกมากราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุได้ทุกสิ่ง
“เจ้าใช้ทักษะความบ้าคลั่งอันไม่มีที่สิ้นสุดได้สิบสามขั้น แต่ก็ยังสามารถรอดมาได้” ชายชรามองไปที่ชายหนุ่มและถอนหายใจ “เมื่อเทียบกับข้าเมื่อข้าในสมัยหนุ่มแล้ว เจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย”
ชายหนุ่มคนนี้คือหยู่เฮาที่กลับมาเป็นปกติ
ในตอนแรกเขาได้เดินทางไปยังนรกมนตราเพื่อฝึกฝน และได้สังหารปีศาจนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามเขาก็ได้รับบาดสาหัส และต้องการที่จะพักผ่อน ซึ่งตอนนั้นเขาก็บังเอิญตกลงไปในรังของปีศาจระดับทองขั้นสูง
เพื่อป้องกันตัวเองและไม่ให้โดนผลกระทบจากพลังวิญญาณชั่วร้าย หยู่เฮาจึงเลือกที่จะใช้ทักษะความบ้าคลั่งอันไม่มีที่สิ้นสุดซ้อนกัน 13 ชั้น จนร่างของเขาก็แทบแตกสลาย
โชคดีที่เขารอดชีวิตมาได้ ฆ่าสัตว์วิญญาณทองขั้นสูงตัวนั้น และรอคอยการช่วยเหลือจากพวกพ้อง จากนั้นก็ถูกพากลับไปที่ภูเขาแห้งแล้ง
แน่นอนว่ามีเพียงอาจารย์ของหยู่เฮาเท่านั้นที่สามารถพูดเช่นนี้ได้ เขาคือชายที่ทั้งภูเขาแห้งแล้งบูชา ท่านหม่าเฉิน
ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าพลังวิญญาณและเลือดของท่านหม่าเฉินจะหมดลงไปถึงขนาดนี้
บางทีเขาอาจจะใกล้ตายแล้วจริง ๆ
ทันใดนั้น พลังวิญญาณและเลือดทั่วร่างของชายหนุ่มเริ่มพุ่งออกมา มันข้นพอ ๆ ที่จะสร้างขึ้นเป็นรูปร่างของมังกรได้เลยที่เดียว
ทั้งค่ายเต็มไปด้วยบรรยากาศอันรุนแรงราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรงอย่างยาวนานได้ถูกปลดปล่อยออกมา
“อ้ากก!”
ชายหนุ่มตื่นขึ้นและกรีดร้อง
ทั้งค่ายสั่นสะเทือนด้วยเสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยว
สัตว์วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่นอกค่ายต่างหวาดกลัวและหนีกระเจิงราวกับว่าสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวบางอย่างตื่นขึ้นทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก
“ท่านอาจารย์” หยู่เฮาที่เห็นชายชราตรงหน้ากล่าวด้วยความเคารพ
เขาอยู่สถานะบ้าคลั่งแบบนี้มาครึ่งปีแล้ว
แต่เจตจำนงหลักก็ยังคงอยู่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ารอบตัวเกิดอะไรขึ้น
หลังจากเหตุการณ์นี้ ในที่สุดเขาก็ได้เรียนรู้บทเรียนบางอย่างและไม่กล้าที่จะผลีผลามอีก
ผลข้างเคียงของความบ้าคลั่งอันไม่มีที่สิ้นสุดสิบสามชั้น ได้สลายไปในที่สุด
ร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมากและตอนนี้มิติวิญญาณของเขาก็มาถึงระดับ 10 แล้ว อีกเพียงก้าวเดียว เขาก็จะสามารถเลื่อนระดับขึ้นเป็นมิติวิญญาณทองขั้นสูงได้
“ดีมาก” ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่ต้องรีบในเรื่องการพัฒนามิติวิญญาณ ก่อนอื่นเจ้าต้องเลือกหนทางที่เจ้าจะไปเสียก่อน มิฉะนั้นเจ้าพลาดได้”
ท่านหม่าเฉินนั้นเป็นชายชราที่ฉลาด
แม้ตอนนี้เขาจะมีพลังวิญญาณดั้งเดิมเหลือเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังมีเลือดและแก่นวิญญาณอันทรงพลังที่ไม่เหมือนใครในโลก
“ข้าเข้าใจแล้ว” หยู่เฮาก้มหัวลง
ชายชราพูด “คราวนี้เจ้าเกือบตาย”
“หลี่หวู่หยวนและลั่วอู๋ได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้” ดวงตาของหยู่เฮาฉายแววแห่งความหนักแน่น “ข้าจะตอบแทนพวกเขาในภายหลัง”
ชายชราพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“เอ๋าเฉียนจุน ทำให้การรักษาของข้าล่าช้าออกไป และเกือบทำให้ข้ากลายเป็นสัตว์ประหลาดกระหายเลือด ข้าจะต้องชำระแค้นครั้งนี้” หยู่เฮากล่าว
ชายชราพอใจมากขึ้นไปอีก
ชายชรากล่าวว่า “เจ้าควรรู้ไว้ว่า เมื่อเจ้ามาเป็นศิษย์ของข้า ชีวิตของเจ้าก็จะไม่เป็นของเจ้าอีกต่อไป มันเป็นของทั้งภูเขาแห้งแล้ง ดังนั้นเจ้าจะตายไม่ได้ จงฝึกให้เก่งขึ้น ตราบใดที่เจ้ายังพัฒนาไปไม่ถึงระดับทองขั้นสูง และยังไม่สามารถทำความเข้าใจแก่นแท้แห่งทักษะได้อย่างถ่องแท้ เจ้าห้ามออกไปจากภูเขาแห้งแล้ง”
หยู่เฮาก้มหัวลง “รับทราบ”
ชายชราเดินออกจากค่ายอย่างช้า ๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาปิดปากและไอเบา ๆ สองครั้ง ดูเหมือนเขาจะอ่อนแอลงกว่าเดิมมาก
ในใจเขาหวังว่าตัวเองจะสามารถอยู่ต่อไปได้อีกสักพัก
ชายชรามองไปที่ท้องฟ้าแล้วจึงบ่น “เฮา เจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่ ข้ายังอยากเก็บลมปราณสุดท้ายไว้ใช้ประลองกับเจ้า”
……
……
ไม่นานนัก เวลาหนึ่งเดือนก็ได้ผ่านไป
รอยด่างพร้อยบนดาบได้หายไปจนหมด และตราทั้งสิบแปดเองก็เริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิม
แทนที่จะรู้สึกว่าผนึกอ่อนแอลง ลั่วอู๋กลับรู้สึกว่าผนึกมีความเสถียรมากขึ้น ความเป็นอันตรายในผนึกเองก็ลดน้อยลง
“บางทีตอนที่เขาลงตราผนึกเขาไม่เคยคิดเรื่องการฆ่าคุนเลย เขาคงหวังเพียงแค่จะทำให้คุนนอนหลับไปตลอดกาล อย่างไรก็ตามคนรุ่นหลังกลับไม่สบายใจและเสริมพลังผนึก เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งใหม่ให้กับมัน จึงเป็นผลให้ผนึกเปลี่ยนไปและเริ่มทำให้ความแข็งแกร่งของคุนอ่อนแอลง”
พวกเขาสร้างห้องขังอันแข็งแกร่งเพื่อป้องกันไม่ให้คุนหนี
จากนั้นก็เพิ่มอิฐและกำแพงบดบังดวงอาทิตย์ กำหนดบทลงโทษและทรมานคุนตลอดเวลาทำให้อ่อนแอมากขึ้น จนไม่สามารถหลบหนีได้
มันน่ากลัว
ลั่วอู๋ส่ายหัว
แต่โชคดีที่มันจบแล้ว
ในอนาคตชีวิตของคุนน่าจะดีขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้จูกู่เฉิงยังไม่เข้ามา คุนจึงตื่นขึ้นมาก่อน ขณะนี้ในสระน้ำทองคำ เงาสีน้ำเงินก็ได้มีการสั่นไหวเล็กน้อย
เจตจำนงอันชัดเจนดังขึ้นมา “ขอบคุณเจ้ามาก”
“ด้วยความยินดี” ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรามีผลประโยชน์ร่วมกัน”
นี่เป็นการตื่นขึ้นมาครั้งที่เจ็ดของคุน
การได้พบกับดวงจิตของปลาใหญ่ กลายเป็นเรื่องที่ลั่วอู๋คุ้นเคยแล้ว
“เจ้าจะกลับออกไปแล้วหรือ?” เจตจำนงนั้นถาม
ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าต้องไปแล้ว แต่อาจจะมีโอกาสกลับมาอีกก็ได้ อันที่จริงเจ้าสามารถออกมาหาจูกู่เฉิงเพื่อคุยกับเขาได้ ในเวลาที่เจ้าเบื่อนะ”
คุนเงียบไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้
ครู่ต่อมามีเจตจำนงก็กล่าวขึ้น “ครั้งหนึ่งข้าเคยพูดไว้ว่า ข้าสามารถมอบสมบัติให้กับเจ้าได้”
“อืม อืม” ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“เห็นตราผนึกสุดท้ายนั่นไหม มันมีดาบอยู่ที่นั่น”
ลั่วอู๋ตะลึง “ดาบต้านสวรรค์?”
“ถูกต้องแล้ว มันเป็นอาวุธมนตราที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิก็ยังต้องการ เพื่อเป็นการขอบคุณ ข้าขอมอบดาบนี้ให้เจ้า”
“นี่เจ้าเอาจริง รึ?” ลั่วอู๋คิ้วขมวดและน้ำเสียงของเขาก็ไม่ดี
เจตจำนงของคุนดังอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ปิดผนึกข้าไว้ใช่ไหม? อันที่จริงมันไม่ใช่ ดาบเล่มนี้เป็นเพียงสื่อนำราชาหมอกซานเหรินเพียงแค่ใช้ดาบนี้เพื่อดึงพลังของตัวเองออกมาปิดผนึกข้า เมื่อผนึกเสร็จดาบเล่มนี้ก็หมดหน้าที่ของมันไปนานแล้ว ผนึกที่แท้จริงคือร่างของราชาหมอกซานเหรินเอง เขาไม่ได้ออกจากตำหนักเป่ยหมิงกลับไปยังต่างแดน แต่ฝังกระดูกของเขาไว้ในร่างของข้า เพื่อผนึกข้าไว้ตลอดกาล ”
ลั่วอู๋ถอนหายใจหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้
เพื่อปกป้องตำหนักเป่ยหมิง ราชาหมอกซานเหรินผู้เก่งกาจในการต่อสู้ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
เขาไม่มีแม้แต่โอกาสแม้แต่จะกลับไปยังต่างแดนในวาระสุดท้าย
“สาเหตุที่ดาบนั้นยังคงตั้งอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่าราชาหมอกซานเหรินเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ที่นี่” คุนกล่าว
ลั่วอู๋พยักหน้า “แล้วข้าจะเอาดาบออกไปได้อย่างไร?”
แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ แต่ก็ยังมีตราผนึกอยู่ ลั่วอู๋จึงไม่สามารถนำมันออกไปได้
“มันง่ายมาก ข้าสามารถทำให้ผนึกไร้ผลได้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เจ้าสามารถใช้วิธีเดียวกับที่รวบรวมขุมพลังวิญญาณของข้าเพื่อดึงเอาดาบต้านสวรรค์ออกไปได้”
“แต่รีบหน่อยนะ ข้าใช้พลังวิญญาณไปมากเพื่อคุยกับเจ้า คิดว่าข้าคงจะต้องนอนไปอีกนาน กว่าจะตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง”
เจตจำนงของคุนไม่มีอารมณ์ใด ๆ
แต่ลั่วอู๋ก็พอจะรับรู้ได้ถึงความเร่งรีบบางอย่างในคำพูดของมัน