ไหปีศาจ - บทที่ 543 ดาบแรก
บทที่ 543 ดาบแรก
บทที่ 543
ดาบแรก
ง้าวได้ฟาดลงมา
เซียวอวี้ไม่รู้เลยว่าจะมีง้าวฟาดลงมาจากด้านหลัง
การต่อสู้ระหว่างเขาและหลินกุยเพิ่งเริ่มต้นขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ เขาไม่สามารถที่จะเสียสมาธิได้ เขาจ้องไปที่หลินกุยอย่างใจจดใจจ่อ
แม้แต่คนสองคนเพิ่งเสร็จสิ้นการอุ่นเครื่อง และพวกเขาก็พร้อมที่จะแสดงพลังที่แท้จริงออกมา
การโจมตีของฉูจานเทียน กำลังจะมา
“ฟู่ว ฮู่ว…”
เลือดสาดกระเด็นไปบนอากาศ
เซียวอวี้ถูกแทงที่ด้านหลังจนเป็นรู ก่อนที่เขาจะกระเด็นออกไป
ทุกคนตกตะลึง เว้นแต่องค์จักรพรรดิ
ทีฮั๋วทรยศอีกแล้วเหรอ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตัวเขานั้นเป็นคนขององค์จักรพรรดิตั้งแต่แรก
เซียวอวี้เต็มไปด้วยเลือด ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธและความขายหน้า มันเป็นการแข่งขันระหว่างผู้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมันไม่ควรจะมาจบลงง่ายเช่นนี้
แต่ความเป็นจริงมันโหดร้าย
พลังของเขากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
“ทำไมกัน!” เซียวอวี้คำรามและส่งเสียงดังออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ทำให้เกิดพายุรุนแรงราวกับว่าจุดจบของที่แห่งนั้นกำลังมาถึง
ทีฮั๋วไม่มีแม้แต่จะมองมาที่เขา
เพราะเขานั้นได้ตายไปแล้ว
องค์จักรพรรดิมองไปที่ใบหน้าของหลี่ซวนซงที่มีแต่ความหม่นหมอง และในที่สุดเขาก็รู้ได้ว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวนั้นอยู่เหนือการควบคุมของเขา
“ทำไมกัน?” หลี่ซวนซงเกิดคำถามขึ้นในใจ
ทีฮั๋วที่แต่เดิมได้แต่เงียบขรึม กลับหัวเราะออกมา “องค์ชายภาพลวงตานั้น สำหรับเจ้ามันคืออะไรกันล่ะ? ข้านั้นภักดีต่อเขา ข้าเป็นคนขององค์จักรพรรดิมาตลอด”
จากนั้น เขาก็เดินมาที่รถม้า ก้มศีรษะลงและมองด้วยความเคารพ
องค์จักรพรรดิสงบนิ่ง ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย “เหนื่อยหน่อยนะ”
ลั่วอู๋ตกตะลึง
“เจ้าเป็นคนขององค์จักรพรรดิงั้นเหรอ?” เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “แล้วองค์หญิงเจียโรวล่ะ?”
ทีฮั๋วเงยหน้าขึ้น และพูดออกมา “โดยปกติแล้วจะต้องอยู่ในสถานที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ข้าเติบโตมาพร้อมกับเฝ้าดู องค์หญิงเจียโรวเติบโตขึ้น เหมือนดั่งบุตรสาวคนหนึ่ง ข้าจะทำอันตรายกับนางได้อย่างไร? ข้านั้นโดนนางดุด่ามานาน มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนักหรอก”
ลั่วอู๋พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
อย่างไรก็ตาม มันก็สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงเข้ามาที่ประตู แต่ก็ไม่มีใครคิดจะฆ่าเขาเลย
มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้นำของผู้คุ้มกันองค์หญิงจะภักดีต่อองค์จักรพรรดิ แต่หลายคนต่างก็ต้องตกใจ
เพราะเป้าหมายของการทรยศของเขาก็คือ หลี่ซวนซง
ถ้าเกิดว่าไม่แน่ใจในความภักดีของทีฮั๋ว ทำไมถึงต้องเชื่อใจเขาด้วย? ท่านควรจะรู้ว่าการทรยศหักหลังนั้นจะนำไปสู่ในการก่อกบฏ และองค์จักรพรรดิก็จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าของหลี่ซวนซงหม่นลง “มันมีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนในความคิดว่า สิ่งที่เจ้าต้องการมากที่สุดก็คือการฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเจ้าเอง ดังนั้น เจ้าจะสามารถทำทุกวิถีทาง สติปัญญาของข้าไม่สามารถจะผิดพลาดได้”
เขามั่นใจในหน่วยข่าวกรองของเขามาก
“ข้อมูลของเจ้าถูกต้อง” “ข้าสามารถจ่ายราคาเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของข้าได้ทั้งหมด และล้างเครื่องหมาย พันธสัญญาของสัตว์วิญญาณ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก”
“แล้วทำไม!” หลี่ซวนซงหน้าซีด
“เพราะว่าเจ้าไม่ได้รู้ข้อมูลทั้งหมดยังไงล่ะ” ทีฮั๋วกล่าว ทุกอย่างมีลำดับความสำคัญ ข้าสามารถจ่ายด้วยราคาทั้งหมดได้ แต่มันก็ไม่รวมถึงชีวิตของข้าแน่นอน
แน่นอนว่าชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ชีวิตที่ดับสูญ เรี่ยวแรงที่อ่อนแอลง
“มีสิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปในหัวของเจ้า สาเหตุที่ข้ารอดมาได้ก็เพราะองค์จักรพรรดิได้ช่วยข้าเอาไว้ ในตอนนั้น ข้าได้สาบานด้วยเลือดของข้า เพื่อจะจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและจะไม่มีวันทรยศ” ทีฮั๋วกล่าว
ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องราวในตอนนั้น
และวันนี้ ทีฮั๋วก็ได้เปล่าประกาศออกไป
ทุกคนสามารถทรยศต่อองค์จักรพรรดิได้ แต่เขาจะไม่ทำ
เมื่อเขาเลือกที่จะทรยศ เขาจะไม่แม้แต่จะรายงานต่อองค์จักรพรรดิด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกตรวจสอบ
และองค์จักรพรรดิก็ไม่เคยสงสัยในความจงรักภักดีของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ลมหายใจของหลี่ซวนซงแผ่วลง “เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เคยได้รับข่าวสารจากหน่วยข่าวกรองเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”
เขาคิดว่าเขานั้นรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทีฮั๋ว แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น
ทีฮั๋วส่ายหัว “องค์ชาย ท่านลืมไปหรือเปล่า? ว่าอาณาจักรแห่งนี้เป็นขององค์จักรพรรดิ ถ้าหากองค์จักรพรรดิตามใจเจ้า เจ้าก็สามารถสร้างหน่วยข่าวกรองขนาดใหญ่ได้ สิ่งที่เจ้าจะรู้ได้ก็คือสิ่งที่องค์จักรพรรดิให้เจ้าได้รู้”
ใช่แล้ว
เหตุผลที่หลี่ซวนซงพัฒนาพลังอันยิ่งใหญ่ดังกล่าวได้ก็เพราะได้รับการยอมรับจากองค์จักรพรรดิ
มันถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถรอได้
ถ้าหากองค์จักรพรรดิต้องการทำอะไรเขาละก็ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะถูกพรากไปจากเขา
หลี่ซวนซงกำมือแน่น
ในด้านความสามารถทางสติปัญญา จะหาใครเทียบได้กับองค์จักรพรรดิที่คอยดูแลราชวงศ์มังกรเร้นกายมายาวนานกว่า 30 ปี
ขณะนั้น ใบหน้าของบิดาก็ปรากฏขั้นในความคิดของเขา
“ตราบใดที่เขายังไม่ตาย เจ้าก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้”
“…”
“ข้าจะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งนั้น”
“อดทนไว้!”
“ตราบใดที่เขายังไม่ตาย อาณาจักรแห่งนี้ก็จะยังคงตกเป็นของเขาตลอดไป ”ไม่มีใครสามารถเอาอาณาจักรนี้ไปจากเขาได้
คำพูดขององค์ชายดังก้องอยู่ในหูของหลี่ซวนซงอย่างไม่หยุดหย่อนเป็นเวลานาน
เป็นไปไม่ได้!
ข้าวางแผนมามากกว่า 10 ปี!
หลี่ซวนซงคำรามดังออกมาในหัวของเขาอย่างไม่เต็มใจ เกิดประกายแสงสีทองพุ่งออกมาจากร่างของเขา จนทำให้ความมืดรอบตัว
แต่ไม่ไกลออกไปนั้น พลังวิญญาณของเซียวอวี้ก็ค่อย ๆ อ่อนกำลังลง พลังในการต่อสู้นั้น ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาให้หายทันทีได้ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ฉูจานเทียนและหลินกุยได้เข้ามา
แค่จักรพรรดิวิญญาณทั้ง 2 คน ก็สามารถทำให้สถานการณ์นี้กลับเป็นปกติได้
“ข้าคิดว่า ข้ายังสามารถต่อสู้ได้อยู่” หลินกุยไม่มีทางเลือกนอกจากยิ้ม
ฉูจานเทียนพยักหน้า และพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก “อืม มันช่างน่าเสียดายจริง ๆ”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมในระดับนี้ได้
ขณะนั้นในที่สุดองค์จักรพรรดิก็ลุกขึ้น และมองไปที่ชายที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 2 คนที่ได้เข้ามาช่วยเหลือเขา เขาพูดออกมาอย่างใจเย็น
“ตระกูลฉู พวกเจ้าสามารถย้ายเข้าไปอยู่ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิได้นะ ข้าจะหาที่ตั้งถิ่นฐานให้เจ้าเอง”
ทันทีที่องค์จักรพรรดิเอ่ยปาก บรรยากาศก็อึดอัดขึ้น
หลังจากนั้น เขาก็จะทำให้ตระกูลฉูมั่นคงขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับหลินกุยนั้น องค์จักรพรรดิไม่ได้พูดอะไรกับเขามากนัก
เราทุกคนรู้ดีว่าหลินกุยนั้นเป็นหัวขโมยตัวยง และองค์จักรพรรดิก็ไม่สามารถทำสัญญาอะไรกับเขาได้ แต่ในอนาคต องค์จักรพรรดิจะต้องคอยดูแลฐานที่มั่นของตงเทียนอย่างแน่นอน
องค์จักรพรรดิมีความชัดเจนเสมอเกี่ยวกับการมอบรางวัลและการลงโทษ
ไม่มีใครสงสัยในเรื่องนี้
หลี่ซวนซงคำรามด้วยความโกรธ “เจ้าคิดว่าทุกอย่างมันจะจบอย่างงั้นหรือ?”
ด้วยคำพูดนั้น ซึ่งมันจะทำให้หลี่ซวนซงรอดออกจากสถานการณ์นี้ได้
ทุกสายตาจับจ้องไปที่หลี่ซวนซง
หลายคนที่ภักดีต่อเขา ก็กำลังรอไพ่ตายใหม่ของ หลี่ซวนซง
องค์จักรพรรดิได้กวาดสายตาไปทั่วห้องโถง มองดูใบหน้าของประชาชนทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้
ลั่วอู๋เริ่มระมัดระวังตัว
ถ้าเกิดหลี่ซวนซงมีความสัมพันธ์กับภูตไหละก็ บางทีเขาอาจจะมีไพ่ตายที่แย่ก็ได้
หลี่ซวนจงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และคำรามออกมา “ตอนนี้ เจ้าคิดว่าจะดูอยู่เฉย ๆ งั้นหรือ?”
ทันใดนั้น สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
เงาดาบสีฟ้าขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ บนท้องฟ้า และปล่อยแรงดันวิญญาณออกมาอย่างหาใครเปรียบมิได้
ดาบนั้นดูเหมือนว่าจะเข้าไปควบคุมจิตใต้สำนึกของทุกคนในทันที
ทุกคนสูญเสียความนึกคิดของพวกเขาไป
ดาบได้ถูกตรึงเอาไว้
“ถ้าเจ้าไม่ได้เรียกข้า ข้าก็จะไม่ปรากฏตัวออกมา” หลังจากดาบได้ปรากฏขั้นมาบนท้องฟ้าโดยไม่มีการแจ้งเตือน ใด ๆ จากนั้นชายที่สวมชุดสีเขียวก็ปรากฏตัวขึ้นมา สีหน้าของเขามีแต่ความหม่นหมอง แต่มันก็อาจจะเป็นความเข้าใจผิดก็ได้ มันอาจจะเป็นการแสดงอารมณ์ที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
ฉูจานเทียนและหลินกุยได้มองหน้ากัน พวกเขามีแต่ความเคร่งขรึม และระมัดระวังตัวต่อกันและกันผ่านทางสายตา
มันดูทรงพลังมาก
แม้แต่ดวงตาขององค์จักรพรรดิเองก็แสดงถึงความหวาดหวั่นออกมา
ไม่ต้องมีเหตุผลอื่นใด ๆ รองรับ
เพราะว่าเขาคนนั้นคือ หลินเจิ้ง
นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก