ไหปีศาจ - บทที่ 545 มาก่อนได้ก่อน
บทที่ 545 มาก่อนได้ก่อน
บทที่ 545
มาก่อนได้ก่อน
การขัดขวางของลั่วอู๋ทำให้ดาบที่ปลายนิ้วของหลินเจิ้งหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ไม่ใช่ว่าเขาสามารถหยุดหลินเจิ้งได้ เพียงแต่หลินเจิ้งนั้นไม่แน่ใจว่าจะต้องฆ่าเขาในฐานะที่เป็นผู้ขัดขวางด้วยหรือไม่
“ลั่วอู๋ เจ้ารีบออกไปจากที่นี่ซะ!” ฉูจานเทียน ร้องออกมาอย่างรีบร้อน
เขาเสี่ยงมาที่นี่ก็เพราะว่า ผลไม้ลึกลับของ ลั่วอู๋ จุดประสงค์หลักในการเดินทางมาที่นี่ของเขาก็คือการช่วยชีวิตลั่วอู๋ เขาจึงไม่สามารถทนดูลั่วอู๋เข้ามาขัดขวางหลินเจิ้งได้
ส่วนชีวิตและความตายของเฒ่าชูนั้นเขาไม่ได้สนใจ
ไม่ใช่แค่เขา แต่หลินกุยเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน คนส่วนใหญ่เองก็ด้วย แม้ว่าเฒ่าชูจะมีชื่อเสียง แต่เขาก็อวดดีเกินไป เขาจึงไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ แม้แต่เหล่าศิษย์ของเขาหลายคนเองก็ยังเคารพเขามากกว่ารักเขาเสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ต้องหาทางป้องกันตัวเองก็ตึงมือมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มปัญหา
แต่ลั่วอู๋ก็อดไม่ได้ที่จะสนใจเฒ่าชู
ถ้าหลี่ซวนซงก่อกบฏสำเร็จแล้วขึ้นสู่อำนาจได้จริงๆคนในสำนักโล่พิทักษ์จะเป็นยังไง?
ลั่วอู๋ไม่ได้ไร้เดียงสาพอที่จะคิดว่าหลี่ซวนซงจะปล่อยพวกเขาไป เขาไม่ใช่คนใจอ่อนแบบนั้น มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่เลือกฆ่าเฒ่าชูเพื่อสร้างชื่อเสียงและความหวาดกลัวให้กับสาธารณชนแน่
ดังนั้นลั่วอู๋จึงต้องขัดขวางแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่สามารถนั่งดู หลี่ซวนซง ชิงบัลลังก์เฉย ๆได้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความสามารถเพียงพอ เขาก็ควรที่จะทำอะไรสักอย่าง
หลินเจิ้งมองไปที่ลั่วอู๋ตรงหน้าเขา จากนั้นก็หันหน้าไปมองหลี่ซวนซง “ข้าควรจะทำอย่างไรกับเขา”
“ฆ่ามันไปพร้อมกันสิ!” หลี่ซวนซงตอบอย่างโกรธเกรี้ยว
เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนแบบนี้ ฝึกฝนมาถึงมิติวิญญาณระดับเพชรได้ยังไงกัน
หลินเจิ้งนั้นโง่กว่าที่เขาคิดมาก เขาขอให้หลินเจิ้งมาควบคุมสถานการณ์ นั้นย่อมหมายความว่าผู้ก่อกวนทั้งหมดจะต้องถูกสังหาร
“โอ้” หลินเจิ้งพยักหน้า
ในความเป็นจริงเขาไม่ได้โง่ เขาแค่อยากอยู่เฉยๆและ ขี้เกียจที่จะคิดเรื่องต่าง ๆ
เขาไม่อยากคิดว่า เขาจะทำสิ่งเหล่านั้นที่ตัวเองไม่อยากทำได้อย่างไร เขาจึงถามเอาว่าเมื่อไหร่ที่เขาต้องทำ เขาจะรอจนกว่าจะได้คำตอบ และจะลืมสิ่งนั้นไปไม่นานนักหลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ
คาดว่าในอีกไม่กี่วัน เขาคงจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งเขาเคยได้เข้าร่วมในการก่อกบฏ และคงจำได้เพียงแค่ว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขากับองค์ชายได้สิ้นสุดลงแล้ว
ลั่วอู๋สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้
นักดาบอันดับหนึ่งของโลกนั้นดูเหมือนว่าจะมีบุคลิกแปลก ๆ
ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจคำเตือนของ ฉูจานเทียน และตะโกนออกไปว่า “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งลงมือ หยุดก่อน”
ปลายนิ้วของหลินเจิ้งได้กลายเป็นดาบพลังวิญญาณอันแหลมคม แตกออกจากร่างกายของเขา แต่มันก็ได้หยุดลงอย่างกะทันหันในอากาศ
ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังวิญญาณรูปแบบนี้มาก่อน
แต่ดูเหมือนว่าหลินเจิ้งจะไม่ได้มีปัญหาในการใช้มันเลย
สิ่งนี้ทำให้ ฉูจานเทียน และหลินกุย ที่กำลังจะขยับตัว ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ด้วยทักษะนี้เพียงอย่างเดียว พวกเขาก็ได้รู้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาห่างไกลจากหลินเจิ้งแค่ไหน
“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?” หลินเจิ้งรู้สึกสงสัย
ลั่วอู๋ รีบพูดออกมาว่า “ข้ามีดาบชั้นดี ชื่อดาบไร้ลักษณ์ นอกจากนี้ข้ายังมีหนังสืออีกสองเล่ม ซึ่งเขียนโดย จักรพรรดิดาบ หยางไคเทียนจักรพรรดิ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ซุยหยุน เมื่อห้าหมื่นปีก่อน เล่มหนึ่งคือบันทึกเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ ส่วนอีกเล่มเป็นบันทึกการเดินทางทั้งหมดของเขาที่มีความรู้สึกและความเข้าใจในแก่นแท้ของดาบ ข้าสามารถยกมันให้เจ้าอ่านได้นานเท่าที่เจ้าต้องการ”
คำพูดนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คน
แม้พวกเขาหลายคนจะไม่รู้ว่าจักรพรรดิดาบหยางไคเทียนคือใคร แต่ทุกคนที่รู้ต่างก็ตกใจและบางคนก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
บุคคลในตำนานเช่นนั้นได้ทิ้งทักษะของเขาเอาไว้ด้วยงั้นเหรอ?
นอกจากนี้ทักษะศิลปะการต่อสู้โบราณเองก็มีค่ามาก ยิ่งด้วยที่มันได้ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น คุณค่าทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียวก็น่ากลัวมากแล้ว เรียกได้ว่าไม่ต้องพูดถึงมูลค่าของมันเลย
หลินเจิ้งกะพริบตาและขยับเล็กน้อย
หนังสือโบราณที่จักรพรรดิดาบทิ้งเอาไว้?
สิ่งนี้น่าดึงดูดมากสำหรับเขา
ใบหน้าของ หลี่ซวนซง มืดมนลง เขาได้รู้แล้วว่าลั่วอู๋นั้นได้รับวัตถุโบราณของจักรพรรดิดาบหยางไคเทียนมาจริง ๆ กล่องเล็ก ๆ กล่องนั้นคงจะมีสองสิ่งนี้อยู่ข้างใน
เขาไม่มีเวลาคิดเลยด้วยซ้ำว่าลั่วอู๋เปิดกล่องนั้นได้อย่างไร
“หลินเจิ้ง ข้าให้สมบัติของจักรพรรดิดาบกับเจ้าเมื่อสองสามวันที่แล้ว เจ้าลืมมันไปหรือ?” หลี่ซวนซง กล่าวด้วยเสียงต่ำ
เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะหันมาต่อต้านเขาจริงๆ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาพยายามอย่างเต็มที่ในการค้นหาสมบัติของจักรพรรดิดาบ
เมื่อไม่นานมานี้เขาพบโบราณสถานอีกแห่งของจักรพรรดิดาบ นั่นคือคฤหาสน์ทองคำในมณฑลเหลียนหยุนและจากนั้นก็ได้ขโมยเอาของที่จักรพรรดิดาบทิ้งเอาไว้กลับไป
โชคดีที่สมบัติของจักรพรรดิดาบนั้นไม่ได้ถูก “ผนึก” เอาไว้
หลินเจิ้งครุ่นคิดสักครู่แล้วจึงพูดออกมา “ข้าจำได้ว่ามันเป็นภาพวาด และมีปากกาอีกหลายด้ามที่จักรพรรดิดาบใช้ในการภาพวาด มันสวยงามมาก”
ภาพวาดนั้นถูกวาดโดยจักรพรรดิดาบหยางไคเทียนเอง เป็นภาพน้ำตกบนยอดเขา ภาพวาดนั้นเป็นของทั่ว ๆ ไปมาก มันมีสภาพยุ่งเหยิงและยากที่จะมองได้ว่าสวยงาม อย่างไรก็ตามขอบภาพต่าง ๆ มุมของภูเขาและแม่น้ำนั้นกลับเผยให้เห็นถึงจิตวิญญาณของดาบอันยิ่งใหญ่ น้ำตกพุ่งขึ้นจากท้องฟ้าและตกลงมาราวกับดาบ
มันเป็นที่สื่อถึงจิตวิญญาณแก่นแท้ของดาบได้ดีจริงๆ น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงภาพวาดของจักรพรรดิดาบหยางไคเทียน เขาจึงไม่ได้ใส่จิตวิญญาณลงไปมากเท่าไหร่ นั่นจึงไม่ช่วยให้คนรุ่นหลังสามารถเข้าใจมันได้มากเท่าที่ควรจะเป็น
หัวใจของ หลี่ซวนซง จมลง
ดูเหมือนว่าสมบัติของจักรพรรดิดาบที่เขาพบในครั้งนี้จะไม่ได้ล้ำค่าเท่าไหร่
จักรพรรดิแห่งดาบ หยางไคเทียนนั้นเป็นถึงจักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์ซุยหยุน เขามีลูกหลานที่ยอดเยี่ยมและได้ทิ้งสมบัติไว้มากมาย แต่ทันทีที่ราชวงศ์ซุยหยุนล่มสลายและทุกอย่างก็ได้ถูกปล้นไปจนสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของจักรพรรดิดาบ แม้กระทั่งตะเกียบที่ใช้สำหรับรับประทานอาหารเองก็ได้ถูกพรากไป เป็นผลให้คุณค่าในสมบัติของจักรพรรดิดาบที่เก็บถึงมือของลูกหลานเหล่านี้แตกต่างกันออกไป บางที่ก็เป็นเพียงภาพทรงผมของจักรพรรดิดาบ
อย่างไรก็ตาม หากนำสิ่งเหล่านี้ไปประมูลที่โรงประมูล มันก็คงจะขายได้ในราคาสูงลิบลิ่วอยู่ดี
เนื่องจากของเหล่านี้นั้นมีคนรวยจำนวนมากที่ชื่นชอบการสะสมสนใจ
แต่ในสายตาของหลินเจิ้งนั้นมีเพียงแค่สองอย่าง สิ่งที่มีประโยชน์ และสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าทักษะที่จักรพรรดิดาบทิ้งไว้นั้นมีมูลค่าสูงกว่ามาก
หัวใจของลั่วอู๋มีความสุขเล็กน้อย “ภาพวาดนั้นย่อมไม่คุ้มค่า หากเทียบกับทักษะที่ถูกเขียนด้วยมือของจักรพรรดิดาบ นอกจากนี้ดาบไร้ลักษณ์ ก็ยังเหนือกว่าดาบหลิงเทียนที่เป็นดาบอันดับสาม สำหรับเจ้าแล้วความรู้สึก และมุมมองของจักรพรรดิดาบนั้นน่าจะสำคัญที่สุด ข้าเสนอให้เจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ได้โปรดอย่ายุ่งเรื่องนี้อีก หลังจากจบเรื่องในวันนี้แล้ว ข้าจะมอบดาบไร้ลักษณ์และหนังสือของจักรพรรดิดาบให้เจ้า เจ้าสนใจไหมล่ะ?”
หลินเจิ้งส่ายหัว “ไม่มีทาง”
“ทำไมกันล่ะ!”
“เพราะเขามาก่อนเจ้า” หลินเจิ้งพูดอย่างจริงจัง “ข้าต้องทำตามคำขอของเขาให้เสร็จก่อน จึงจะยอมรับคำขอของเจ้าได้”
ลั่วอู๋สำลักอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่สามารถหักล้างคำพูดนี้ได้
ส่วนหลี่ซวนซง ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ว่ากันว่า “นักดาบอันดับหนึ่ง” ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมุ่งมั่น ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง แม้ว่าจะเป็นการล่อลวงด้วยทักษะของจักรพรรดิดาบ เขาก็สามารถต้านทานมันได้
มีคนจำนวนมากที่ไม่ลังเล และยอมผิดสัญญาเพราะเห็นแก่สมบัติ ต่างกับเขาที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ พันธสัญญาอย่างซื่อสัตย์
“ถ้าเจ้าทำตามคำขอของเขา เจ้าจะไม่มีวันได้รับดาบของจักรพรรดิดาบ” ลั่วอู๋ กล่าวพลางกัดฟัน
หลินเจิ้งกล่าวด้วยความเสียใจ “น่าเสียดาย แต่สิ่งที่ไม่ได้ก็คือไม่ได้”
ผู้คนนับไม่ถ้วนมองไปที่หลินเจิ้งด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน
ดูเหมือนทุกคนจะเป็นห่วงเขา
เขาอุตส่าห์ก้าวมาสู่วิถีแห่งดาบจนถึงระดับนี้แล้วแท้ ๆ ทักษะของจักรพรรดิดาบนั้นย่อมสามารถชี้ทางสู่มิติวิญญาณระดับจักรพรรดิให้กับเขาได้โดยไม่ต้องสงสัยเลย เขายินดีที่จะสละโอกาสนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?
แต่เห็นได้ชัดว่าความมุ่งมั่นสำคัญที่สุดในจิตใจของหลินเจิ้ง
หัวใจของ หลี่ซวนซง สงบลง
มันเป็นเรื่องฉลาดมาก ที่เขาได้ทำการติดต่อหลินเจิ้งเอาไว้ก่อน
“ฆ่าพวกมันซะ!”หลี่ซวนซง กล่าวอย่างเย็นชา
หลินเจิ้งไม่มีความลังเลใด ๆ อีก ดาบพลังวิญญาณที่หยุดนิ่งในอากาศได้ถูกยิงออกไปอีกครั้ง
ดูเหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่าลั่วอู๋มีดาบไร้ลักษณ์และทักษะของจักรพรรดิดาบอยู่ในมือของเขา การโจมตีอันไร้ความปรานีจึงถูกปล่อยออกไป
หลินกุย และ ฉูจานเทียน ต่างต้องการที่จะขัดขวาง แต่เมื่อพวกเขากำลังจะออกไปดาบอันทรงพลังก็เข้าจู่โจมพวกเขา
ตราบใดที่พวกเขายังเคลื่อนไหวต่อไป พวกเขาเองก็จะถูกตัดคออย่างไร้ความปรานีเช่นกัน
ถึงหลินเจิ้งจะมีนิสัยตรงไปตรงมา แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขามีสัญชาตญาณการต่อสู้อันน่ากลัว เขาสังเกตเห็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรทั้งสองในลานจัตุรัสตั้งแต่ต้นแล้วด้วยซ้ำ
ดังนั้นเมื่อฉูจานเทียน และหลินกุย ต้องการจะขัดขวาง พลังวิญญาณดาบของเขาจึงได้ถูกกระตุ้นออกมาก่อนล่วงหน้า ซึ่งหยุดพวกเขาลงในทันที ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวใด ๆ ต่อไปได้อีก
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้นับลั่วอู๋เป็นภัยแต่อย่างใด
เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าตอนนี้ในมือของลั่วอู๋ได้มีลูกบอลโลหะขนาดเล็กอยู่
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้านี่แล้ว” ลั่วอู๋คิดอย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดมัวลง
พลังวิญญาณดาบอันน่ากลัวที่ฟาดฟันผ่านยุคโบราณมาถึงยุคปัจจุบันก็ได้ปรากฏขึ้น มันทำให้สายลมและหมู่เมฆปั่นป่วน แสงของดาบนั้นได้แทงพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ปล่อยพลังวิญญาณดาบอันน่ากลัวร่วงลงมาดั่งมังกรที่ปรากฏกายออกมาจากท้องฟ้า
พลังวิญญาณดาบอันคมกริบส่องสว่างไปทั่วราวกับว่าจะแทงทุกสรรพสิ่งบนท้องฟ้าให้สูญสิ้น