ไหปีศาจ - บทที่ 483 ทุกอย่างเป็นปกติ
บทที่ 483 ทุกอย่างเป็นปกติ
บทที่ 483
ทุกอย่างเป็นปกติ
ดวงดาวส่องแสงการเกิดใหม่ของจักรวาล
ปีกแห่งไฟและความมืดปรากฏขึ้นด้านหลังลั่วอู๋ เมื่อเขาลอยขึ้นไปในอากาศ เขาจึงได้เห็นตราผนึกทั้งสิบแปดอัน พวกมันคือดาบเสมือนสิบเจ็ดเล่มและดาบจริง ๆ อีกหนึ่งเล่ม
แม้ว่าดาบเสมือนจะไม่มีตัวตน แต่ความกดดันที่แผ่ออกมาก็ทำให้เขาต้องระวัง
พวกมันคือดาบวิญญาณที่ถูกแยกออกมาจากดาบต้านสวรรค์ จึงสามารถถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบแปดส่วนของดาบต้านสวรรค์ ถึงแม้พวกมันจะไม่มีตัวตนที่จับต้องได้ก็ตาม
“ข้าจะเริ่มแล้วนะ” เจตจำนงของคุนดังขึ้น
ลั่วอู๋พยักหน้า “รบกวนด้วย”
ในไม่ช้าทะเลดวงดาวก็วิบวับราวกับว่าจักรวาลได้ถูกเปิดออก แผ่นดินแยกออก น้ำในสระทองคำดูเหมือนจะกลายเป็นคลื่นกระหน่ำอย่างรุนแรง จากนั้นก็รวมตัวกันเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เทลงสู่โลกทั้งใบ ราวกับแยกความโกลาหลและพัฒนาไปสู่สวรรค์และโลก
มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ๆ
แต่เป็นปรากฏการณ์ที่อยู่ในการรับรู้ของลั่วอู๋
นี่ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
เพราะในร่างของคุน เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่แม้แต่สัตว์วิญญาณระดับเพชรก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้เขารู้สึกได้ ครู่หนึ่งเขารู้สึกได้เลยว่ามิติกำลังสั่นสะเทือน
มิติวิญญาณที่สูงขึ้นก็มีผลต่อการรับรู้มากขึ้น
นี่มันไม่ต่างไปจากการได้เห็นจุดกำเนิดของสวรรค์และโลก
“เจ้ากำลังลังเลอะไรอยู่ ลงมือเลยสิ” เจตจำนงของคุนดังขึ้นอย่างไร้อารมณ์ ลั่วอู๋สามารถรับรู้ได้ถึงความเร่งรีบของเขา
ตอนนี้ตราผนึกนั้นได้หยุดลงไปชั่วคราว
“มันช่างงดงาม” ลั่วอู๋เข้าไปหาดาบต้านสวรรค์อย่างสบายใจ
พอเห็นแบบนี้คุนก็โกรธเล็กน้อย “รีบหน่อย เจ้าไม่อยากได้ดาบต้านสวรรค์รึไง! ดาบที่ดีที่สุดในโลกอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว และเจ้าก็สามารถเอามันไปได้อย่างง่ายดายด้วย”
ลั่วอู๋เดินมาที่ดาบต้านสวรรค์และถอนหายใจ “ถ้าเอามันมาได้ง่าย ๆ ใครจะไม่อยากได้ล่ะ ข้านี่อยากได้แทบตาย แต่ว่าข้ายังรักชีวิตของข้าอยู่ แม้ว่ามันจะเป็นอาวุธมนตรา แต่มันก็ไม่คุ้มที่จะต้องเอาชีวิตไปแลก”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร ตราบใดที่ข้ารวบรวมทะเลวิญญาณของข้าอยู่ เจ้าก็น่าจะเก็บดาบต้านสวรรค์กลับไปได้…” เจตจำนงของคุนเริ่มพร่ามัวอีกครั้ง
มันสามารถตื่นขึ้นมาได้เพียงในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
และการกระทำใด ๆ ของมันจะถูกรั้งไว้โดยผนึกอย่างรุนแรง
“ถ้าข้าไม่ได้อ่านชีวประวัติของราชาหมอกซานเหรินข้าก็อาจจะเชื่อเจ้า แต่น่าเสียดายที่เจ้าเล่นละครได้แย่มาก” ลั่วอู๋กล่าว
คุนโกรธมาก
แน่นอนว่าแท้จริงแล้วคุนไม่ใจดีขนาดนั้น
มันถูกผนึกมานานกว่า 8000 ปี ความแค้นในใจของมันพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ มันจะใจดีกับมนุษย์ขนาดนี้ได้ยังไง แถมยังให้ของขวัญเขาด้วย
ราชาหมอกซานเหรินกล่าวไว้อย่างชัดเจน
ยิ่งผนึกไว้นานเท่าไหร่ปลาใหญ่ก็ยิ่งหงุดหงิด
อีกทั้งการแสดงของคุนเองก็ดูปลอมเกินไป
“จูกู่เฉิงเคยถามข้าว่า เจ้าตื่นขึ้นมาบ้างรึยัง และเตือนข้าเป็นพิเศษว่าเจ้าสามารถฆ่าข้าด้วยพลังวิญญาณอันทรงพลังของเจ้า”
“ข้าเดาว่าก่อนหน้านี้คงเคยมีคนตายที่นี่ ไม่งั้นจูกู่เฉิงคงไม่พูดเช่นนั้นแน่ จูกู่เฉิงบอกว่านาน ๆ ทีเจ้าจะตื่นขึ้นมา แต่ข้าที่อยู่ที่นี่มาเพียงแค่สี่เดือน เจ้ากลับตื่นขึ้นมาถึงเจ็ดครั้ง มันบ่อยเกินไป”
“ตั้งแต่แรกเริ่มเจ้าได้ชี้แนะข้า ชี้แนะให้ข้าไปหาดาบ ทำให้ข้าได้คุยกับเจ้า”
“ข้าไม่คิดว่าข้าจะเป็นคนที่มีค่าพอให้เจ้าสนใจ เจ้าน่าจะจัดฉากเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น เจ้าถึงกับให้ของขวัญข้า เจ้าถึงกับต้องปั้นหน้าหลอกเลยด้วยซ้ำ”
“อ๋อลืมไป ข้ายังไม่ได้เห็นหน้าเจ้าเลยด้วย”
ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น “ที่เจ้าต้องลงทุนลงแรงขนาดนั้น ก็เพื่อที่จะได้ใช้พลังของข้ารวบรวมดาบต้านสวรรค์และทำลายผนึกลง”
ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิที่ตายไปแล้วจะผนึกกับสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิได้อย่างไร
หากไม่ใช่ดาบมนตราเล่มแรกของโลกแล้วอะไรจะผนึกมันได้
ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่ดาบและผนึกจะสามารถแยกออกจากกันได้
“ไอ้เจ้ามนุษย์!” แผนการอันเรียบง่ายถูกเปิดเผย เจตจำนงของคุนเริ่มโกรธเกรี้ยว น้ำในสระทองคำเริ่มเดือดปุด ๆ
ความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของลั่วอู๋ได้ดึงดูดความสนใจของคุน
ดังนั้นมันจึงบังคับตัวเองให้ตื่นขึ้นมาตลอดเวลา ติดต่อและนำทางลั่วอู๋ แต่เวลานั้นสั้นเกินไปที่จะคิดพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ และมันก็ไม่ได้ถนัดเรื่องนี้ด้วย แม้จะมีสติปัญญาสูง แต่การวางอุบายก็ไม่ใช่จุดแข็งของมัน
แน่นอนมันต้องการที่จะฆ่าลั่วอู๋
มนุษย์ทุกคนสมควรตาย!
สัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิเช่นมันมีความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจละเมิดได้ มดที่ได้เข้ามาเหยียบย่ำร่างกายของมันย่อมเป็นความอัปยศ
อีกทั้งมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้ามันได้ดึงน้ำจากทะเลแก่นวิญญาณของมันออกไปหลายต่อหลายครั้ง น่าเสียดายที่มันไม่สามารถชะล้างมนุษย์คนนี้ออกไปด้วยกระแสน้ำของทะเลเหนือสุดขอบได้
คุนเป็นสัตว์วิญญาณในตำนาน
หลายต่อหลายคนปรุงแต่งมันให้ดูสวยหรู
จนลืมไปว่าในอดีตมันคือสัตว์วิญญาณมีความดุร้ายน่ากลัว
พลังวิญญาณอันน่าหวาดกลัวของคุนพุ่งสูงขึ้นในทันที
น้ำในสระทองคำดูเหมือนจะกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ครอบตัวลั่วอู๋เอาไว้
หยดน้ำหยดเดียวก็สามารถฆ่าลั่วอู๋ได้นับครั้งไม่ถ้วน ไม่ต้องพูดถึงตาข่ายทองคำ พลังวิญญาณอันน่ากลัวนี้สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรที่แข็งแกร่ง
“ทำแบบนี้ไปทำไมกัน? หลังจากการโจมตีนี้เจ้าจะต้องสูญเสียพลังวิญญาณของเจ้าไป เจ้าอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเป็นเวลาหลายสิบปีเลยนะ” ลั่วอู๋ถอนหายใจจากนั้นซ่อนตัวในตราผนึก
เมื่อตระหนักได้ถึงการต่อต้านของคุนเงาดาบสิบแปดเล่มก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ลมปราณของราชาหมอกซานเหรินได้มารวมตัวกันที่จุดเดียว ยับยั้งตาข่ายทองคำเอาไว้
ทุกอย่างมาบรรจบกัน
ไม่มีวี่แววการโจมตีอื่น ๆ อีก
เจตจำนงของคุนหายไปแล้ว
คาดว่ามันคงจะต้องหลับไปอีกนานอย่างที่ลั่วอู๋พูด กว่ามันจะสะสมพลังวิญญาณสำหรับการโจมตีเช่นนี้อีกได้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มันโจมตีโดนผนึก อีกทั้งมันยังได้กดผนึกลงอย่างรุนแรง คาดว่ามันคงใช้พลังวิญญาณของมันไปมาก บางทีนี้อาจจะทำให้มันต้องหลับใหลไปอีกนานอีกหลายร้อยปีเลยทีเดียว
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้ตัวดาบไป แต่เจ้าก็ให้ของขวัญที่ดีแก่ข้าแล้ว” ลั่วอู๋หยิบดาบเลือดเดือดออกมา
นี่เป็นเพียงดาบเลือดเดือดธรรมดาหรือระดับกลาง
ทันทีที่ผนึกหยุดทำงานชั่วขณะ เพื่อที่จะสะกดคุน ลั่วอู๋ก็ได้ใช้โอกาสนั้น เปิดไหปีศาจและเอาเงาดาบของดาบต้านสวรรค์ออกไป
แม้ว่าจะเป็นเพียงเงาดาบ แต่ก็มีพลังของอาวุธมนตราอยู่
“ข้าขอขโมยท้องฟ้าแลกเปลี่ยนกับดวงอาทิตย์ ข้าจะแลกดาบเลือดเดือดของข้ากับเงาดาบของเจ้า” ลั่วอู๋ขว้างดาบในมือของเขา ปาดาบสีแดงเข้มให้ตกลงไปในตราผนึก
แม้การดำเนินการของผนึกจะค่อนข้างอืดอาด แต่ก็เป็นดำเนินการที่น่าประหลาดใจ
พลังวิญญาณของคุนสูญหายไปมาก หากเป็นในอดีตคาดว่าอีกไม่นานมันก็คงถูกผนึกสังหารทิ้ง
แต่ตอนนี้ผนึกได้กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว มันเพียงแค่ปิดผนึกคุนลงเท่านั้น ดังนั้นแม้ว่าคุนจะอ่อนแอ แต่ผนึกนี้ก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของมัน
ลั่วอู๋คิดอย่างเงียบ ๆ “ดาบเลือดเดือดสามารถดูดซับเลือดได้และเลือดของคุนก็น่าจะเพียงพอให้มันพัฒนาอย่างช้า ๆ ข้าจะกลับมาในภายหลังและเอาดาบเล่มใหม่มาแทนที่ให้นะ”
มันมีความเสี่ยงอยู่เล็กน้อยที่จะรักษาผนึกด้วยดาบเลือดเดือดแทนเงาดาบเสมือนของดาบต้านสวรรค์
แต่โชคดีที่เขาทำได้สำเร็จ เมื่อดาบเลือดเดือดพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง มันก็จะไม่ได้มีผลทำลายผนึก แต่เสริมความแข็งแกร่งให้แทน นั่นน่าจะดีกว่าด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นดาบเลือดเดือดยังมีความสามารถในการทำให้คุนอ่อนแอลง
ตราบใดที่ตราผนึกของพระราชวังเป่ยหมิงไม่ได้รับการเสริมพลังอีก มันก็จะไม่มีความเสี่ยง
“เงาของดาบต้านสวรรค์สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธมนตราได้” ลั่วอู๋มองไปที่ดาบและยิ้ม
หนึ่งในสิบแปดของดาบต้านสวรรค์ ในแง่ของระดับควรอยู่ในระดับกลางของระดับปฐพี มันเทียบเท่ากับดาบระบำแห่งความตายของเขา เรียกได้ว่าเป็นร่างจำแลงของอาวุธมนตราเลยก็ว่าได้
หลังจากที่เงาดาบหลุดออกจากผนึกมันก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น
ดูเหมือนว่ามันจะยังคงรูปเงาอยู่ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ด้วยมือเปล่าแล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังถือดาบที่มีรูปร่างเป็นหมอก มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก
ฝุ่นทั้งหมดสงบลง
ปลาตัวใหญ่คืนความสงบ
ลั่วอู๋ได้น้ำมาเกือบ 130 หยดจากสระทองคำ และการแทนที่เงาดาบด้วยดาบเลือดเดือดทำให้เขาได้รับข้อมูลเชิงลึกมามากมาย
ในที่สุดจูกู่เฉิงก็เดินเข้ามา
“อืม ดีมาก ผนึกกลับสู่สภาพเดิมแล้ว” จูกู่เฉิงตรวจสอบตราผนึกอย่างคร่าว ๆ “ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นหรือ?”
เขาไม่สังเกตเลยว่าเงาดาบนั้นเปลี่ยนไป
เพราะพวกมันถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังของผนึก การตรวจสอบธรรมดา ๆ จึงไม่สามารถมองเห็นข้อแตกต่างได้
ลั่วอู๋ส่ายหัวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างเป็นปกติดี”