ไหปีศาจ - บทที่ 487 น่าจะเป็นคนใหญ่คนโต
บทที่ 487 น่าจะเป็นคนใหญ่คนโต
บทที่ 487
น่าจะเป็นคนใหญ่คนโต
ตอนนี้เหวินเสี่ยวเต็มไปด้วยความโกรธแค้นต่อจูกู่เฉิง
โชคดีที่เขาจะถูกลั่วอู๋พาตัวไปไม่งั้นเขาจะต้องพยายามแย่งชิงบัลลังก์แน่
น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะนั้นสามารถชำระล้างแก่นวิญญาณและฟื้นฟูรูปแบบของพลังวิญญาณได้ทุกอย่าง ทั้งพลังวิญญาณและข้อบกพร่องอื่น ๆ เป็นสุดยอดน้ำอมฤตตามคำบอกเล่า
มันอาจจะแก้ปัญหาเหวินเสี่ยวได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้น้ำพุศักดิ์สิทธิ์มา
เนื่องจากอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะเป็นหนึ่งในสถานที่ลึกลับที่สุดในโลกและ นอกจากนี้ตัวน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เองก็ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นน้ำพุที่มีสัตว์วิญญาณภูตระดับสูงสุดในอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะคุ้มครองอยู่
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะได้มันมาครอบครอง
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
อีกเรื่องที่ทำให้ยุ่งยากก็คือเหวินเสี่ยวนั้นมีคำสาบานวิญญาณอยู่
มันคือคำสาบานต่อหัวใจของตน ต่อให้เหวินเสี่ยวจะหลอกใครก็ได้ แต่เขาไม่สามารถหลอกตัวเองได้ ดังนั้นหากฝ่าฝืนเขาก็จะถูกลงโทษโดยแก่นวิญญาณของตนเอง
อย่างไรก็ตามเหวินเสี่ยวก็ยังไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสับสน
หลังจากการถกเถียงอย่างเข้มข้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผลที่ได้ก็คือ
เขาทรยศต่อคำสาบานไปแล้ว
ทุกคนใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นเพราะวิญญาณดวงเดียวกันของเหวินเสี่ยวมีสองบุคลิก วิธีคิดภายในนั้นขัดแย้งและตรงกันข้าม ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกเลี่ยงผลของคำสาบานวิญญาณได้
ว่าสั้น ๆ ก็คือเขาสามารถโกหกตัวเองได้
แต่เรื่องเกี่ยวกับแก่นวิญญาณของสิ่งต่าง ๆ ก็ยังลึกลับเกินไป จึงไม่มีใครสามารถสรุปได้จริง ๆ ได้แต่เพียงคาดเดา
ลั่วอู๋ออกจากห้องโถง แล้วกลับมาที่ส่วนล่างของพระราชวังเป่ยหมิง
เขามาที่คฤหาสน์ตระกูลเฉินในมณฑลเย่วฝู
ชายตัวอ้วนได้ยินรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาจึงรีบออกจากบ้านราวกับตัวติดไฟ พอเห็นลั่วอู๋ เขาก็บ่นว่า “นายใหญ่ ทำไมท่านถึงหายไปนานมากโดยไม่มีข่าวเลย”
“ช่วงนี้มีเรื่องทำให้ล่าช้าน่ะ แล้วที่ข้าบอกให้ทำล่ะ?” ลั่วอู๋ถาม
ชายอ้วนพยักหน้า “หลังจากที่จัดการเสร็จแล้ว ข้าก็ส่งคนให้ออกจากพระราชวังเป่ยหมิง ไปที่โลกภายนอกและเปิดช่องมิติสู่โลกภายนอกให้แล้วด้วย ตำแหน่งของมันอยู่ในร้านเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมในมณฑลเสิ่นชุน”
ฮวงเสี่ยวหยวนและทีมทะลวงน้ำแข็งถูกส่งกลับไปที่มณฑลเสิ่นชุนด้วยกันกับตระกูลเฉิน เนื่องจากมันจำเป็นต่อการเปิดร้านค้าสีฟางขึ้นใหม่
ฮวงเสี่ยวหยวนมีหัวคิดทางธุรกิจที่ดี เขารับผิดชอบการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจระหว่างสองอาณาจักรได้เป็นอย่างดี ร้านค้าสีฟางจึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ชายร่างอ้วนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายใหญ่ ข้ารับประกันได้เลยในนามของผู้สืบทอดตระกูล เพื่อที่จะฝ่าช่องมิติ ตระกูลเฉินแห่งเย่วฝูได้ใช้เงินจำนวนมาก เพื่อดึงดูดสายตาของผู้คนออกไป พวกเขามักจะไม่สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้ามีจุดสนใจที่ใหญ่กว่า”
“อย่าพูดให้มันดูไม่ดีสิ” ลั่วอู๋เหลือบมองเขา “การค้าข้ามช่องแคบห้วงมิตินั้นเป็นเรื่องของธุรกิจ และตระกูลเฉินของเจ้าเองก็ยังได้ทำธุรกิจผูกขาดในช่องทางนี้ เจ้าเองก็รู้ดีเรื่องกำไรอันมากมหาศาลที่เจ้าจะได้ ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านี้แล้วใช่ไหมล่ะ”
ชายอ้วนยิ้มเจื่อน
เดิมทีเขาต้องการขายจะของนู่นนี่เพิ่มเฉย ๆ ไม่คิดว่าจะโดนลั่วอู๋พูดจี้ใจดำตรง ๆ
การค้าข้ามช่องห้วงมิตินั้นทำเงินได้มากจริง ๆ สินค้าจากราชวงศ์มังกรเร้นกายนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก เมื่อพวกมันมาถึงพระราชวังเป่ยหมิง กำไรที่เขาได้นั้นจึงมากมหาศาลเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
นอกจากนี้เขายังได้รับความสนใจจากคนในตระกูล ท่ามกลางความรุ่งเรืองของตระกูลอันเก่าแก่ ความหวังที่จะชนะตระกูลเหล่านั้นสำหรับตระกูลเล็ก ๆ ของเขากำลังเติบโตขึ้น
เขาสามารถหัวเราะและตื่นขึ้นมาเหมือนอยู่ในความฝันได้ ด้วยที่เขามีฐานะอันร่ำรวยทั้งในฝันและความเป็นจริง
“นายใหญ่ ข้าไปโม้กับผู้อาวุโสว่า ข้าสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับราชสำนักได้อย่างแน่นอน” ชายอ้วนยิ้ม “ตอนนี้ทางตระกูลจึงเริ่มที่จะเร่งเร้าข้าแล้ว…”
ลั่วอู๋คิดแล้วจึงตอบไป “ข้าให้สัญญากับเจ้าแล้วก็จริง แต่ตอนนี้มันมีปัญหานิดหน่อย”
“มีอะไรเหรอ?”ชายอ้วนตกใจ
“ข้าเคยสัญญาว่าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับนายน้อยแห่งวังหลวงเพียงคนเดียวของพระราชวังเป่ยหมิงใช่ไหมล่ะ ?”
ชายอ้วนพยักหน้า
ตระกูลของเขาต้องเหนื่อยกันเป็นอย่างมาก กว่าจะตรวจสอบได้ว่านายน้อยแห่งวังหลวง คนอื่น ๆ ได้เสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาตายด้วยน้ำมือของนายน้อยแห่งวังหลวงอีกคนที่กลับมาจากโลกภายนอก
ทว่าชื่อในฐานะผู้สืบทอดของเขายังไม่ปลอดภัยถึงขนาดนั้น
หลัก ๆ เป็นเพราะลั่วอู๋บอกเคล็ดลับเหล่านี้ ดังนั้นเฉินจึงตัดสินใจที่จะเดิมพันตกลงที่จะให้ความร่วมมือกับลั่วอู๋
“ตอนนี้แม้แต่นายน้อยแห่งวังหลวงเพียงคนเดียวนั่นก็หายไปแล้ว ไอ้บ้านั่นมันเสียสติ เลยต้องออกไปจากพระราชวังเป่ยหมิงอีกรอบ” ลั่วอู๋พูด
คนอ้วนสูดปากแสดงรอยยิ้มที่น่าเกลียดแล้วร้องไห้ “นายใหญ่อย่าล้อข้าเล่นสิ”
“ข้าทำได้เพียงแต่แนะนำเจ้าให้รู้จักกับบุคคลสำคัญอีกคนในพระราชวังเป่ยหมิง รับประกันได้เลยว่าข้าไม่ล้อเล่นกับเจ้าแน่” ลั่วอู๋พูดอย่างระมัดระวัง
“ใครกัน?”
“ผู้ปกครองสูงสุด จูกู่เฉิง”
ชายอ้วนกะพริบตาอย่างสับสน ใบหน้าแสดงสีหน้าประหลาดใจ “นายใหญ่พูดจริงรึ? ว่าแล้วท่านต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป”
ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ท่านมีตำแหน่งอะไรในราชวังกันแน่? หรือว่าท่านเป็นผู้อาวุโส! ไม่สิ ท่านไม่น่าเป็นผู้อาวุโสได้ตั้งแต่อายุยังน้อยนี่นา แล้วท่านเองก็ไม่น่าใช่ ลูกนอกสมรสของผู้อาวุโสด้วย” ชายร่างอ้วนถามอย่างตื่นเต้น
ลั่วอู๋กลอกตาของเขา “ ทำไมข้าต้องไปยุ่งเกี่ยวพันกับพวกคนแก่เลว ๆ พวกนั้นด้วยเล่า?”
เมื่อรู้สึกถึงความไม่พอใจของลั่วอู๋ชายร่างอ้วนจึงรีบขอโทษ
“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ นายใหญ่ ข้าปากพล่อยไปหน่อย” ชายอ้วนถามอย่างระมัดระวัง “งั้นท่านเป็น…”
“สถานะที่คล้ายกับผู้อาวุโสนั่นแหละ รับเหรียญตราอันทรงเกียรติจากผู้อาวุโสอันใหม่เอี่ยมนี่ไป”
“……” ชายร่างอ้วนจ้องมองตาถลน
“เป็นอะไรไปน่ะ เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?”
“นายใหญ่ ข้าจะเชื่อแบบนั้นได้ยังไง?” ใบหน้าที่อ้วนกลมพันกัน “พระราชวังไม่เคยมีตำแหน่งนี้มาก่อนเลยนะ ท่านรู้หรือเปล่าว่าตำแหน่งของผู้อาวุโสนั้นสูงเพียงใด มีเพียงผู้ปกครองสูงสุดและรองผู้ปกครองสูงสุดเท่านั้นที่สามารถสูงกว่าตำแหน่งนั้นได้ โดยพื้นฐานแล้วคือต้องมีผลงานอย่างมาก และมีความแข็งแกร่งไม่ต่ำกว่าระดับทองขั้นสูงมิติแปด แล้วตราของท่านเองก็เพิ่งแกะสลักขึ้นใหม่ ดูก็รู้ตั้งแต่แรกเห็น หากท่านจะปลอมมันก็ควรใส่ใจมากกว่านี้สิ”
ลั่วอู๋ทำหน้าไม่ถูก “เจ้าจะไม่เชื่อข้ามันก็ช่วยไม่ได้”
ชายอ้วนทำใจเชื่อไม่ลง นายใหญ่คนนี้ดูน่าเชื่อถือมากในตอนแรก ทำไมตอนนี้เขาถึงดูไม่น่าเชื่อถือ
“เจ้าลองเข้าไปราชวังพร้อมกับตรานี่สิ ข้าได้บอกกับผู้ปกครองสูงสุดจูกู่เฉิงไว้แล้วและเขาจะดูแลตระกูลของเจ้าในอนาคต” ลั่วอู๋ให้ตรากับชายอ้วน
ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะเก็บตรานั่นไว้อยู่แล้ว
จากนั้นลั่วอู๋ก็เดินจากไป
ยังไงซะ เขาก็ได้ทำตามสัญญาเรียบร้อยแล้ว
สำหรับตระกูลเฉินแห่งเย่วฝู พวกเขาจะสามารถคว้าโอกาสนี้ได้หรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลของลั่วอู๋
ระหว่างที่มองไปยังแผ่นหลังของลั่วอู๋ ชายอ้วนก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำว่า นายใหญ่คนนี้พูดจริงใช่ไหม?
ผู้อาวุโสอันทรงเกียรติ?
ชื่อนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ชายอ้วนลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงไปที่พระราชวัง
“หยุด!” ผู้รักษาประตูของพระราชวังหยุดชายอ้วนไว้ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ชายร่างอ้วนกลืนน้ำลายและหยิบตราออกมาอย่างสั่นสะท้าน “ผู้อาวุโสอันทรงเกียรติขอให้ข้ามา”
“เป็นแขกของผู้อาวุโสอันทรงเกียรตินี่เอง เชิญเข้ามาได้” ผู้รักษาประตูตรวจสอบตราและปล่อยเขาเข้ามา
ชายอ้วนแทบจะสลบไสลเดินเข้าไปในวิหารอย่างกับเมฆที่ตกลงมา
ข้าเข้ามาได้?
เขาได้ตำแหน่งผู้อาวุโสอันทรงเกียรติจริง ๆ รึเนี่ย!
“ยังไงก็ตามผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ได้กล่าวทักทายไว้แล้ว โปรดไปที่ห้องโถงแสงเหนือและรอสักครู่ ไม่ช้าผู้ปกครองสูงสุด จูกู่เฉิงจะมาพบท่าน” ผู้รักษาประตูกำชับ
คนอ้วนสงสัยว่าหูเขาเพี้ยนไปรึยัง
มิฉะนั้นจะได้ยินคำพูดที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร
หลังจากการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายอ้วนก็เชื่อว่าเขาได้ยินถูกต้องแล้ว
ผู้ปกครองสูงสุด จูกู่เฉิงอยากเจอข้า!?
ชายอ้วนตื่นเต้นมาก
เขาน่าจะเป็นคนใหญ่คนโตจริง ๆ นายใหญ่ไม่สามารถแนะนำเขาให้กับนายน้อยได้ เขาเลยแนะนำให้กับผู้ปกครองสูงสุดโดยตรงเลย ตอนนี้ใบหน้าของเขาบานใหญ่กว่าท้องฟ้า
นายใหญ่ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรตั้งคำถามกับท่านเลย
นายใหญ่!
ท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้าจริง ๆ