ไหปีศาจ - บทที่ 500 ทำความเข้าใจนัยน์ตาปีศาจ
บทที่ 500 ทำความเข้าใจนัยน์ตาปีศาจ
บทที่ 500
ทำความเข้าใจนัยน์ตาปีศาจ
ปังชิเย่ไม่สนใจกิจการของลั่วอู๋ เขากำลังคุยกับ ลั่วฮันเชียง เพื่อลิงเผือกที่จะพากลับไปด้วย
การเลือกให้ดีนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
หากเลือกลิงเผือกที่ยังเด็กมันก็จะสะดวกกว่าในการทำพันธสัญญาและมีความภักดีมากกว่า อย่างไรก็ตามถ้าต้องการประสิทธิภาพในการต่อสู้ ก็จะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังยากที่จะรับประกันว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างนั้น
แต่ถ้าเลือกลิงเผือกที่โตเต็มวัยก็จะได้สัตว์วิญญาณที่มีความสามารถในการต่อสู้อันแข็งแกร่งมาในทันที แต่มันก็ยากในการทำพันธสัญญา ยิ่งไปกว่านั้นลิงเผือกเป็นสัตว์วิญญาณที่มีความรู้สึกลึกต่อตระกูลลั่วพวกมันจึงอาจก่อกบฏ
ปังชิเย่ลังเลมาก
เพราะสาเหตุเขามาเลือกลิงเผือกในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่เป็นสำหรับ เสี่ยวเว่ย นายพลแห่งเทพเจ้าอันดับหนึ่งของคฤหาสน์องค์ชาย
หากเสี่ยวเว่ยไม่ได้รับมอบหมายให้ไปทำภารกิจสำคัญ จนไม่สามารถมาที่นี่ได้ในขณะนี้ เขาก็คงจะไม่ต้องมาที่นี่ เพราะเสี่ยวเว่ยก็จะมาเลือกมันด้วยตัวของเขาเอง
ดังนั้นปังชิเย่จึงต้องระวังมาก
อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวกง ได้ทิ้งความโกรธของมันไว้ข้างหลัง มันเล่นกับดาบเสมือนอย่างตื่นเต้น และไม่ได้โกรธ ลั่วอู๋ อีกต่อไป
ดาบสีเทาภายใต้การควบคุมของทักษะ ศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบบินผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว เหมือนจะกลายเป็นแสง ซึ่งทำให้ ลั่วอู๋ ประหลาดใจมาก
ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงความสุขของเสี่ยวกงและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวกง ก็รู้สึกหดหู่อีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย
เสี่ยวกงหันศีรษะและมองไปที่สองพี่น้องลิงน้อย ที่กำลังวิ่งอย่างรวดเร็วท่ามกลางดงไผ่โดยทิ้งมันไว้เบื้องหลัง พวกมันดูกระตือรือร้นจนทำให้เสี่ยวกงท้อแท้
ตัวมันนั้นเกิดมาแตกต่างจากลิงเผือกตัวอื่น ๆ
ในแง่ของสรีระร่างกายมันด้อยกว่าสองพี่น้องมาก
แต่มันก็ยังคงสืบทอดลักษณะของลิงเผือก มันกระตือรือร้นที่จะต่อสู้เอาชนะ และมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิเสธการพ่ายแพ้ ด้วยความกล้าหาญที่มีมากขึ้น
การที่พวกมันวิ่งผ่านป่าไม่ใช่แค่เพื่อเล่นซนไปวัน ๆ แต่เพื่อแข่งขันชิงชัยชนะ ดังนั้นพวกมันจึงวิ่งจนหมดเรี่ยวแรงในช่วงสุดท้ายเสมอ
แม้ว่า เสี่ยวกง จะอ่อนแอมาก แต่มันก็หวังว่าจะตนเองเหนือกว่าพี่น้องอีกสองตัวของมัน
เห็นได้ชัดว่า เสี่ยวกง ดูไม่สบายใจเท่าไหร่
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะออกกำลังกายสำหรับมัน เพราะพี่ชายทั้งสองห่างจากมันไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลั่วอู๋แตะศีรษะของเสี่ยวกง”ข้ารู้ดีว่าเจ้าต้องพยายามอย่างหนัก แต่เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าทิศทางที่ผิด คือการก้าวไปข้างหน้าแบบนั้น”
เสี่ยวกง ตกอยู่ในความงุนงง
มันไม่เข้าใจที่ลั่วอู๋ต้องการจะสื่อ
“ในแง่ของความแข็งแกร่ง และความเร็วทางร่างกาย เจ้าไม่มีทางเทียบได้กับพี่ชายทั้งสองตัวของเจ้าได้แน่” ลั่วอู๋กล่าวช้าๆ
สีหน้าของเสี่ยวกง ดูซีดเซียว
“ แต่เจ้าก็มีพรสวรรค์ที่หาที่เปรียบไม่ได้อยู่ ระดับที่ว่าพี่ชายทั้งสองของเจ้าไม่มีวันเทียบได้” “สิ่งที่เจ้าต้องทำไม่ใช่การชดเชยจุดอ่อนของเจ้า แต่เป็นการให้ใช้ความสามารถนั้นของเจ้าให้เต็มที่ เพื่อให้ข้อดีของเจ้าส่องสว่างขึ้นเรื่อย ๆ สว่างมากขึ้นจน แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ไม่สามารถปกปิดได้ จงส่องแสงสว่างเพื่อให้พี่น้องทุกตัวของเจ้าดูมืดสลัว เพื่อให้โลกสนใจ เพียงแต่ข้อดี ของเจ้า ”
เมื่อจุดแข็งของมันดีพอที่จะปิดบังทุกสิ่ง มันก็เหมือนกับไม่มีจุดอ่อน
ทันใดนั้นเสี่ยวกงก็เลือดร้อนพล่านขึ้นมา ดวงตาของมันส่องแสงสีทองสว่างขึ้นเล็กน้อย
“ใช้ดาบของเจ้าซะ” ลั่วอู๋กล่าวว่า “เจ้ามีทักษะ ศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้กับเจ้า”
ทักษะ ระดับ s [ศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบ]
แม้ว่าจะเป็นระดับ s แต่ก็มีค่ามากกว่าระดับ SS มี สัตว์วิญญาณ เพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถมีทักษะนี้ได้
เนื่องจากมันไม่มีพลังทำลายล้างโดยตรง มันจึงถูกจัดเป็นระดับ s เท่านั้น อย่างไรก็ตามในแง่ของความหลากหลายศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบนั้นพลิกแพลงได้ยิ่งกว่า ทักษะระดับ SS ส่วนใหญ่เสียอีก
เสี่ยวกง ปล่อยให้ดาบของมันลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้า จากนั้นมันก็ยืนบนใบดาบอย่างไม่คุ้นเคย แต่ในไม่ช้ามันก็สามารถควบคุมความสามารถในการทรงตัวได้
“นี่แหละคือวิธีเพิ่มความเร็วของเจ้า” ลั่วอู๋รู้สึกตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัว
ใช้ดาบในการบิน
นั่นคือสิ่งที่ผู้คนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝัน
ดาบสีเทาลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วบินออกไป ความเร็วมันช้ามาก เนื่องจากเสี่ยวกงยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมาก
โชคดีที่มันเกิดมาพร้อมกับทักษะของขวัญที่จะใกล้เคียงกับความสามารถของจักรพรรดิดาบ
เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ มันก็สามารถเชี่ยวชาญทักษะศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบได้ ความเร็วของมันค่อยๆเพิ่มขึ้น จากนั้นมันก็ลอยออกไปพร้อมกับเสียงฉับทิ้งเงาเสมือนสีเทาเงินเอาไว้
เสี่ยวกง มองไปที่ป่าไผ่และผืนดินที่ค่อย ๆ เล็กลงห่างออกไป มันไม่ได้เกรงกลัว แต่กลับยิ่งตื่นเต้น ดูเหมือนว่ามันจะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในเชิงดาบ
ความเร็วของมันเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ลมปราณของมันคมชัดขึ้นราวกับดาบ ดาบสีเทาที่มันใช้เองก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงความประสงค์ของ เสี่ยวกง และสั่นพ้องพลังวิญญาณของดาบออกมาอย่างมีสุข ร่างกายของ เสี่ยวกง ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกและความเร็วของมันก็ทะยานขึ้นอีกครั้ง
มิติวิญญาณของเสี่ยวกงนั้นต่ำเกินไป ความเร็วนั้นจึงไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงในสายตาของ ลั่วอู๋
แต่ลั่วอู๋ก็ยังมีแววตาที่ตกใจอยู่เล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าดาบเองก็มีจิตวิญญาณด้วย
แม้ว่าดาบเล่มนี้จะเป็นเพียงของจำลอง แต่มันก็เป็นเงาเสมือนของดาบที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาเป็นเวลาหลายพันปีนับ ตั้งแต่ที่คุนถูกผนึก
ในตอนที่มันอยู่ในมือของลั่วอู๋ เขาไม่ได้รู้สึกถึงจิตวิญญาณของบมัน
เพราะดาบนี้ไม่ได้รู้จักลั่วอู๋
แต่ตอนนี้มันกลับรับรู้ถึงตัวตนมิติวิญญาณระดับต่ำของเสี่ยวกง
“ใช่เลย แบบนั้นแหละ ถูกต้อง” ลั่วอู๋ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
ลิงเผือกตัวน้อยอีกสองตัวก็พบความผิดปกติของเสี่ยวกง พวกมันจึงมองขึ้นไปบนฟ้าและคำรามสองสามครั้งราวกับกำลังยั่วยุ พวกมันคิดว่าเสี่ยวกงท้าทายพวกมัน
สายเลือดของลิงเผือกโหยหาการแข่งขัน
“กรร!” เสี่ยวกง คำรามขึ้นไปบนฟ้าและใช้ทักษะศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบบินตามพี่น้องของมันไป ลิงเผือกตัวน้อยทั้งสามวิ่งอยู่บนเส้นขนานเดียวกันจากนั้นก็หายไปในป่าไผ่
จากเดิมด้วยความพยายามสุดตัวของมัน มันทำได้เพียงแค่มองเห็นพี่น้องสองตัวนำหน้าไปจากข้างหลัง แต่ตอนนี้เสี่ยวกงได้นำหน้าพวกมันด้วยความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นถึงขีดสุด
ในพริบตามันก็ทิ้งห่างพี่ชายทั้งสองตัวไว้ข้างหลัง
ความเร็วของมันนั้นเร็วกว่าสองพี่น้องราว ๆ สามเท่า
เสี่ยวกงพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งขึ้น และดวงตาสีทองของมันก็สว่างขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยความเร็วที่มันมีในตอนนี้จึงทำให้เสี่ยวกงเต็มไปด้วยความมั่นใจ แสงสีทองกะพริบไปพร้อมกับสายลมที่พัดผ่านในหู กระแสไฟฟ้าที่อธิบายไม่ได้กระจายไปทั่วร่างกาย พลังวิญญาณในดวงตาของมันส่องสว่างอย่างรวดเร็ว
แสงสีทองเบ่งบานจากนั้นก็รวมตัวกันเป็นสสารส่องแสงสว่างไปทั่วแล้วระเบิดออก ต้นไผ่สีเขียวหลายสิบต้นกระจัดกระจายไปทั่วด้วยความเร็วที่พุ่งผ่าน
มันเร็วจนก่อไผ่แตกกระจาย
สิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ความเป็นไปได้มีเพียงอย่างเดียว คือมันสามารถปลุกพลังที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าพันธุ์ของลิงเผือก อย่างทักษะระดับ SS [นัยน์ตาปีศาจ] ได้สำเร็จ
นี่ทำให้ลั่วอู๋อดสงสัยไม่ได้
แม้ว่า นัยน์ตาปีศาจ จะเป็นหนึ่งในทักษะของเผ่าพันธุ์ ลิงเผือก แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเสี่ยวกงจะสามารถเรียนรู้เข้าใจทักษะนี้ได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจทักษะตั้งแต่ในตอนที่มีมิติวิญญาณเพียงแค่ระดับทองแดง
ความเข้าใจนั้นขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ โอกาสและการรับรู้
แม้ว่าสภาพร่างกายของ เสี่ยวกง จะไม่ดีนัก แต่มันก็สืบทอดสายเลือดของลิงเผือก ดังนั้นมันจึงมีคุณสมบัติเช่นนั้นโดยธรรมชาติ
มันอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก จนเกือบตาย เอาตัวรอดได้ในโอกาสที่ยากมาก แต่มันก็กลับต้องมาพบความจริงว่าตัวเองนั้นเทียบชั้นกับพี่ชายไม่ได้เลย
มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเข้าใจพรสวรรค์ของตัวเองได้ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ทว่าด้วยความปรารถนา และความพึงพอใจในชัยชนะ จึงทำให้พลังวิญญาณในเลือดของมันเดือดอย่างบ้าคลั่ง ฝ่าฟันอุปสรรคและเข้าใจทักษะนัยน์ตาปีศาจ
เดิม เสี่ยวกง มีทักษะศิลปะแห่งจักรพรรดิดาบเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้มันได้มีทักษะที่สองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปังชิเย่ และ ลั่วฮันเชียง ต่างตกใจกับสิ่งนี้
ตอนนี้พวกเขาได้เห็นแล้วว่าลิงเผือกตัวน้อยที่อ่อนแอ นั้นแข็งแกร่งดุร้ายมากแค่ไหน
ใช้ดาบในการบิน?
ความเร็วนี่มันอะไรกัน!
ทำไมดาบถึงขยับไปเองได้? มันเป็นไปได้ไหมที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ มีเพียงสัตว์วิญญาณระดับสูงเท่านั้นที่จะมีสติปัญญาระดับนี้ได้ !
หรือว่าดาบสีเทาของลั่วอู๋เป็นอาวุธมนตรา?
นอกจากนี้มันยังมีนัยน์ตาปีศาจ มันที่เดิมทีเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาพี่น้องสามตัว ทำไมมันถึงได้เข้าใจทักษะวิญญาณอันทรงพลังนี้ได้กัน นี่มันน่าทึ่งเกินไปแล้ว