ไหปีศาจ - บทที่ 547 เจ้าไม่สามารถชิงมันไปได้
บทที่ 547 เจ้าไม่สามารถชิงมันไปได้
บทที่ 547
เจ้าไม่สามารถชิงมันไปได้
หลิงเจิ้งเดินจากไปโดยที่ไม่คิดอะไรอีก
เขาบาดเจ็บและสูญเสียความสามารถในการใช้พลังวิญญาณจนต้องถอนตัว
และหลังจากนี้อาจจะไม่มีคนแบบเขาเกิดขึ้นมาบนโลกอีก
หลิ้นเจิ้งนั้นคือนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่ด้วยการต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เขาก็ต้องวางมือไปตลอดกาล
สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่ลั่วอู๋ ตัวแปรส่วนใหญ่ในเหตุการณ์ปัจจุบันนั้นมาจากชายหนุ่มคนนี้ เขาได้สังหาร 13 นายพลแห่งเทพเจ้าไปหลายคน
ใช้กองทัพผีเพื่อปกป้องกองทัพองครักษ์ จากศพมรณะ 500 ตัว
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรที่ทรงพลังทั้งสองคนก็มาที่นี่เพื่อหาเขา
นอกจากนี้ยังมีการใช้ดาบไร้ลักษณ์ของจักรพรรดิดาบธาตุโจมตีหลินเจิ้งจนทำให้เขาต้องล่าถอย
อาจกล่าวได้ว่าความล้มเหลวทั้งหมดในแผนของ หลี่ซวนซงนั้น เกิดจากการที่ลั่วอู๋ปรากฏตัวอย่างกะทันหันในครั้งนี้
ในที่แห่งนี้มีหลายอยู่คนที่สนับสนุนหลี่ซวนซง เรื่องนี้จึงทำให้หลายคนวิตกกังวล พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง? เพราะถ้าหลี่ซวนซงล้มเหลวขึ้นมา พวกเขาเองก็จะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นกัน
เหล่าขุนนางต่างทำได้เพียงแค่นิ่งเฉย
แต่เฒ่าชู เขย่าแขนของเขาและร้องออกมา “องค์จักรพรรดิช่างสมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์จริงๆ เขาได้รับความสงสารจากสวรรค์ และได้รับการคุ้มครองจากความโชคชะตา เหล่าทหารและศัตรูทั้งหมดจะต้องถูกปราบลงแน่”
อย่างไรก็ตามคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ยังคงไม่สามารถผ่อนคลายกับบรรยากาศในปัจจุบันนี้ได้
ส่วนลั่วอู๋ก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาอย่างสับสน เมื่อได้ยินสิ่งที่เฒ่าชู
ความสงสารจากสวรรค์?
เห็นได้ชัดว่าความพยายามของเขาโดนเมิน
เขาใช้ไพ่ตายไปจนเกือบหมดเพื่อขัดขวางหลี่ซงซวน แต่เฒ่าชูกลับบอกว่านี่เป็นความสงสารของสวรรค์ ให้ผลงานเขาบ้างได้ไหมเนี่ย? ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีอายุและบารมีมาก ลั่วอู๋คงดุเขาไปแล้ว
ทันใดนั้นผู้คนต่างก็จับจ้องไปที่ หลี่ซวนซง
หลิงเจิ้งได้ถอยหนีไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งของเขามีผลมากที่สุดในการก่อกบฏครั้งนี้
เขาไม่มีทางจะเชิญผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีระดับสูงกว่านี้มาได้อีกแน่ เขาจะทำอะไรได้อีกเพื่อดำเนินแผนการของตัวเองต่อไป?
ใบหน้าของหลี่ซวนซง ดูแย่มากในขณะนี้
เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมการมากมาย แต่แล้วทำไม! ทำไมเขาถึงได้ล้มเหลวกัน? นี่เป็นพรหมลิขิตรึเปล่าที่ทำให้การก่อกบฏของเขามันเป็นไปไม่ได้?
เฒ่าชู ยืนขึ้นและตะโกน “เจ้ายังมีแผนอะไรเหลืออยู่ไหมล่ะ ยอมโดนจับไปซะดี ๆ เถอะ!”
“ไม่จริง นี่มันเป็นไปไม่ได้!” แววตาของ หลี่ซวนซง ฉายแสงอันรุนแรงผสมกับความขุ่นเคืองบางอย่าง
เขามองไปที่ลั่วอู๋
ทุกอย่างมันไม่ควรเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของชายหนุ่มคนนี้!
ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเขา
ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงสายตาของอีกฝ่าย เขาจึงพูดเย้ยหยัน “อย่ามองข้าแบบนั้น เจ้าต่างหากที่เป็นคนที่บังคับให้ข้าออกมาเช่นนี้ ถ้าเจ้าไม่มายุ่งกับสำนักโล่พิทักษ์ของข้า ข้าก็คงไม่เสี่ยงมาขัดขวางแผนการก่อกบฏของเจ้าหรอก โทษตัวเองเถอะ”
“ใช่ เจ้าพูดถูก ข้าควรจะโทษตัวเองจริงๆ!” หลี่ซวนซงสงบลงในทันที “ดังนั้นข้าก็จะไม่ลังเลใด ๆ อีก ”
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็สังหรณ์ใจไม่ดี
หลี่ซวนซง ปล่อยพลังวิญญาณแสงสีทองออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้แสงสีทองสลัวลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสัญญาณพิเศษ
“เจ้าทำอะไรลงไป” ลั่วอู๋ คำราม
หลี่ซวนซง กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าให้เสร็จสิ้น”
หัวใจของลั่วอู๋สั่นสะท้านด้วยความตกใจราวกับว่ามีบางอย่างระเบิดขึ้นในสมองของเขา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างราวกับจะแตก “หลี่ซวนซง เจ้าอยากตายมากนักใช่ไหม!”
“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการจะพูดต่างหาก” หลี่ซวนซง คำราม “ตายซะเถอะลั่วอู๋!”
หลังจากนั้น หลี่ซวนซง ก็พุ่งตรงไปหาเขา
ลมปราณอันรุนแรงเข้าปกคลุมเขา พลังวิญญาณมังกรอันน่ากลัวแตกสลายไปในอากาศราวกับว่าจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าเขา
แต่ทว่ามันเป็นเพียงการเคลื่อนไหวอันโง่เขลา
เพราะข้างกายของลั่วอู๋ตอนนี้มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรสองคนคุ้มกันอยู่
ฉูจานเทียน และ หลินกุย ไม่รอช้าและลงมือในทันที พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกักขัง หลี่ซวนซง
แต่ หลี่ซวนซง กลับมีท่าทีเยาะเย้ยบนริมฝีปากของเขา
เขาใช้ทักษะช่องว่างมิติในทันที
เห็นได้ชัดว่าเขาเชี่ยวชาญทักษะห้วงมิติบางอย่าง
หากเป็นคนอื่น ๆ คงจะใช้จังหวะนี้ในการหนี แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาใช้ประโยชน์จากความสนใจของทุกคนที่มีต่อ ลั่วอู๋และเลือกที่สลับเป้ากลับไปจู่โจมองค์จักรพรรดิแทน
“ไม่มีใครสามารถหยุดข้าได้ ข้าคือผู้อยู่จุดสูงสุด” ใบหน้าของ หลี่ซวนซง แสดงความคลั่งไคล้อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เขายังมีไพ่ตายที่ซ่อนเอาไว้อยู่อีกหนึ่งอย่าง
ห้วงมิติที่แตกออกปรากฏร่างเนื้อของสุนัขสีแดงขนาดเล็กและปีกเนื้อ รูปร่างของมันดูดุร้ายเหมือนปีศาจตัวเล็ก ๆ ทั่วไป
มันดูไม่น่าจะแข็งแกร่งเท่าไหร่ในสายตาของทุก ๆ คน
บนโลกใบนี้นั้นมีสัตว์วิญญาณแปลก ๆ มากมาย และเจ้าตัวนี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีพลังอะไร
แต่ทันทีที่เห็นสิ่งนั้นทั้ง หลินกุย และ ฉูจานเทียน ต่างก็ต้องเปลี่ยนสีหน้า
พวกเขาทั้งคู่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมากมหาศาลมาจากสุนัขตัวน้อยตัวนี้
ต่อมาร่างของสุนัขขยายขึ้นกลายเป็นสัตว์ร้ายตัวใหญ่ราวกับภูเขาที่สูงตระหง่าน ลมปราณของมันรุนแรงขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามที่ดังก้องขึ้นไปบนฟ้า เสียงนั้นเหมือนคลื่นลูกใหญ่ไม่ก็ฟ้าร้องในพายุที่โหมกระหน่ำ แค่เสียงของมันก็ดูเหมือนว่าจะสามารถทำลายพื้นที่ทั้งหมดให้พังทลายลงได้
ลั่วอู๋ตกใจ “บนท้องฟ้านั่นมัน!”
เทพพิทักษ์เวหา สัตว์วิญญาณที่คอยติดตามภูตไห
หลี่ซวนซง นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ภูตไหจริง ๆ แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วสำหรับเขาที่จะต้องมาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะ หลี่ซวนซง ได้บินไปที่รถม้าขององค์จักรพรรดิเสียแล้ว
“ช่วยจักรพรรดิเร็ว!” ลั่วอู๋ตะโกนอย่างกังวล
แต่ทั้ง หลินกุย และ ฉูจานเทียน ต่างก็ทำอะไรไม่ถูก
เนื่องจากพวกเขาถูกกักตัวไว้โดยเทพพิทักษ์เวหา พวกเขาจึงไม่สามารถขยับตัวไปทางอื่นได้ ความแข็งแกร่งของ เทพพิทักษ์เวหา นั้นอยู่ในระดับเดียวกับผู้บัญชาการหลิงหลง ซึ่งทรงพลังมากกว่าพวกเขามากหลายขุม
หากพวกเขายืนยันที่จะเข้าไปช่วยองค์จักรพรรดิละก็ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะถูกโจมตีจากด้านหลังโดยเทพพิทักษ์เวหา ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะถึงตายเลยทีเดียว
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาไม่อยากเสี่ยง
ท้ายที่สุดพวกเขาเองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์จักรพรรดิเท่าไหร่นัก พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องไปเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขา
ไม่มีใครคิดว่า หลี่ซวนซง มีไพ่ตายแบบนี้ซ่อนอยู่
หลี่ซวนซงได้เข้าไปอยู่ในระยะสายตาขององค์จักรพรรดิ
ใช่แล้ว นี่มันเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของเขา
เนื่องจากองค์จักรพรรดิไม่ยอมที่จะสละบัลลังก์ การฆ่าเขาให้ตาย จึงเป็นหนทางเดียวเพื่อชิงบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิเป็นมาเป็นของเขา
อย่างไรก็ตามวิธีนี้นั้นเสี่ยงมากและมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต เพราะองค์จักรพรรดิเองก็ยังมีผู้สนับสนุนที่ภักดีอยู่มาก
หลี่ซวนซง นั้นต้องการจักรวรรดิที่แข็งแกร่งและมั่นคง จึงเลือกวิธีที่จะบีบให้องค์จักรพรรดิลงบัลลังก์ด้วยตัวเองมากกว่า
น่าเสียดายที่ตอนนี้ เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ส่วนเรื่องของเทพพิทักษ์เวหา เดิมทีหลี่ซวนซงไม่มีความคิดที่จะปล่อยมันออกมา เขาค่อนข้างอยากจะใช้สัญญากับหลินเจิ้งมากกว่าที่จะยืมพลังของมัน
เพราะเทพพิทักษ์เวหานั้นเป็นของภูตไห มันจึงไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งของตัวเขาเพียงคนเดียว
หลี่ซวนซง จึงต่อต้านมันจากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะมันจะทำให้เขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก
เขาต้องการเทพพิทักษ์เวหาเพื่อให้มันคอยสกัด ฉูจานเทียน และ หลินกุยเอาไว้
“เจ้าบังคับให้ข้าทำแบบนี้เองนะ!” ในที่สุด หลี่ซวนซง ก็มาถึงรถม้า ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
องค์จักรพรรดิมองไปที่ หลี่ซวนซง “นี่เป็นแผนการสุดท้ายของเจ้างั้นหรือ?”
“เนื่องจากเจ้าไม่คิดจะสละบัลลังก์ ข้าก็จะกำจัดเจ้าทิ้งด้วยมือของข้าเอง!” หลี่ซวนซง คำราม
เขาที่มาถึงจุดสูงสุดของมิติวิญญาณทองขั้นสูง มีหรือจะไม่สามารถฆ่าองค์จักรพรรดิที่กำลังต้องสาปได้
มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลยสักนิด
แต่น่าเสียดายที่เขาคิดผิด
ทันใดนั้นดวงตาขององค์จักรพรรดิก็ระเบิดพลังวิญญาณแสงสีทองออกมา ทั้งร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยพลังวิญญาณของมังกรอันทรงพลังมาก ด้านหลังเขามีเงาสัตว์วิญญาณของมังกรทองห้าตัว จากนั้นพลังวิญญาณของมังกรอันดุร้ายเหล่านั้นก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แทบจะเปลี่ยนท้องฟ้าทั้งหมดให้กลายเป็นสระน้ำของเหล่ามังกร พลังที่ไม่มีใครเทียบได้ส่ง หลี่ซวนซง กระเด็นออกไปในทันใด
หลี่ซวนซงที่ถูกผลักด้วยพลังนั้นกระอักเลือดคำโตออกมาและลอยไป
เขามองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างตกอกตกใจ หัวใจของเขาเย็นชาลงด้วยความตื่นตระหนก “นี่มันพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิ! เงามังกรทั้งห้าเหล่านั้นคือพลังของมังกรที่แท้จริง
พลังวิญญาณแห่งอำนาจที่เหนือกว่าทุกสรรพสิ่งแล่นผ่านท้องฟ้าเวียนว่าย
ร่างขององค์จักรพรรดิค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ด้วยพลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของเขา ราวกับเป็นร่างอวตารของมังกร
“ทุกอย่างในแผนของเจ้าดำเนินไปด้วยดี ข้าขอยอมรับ”
“แต่เจ้าลืมสิ่งหนึ่งไป”
“ในอาณาจักรนี้มีเพียงข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ปกครองที่แท้จริง”
“นี่คือจักรวรรดิของ ข้าสิ่งที่ข้าให้เจ้าย่อมเป็นของเจ้า แต่สิ่งที่ข้าไม่ให้ก็ย่อมจะไม่มีวันเป็นของเจ้า และเจ้าก็ย่อมไม่สามารถชิงมันไปได้!”
“ เพราะข้า … คือโชคชะตา”