ไหปีศาจ - บทที่ 555 คำขอร้อง
บทที่ 555 คำขอร้อง
บทที่ 555
คำขอร้อง
ลั่วอู๋ กำลังฝึกฝนอย่างสงบอยู่ในมิติไห
รองเจ้าสำนักหลี่หวู่หยวนและเฉินหมิงหยู่ได้กลับไปยังสำนักเฉียนหลงสักพักหนึ่งแล้ว แต่ห้วงมิติของสำนักเฉียนหลงนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกนานในการทำให้มันกลับมาเสถียร ทำให้ศิษย์ของสำนักเฉียนหลงที่อยู่ภายนอกสำนักไม่สามารถกลับไปที่สำนักได้ไปพักใหญ่ ๆ
อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ได้มีผลต่อการฝึกฝนของลั่วอู๋เท่าไหร่นัก
แม้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ลั่วอู๋จะยังไม่เข้าใจในหลักการเบื้องต้นของแก่นแท้ทักษะเลยก็ตามที
จู่ ๆ ในวันนี้ลั่วไป่เหาก็เข้ามาเยี่ยมที่สำนักโล่พิทักษ์
ลั่วไป่เหานั้นได้เข้ามายังบ้านพักของลั่วอู๋โดยพลการ ซึ่งคนของสำนักโล่พิทักษ์ก็ไม่กล้าที่จะให้คำแนะนำหรือตักเตือนอะไรเขา พวกเขาจึงรีบไปแจ้งให้ลั่วอู๋ทราบ
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจออกไปพบอีกฝ่าย
บรรพบุรุษของตระกูลลั่วนั้นเคยช่วยดูแลลั่วอู๋ในยามที่เขาลำบาก ลั่วอู๋จึงเคารพรักเขามาก ยิ่งไปกว่านั้นความขัดแย้งในครั้งนี้ส่วนใหญ่ก็เกิดจากการที่ลั่วไป่เหาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ เขาจึงไม่ได้มีปัญหาอะไรกับลั่วไป่เหา
“สวัสดีขอรับ” ลั่วอู๋แสดงความเคารพแบบสบาย ๆ
ลั่วไป่เหา ลากร่างที่เหมือนสุนัขที่ตายแล้วของลั่วฮันเชียงออกไปแล้วจึงพูดอย่างใจเย็น “ปัญหาทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นการกระทำเจ้านี่ มันไม่ใช่ความตั้งใจของตระกูลลั่วทั้งหมด เจ้าจะลงมือทำอะไรกับเขาก็ได้ตามใจเจ้าเลย”
ลั่วฮันเชียงถูกขว้างทิ้งลงไปนอนอยู่บนพื้นในสภาพที่ไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดียังไง
ลั่วอู๋เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายหัว “ลืมมันไปเถอะ แค่นี้เขาก็น่าสมเพชพอแล้ว ข้าไม่ได้มีความเกลียดชังกับเขาถึงขั้นอยากจะเอาชีวิต มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขาก็ได้”
เมื่อเห็นท่าทีที่ดูอดทนอดกลั้นของลั่วอู๋ ลั่วไป่เหาก็ถอนหายใจออกมาในใจ
ลั่วฮันเชียงนั้นตัดสินใจไปโดยพลการขัดต่อเจตจำนงของตระกูลลั่ว
พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้วลั่วไป่เหาก็โกรธจัดจนอยากจะฆ่าลั่วฮันเชียงทิ้งอีกรอบ
“เจ้าน่าจะรู้สินะว่าข้ามีความคิดเห็นอย่างไร”ลั่วไป่เหากล่าว “ประตูคฤหาสน์ตระกูลลั่ว พร้อมจะเปิดให้เข้าเสมอ ข้าสัญญาว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
“ไม่เป็นไร” ลั่วอู๋ยังคงส่ายหัว”ท่านปู่ รู้ใช่ไหมว่าข้าไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลลั่ว ข้าคงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเรื่องในอดีต ในเมื่อข้าได้ประกาศกร้าวว่าตัวเองได้ตัดขาดกับตระกูลลั่วออกไปแล้ว ข้าก็จะไม่ถอนคำพูด แต่ข้าขอให้สัญญาว่า หากท่านมีปัญหาใดในอนาคต ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือท่าน ”
มันอาจจะดูเกินกว่าความสามารถของคนระดับเขาไปหน่อย ในการพูดเช่นนี้กับผู้อาวุโสที่เป็นถึงใช้พลังวิญญาณระดับเพชร
แต่ลั่วไป่เหาก็รู้ดีว่าลั่วอู๋นั้นจะพัฒนาขึ้นไปทัดเทียมกับตัวเขาได้ในอนาคต
“อา”ลั่วไป่เหา ถอนหายใจ
เขาเข้าใจดีว่าที่ลั่วอู๋พูดหมายถึงอะไร
ตระกูลลั่วนั้นเป็นตระกูลของลั่วไป่เหา
ลั่วไป่เหานั้นให้ความสำคัญและเคยช่วยดูแลลั่วอู๋มามาก ลั่วอู๋จึงต้องการที่จะสานต่อมิตรภาพนี้ แต่นั่นไม่ใช่กับตระกูลลั่ว
ลั่วอู๋ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลลั่วอีกต่อไปแล้ว
“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า” ลั่วไป่เหาดูเหมือนจะหมดหวังเล็กน้อย “เจ้าพอจะเห็นแก่ข้าแล้วช่วยเหลือตระกูลลั่วได้รึเปล่า?”
ลั่วอู๋ต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เมื่อได้เห็นแววตาของ ลั่วไป่เหา เขาก็รู้สึกหมดหนทางและใจอ่อนลง
เมื่อเป็นคำขอร้องจากชายชราผมหงอกคนนี้ มันก็ยากที่เขาจะปฏิเสธได้
“ท่านลองช่วยอธิบายปัญหามาก่อนได้ไหม” ท่าทีของลั่วอู๋ดูไม่แน่ใจเท่าไหร่
“มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเจ้า”ลั่วไป่เหากล่าว ตอนนี้ตระกูลลั่วกำลังตกที่นั่งลำบาก ซึ่งเจ้าก็น่าจะรู้เหตุผลดี ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับองค์จักรพรรดิ เจ้าพอจะช่วยขอร้องเขาหน่อยได้ไหม? ”
“ นี่มัน … ” ลั่วอู๋ลังเล
ลั่วไป่เหา กระซิบ” ลิงเผือกที่เจ้าเอาไปจากโรงปรับแต่งลับของตระกูลลั่ว เจ้าเก็บมันไว้ได้เลย”
ลั่วอู๋หัวเราะ
นี่เหมือนเป็นการเตือนว่าลั่วอู๋ยังมีบางอย่างที่เขาต้องชดใช้
อันที่จริงเนื่องจากเขาได้ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลลั่วไปแล้ว เขาจึงไม่มีโอกาสได้อธิบายเหตุผลที่ตนเองขโมยลิงเผือกไป ซึ่งแน่นอนว่าเขาเองก็คงอธิบายความรู้สึกและให้เหตุผลที่ฟังขึ้นออกมาไม่ได้แน่ ๆ
“ข้าจะไปคุยกับองค์จักรพรรดิดู แต่ข้าไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นการแก้ปัญหานั้นให้ท่านได้รึเปล่านะ” ลั่วอู๋ กล่าว
ลั่วไป่เหา ดีใจมาก “ไม่ต้องกังวลไป เพราะองค์จักรพรรดินั้นดูจะให้ความสำคัญกับเจ้ามากเลยทีเดียว”
ลั่วอู๋จึงเตรียมตัวเดินทางไปยังพระราชวัง
ดวงตาของลั่วไป่เหาแสดงให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์
ที่จริงแล้ว เขานั้นมีวิธีอื่นในการแก้ปัญหาของตระกูลลั่วมากมาย เขาเป็นผู้อาวุโสที่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร อีกทั้งยังเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับปรมาจารย์ ที่แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังให้ความเคารพ
นอกจากนี้ลั่วไป่เหายังมีเพื่อนผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรอยู่มากมาย องค์จักรพรรดิจึงไม่ค่อยคิดที่จะเพ่งเล็งตระกูลลั่วจนมากเกินไป เขาจึงมักจะลงโทษตระกูลลั่วในช่วงที่ลั่วไป่เหาไม่อยู่
แต่ปัญหาในครั้งนี้ลั่วไป่เหาต้องการให้ลั่วอู๋เป็นคนจัดการมากกว่า
นั่นก็เพราะเขาต้องการแสดงให้ตระกูลลั่วเห็นถึงเจตนาดีของลั่วอู๋และติดหนี้บุญคุณเขา
ด้วยวิธีนี้อย่างน้อยในสายตาของคนนอกลั่วอู๋ก็จะยังคงเป็นสมาชิกของตระกูลลั่วอยู่ แม้ว่าลั่วอู๋จะประกาศตัดความสัมพันธ์กับตระกูลลั่วไปอีกกี่รอบก็ตาม
เมื่อลั่วอู๋เติบโตขึ้นอย่างน้อยเขาก็สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องในคราวนี้ได้
หากคนอื่นต้องการจัดการกับตระกูลลั่วพวกเขาต้องกังวลเกี่ยวกับ ลั่วอู๋และองค์จักรพรรดิที่คอยสนับสนุนเขา
แม้ว่าตระกูลลั่วในตอนนี้จะมั่นคงและไม่มีวี่แววว่าจะตกต่ำลง
แต่ใครจะไปรู้เกี่ยวกับเรื่องในอนาคต
ลั่วไป่เหานั้นมีชีวิตอยู่มานานกว่า 1,000 ปีแล้ว เขาจึงเป็นหนึ่งในคนที่มีส่วนร่วมในภัยพิบัติเมื่อพันปีก่อน
พักใหญ่ ๆ หลังจากนั้น ลั่วอู๋ก็ได้ไปที่พระราชวัง
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี องค์จักรพรรดิออกคำสั่งให้ทางการออกเอกสารนิรโทษกรรมตระกูลลั่ว และเหมืองแร่วิญญาณทั้ง 7 แห่งเองก็ได้รับอนุญาตให้เปิดได้อีกครั้ง
สถานการณ์นี้ทำให้ผู้คนของตระกูลลั่วรู้สึกโล่งใจ
กองกำลังต่าง ๆ ที่ไม่กล้าติดต่อกับตระกูลลั่วเองก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน ทันทีที่คฤหาสน์ชวนเทียนได้รับข่าว พวกเขาก็กลับมาให้ความร่วมมือกับศาลาไป่หยู่อีกครั้ง
“ เจียโรวอยู่กับเจ้าสินะ” องค์จักรพรรดิพูดทบทวนความทรงจำตัวเองอย่างระมัดระวังโดยไม่เงยศีรษะ
ธุระหลังจากการก่อกบฏนั้นมากมายเกินกว่าที่เขาจะจัดการให้เรียบร้อยได้ด้วยตนเอง
ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างรู้สึกผิด “ใช่”
“ เจ้าจงดูแลนางให้ดีๆ ล่ะ ข้าไม่อยากให้นางอยู่ในพระราชวังเท่าไหร่” องค์จักรพรรดิพูดอย่างเรียบ ๆ “แต่จำคำสัญญาที่เจ้าตกลงไว้กับข้าให้ดีล่ะ”
ลั่วอู๋ลังเลแล้วจึงพยักหน้า
พวกเขาสนทนากันเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่ลั่วอู๋จะเดินกลับไป
หลังจากนั้นลั่วอู๋ ก็เข้าสู่มิติไหอย่างรวดเร็ว ไปพบกับองค์หญิงเจียโรว
องค์หญิงเจียโรวนั้นเดินมาพร้อมกับ หงเฉา
ดูเหมือนหงเฉาจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง นางจึงสงบลงและไม่ตะโกนอีกต่อไป แต่นางก็ยังคงไม่สามารถสื่อสารได้ตามปกติ
“เจียโรว เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิจึงไม่อนุญาตให้เจ้าไปยังอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะ” ลั่วอู๋ ถาม
องค์หญิงเจียโรว ดูสับสน “ท่านพ่อไม่ให้ข้าไปที่อาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะงั้นเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่านางไม่รู้เรื่องนี้เลย
“ดูเหมือนว่าการฝึกอบรมในอวกาศครั้งนี้ เจ้าจะไปกับพวกข้าไม่ได้ซะแล้ว” ลั่วอู๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ทำไมกันล่ะ” ดวงตาของ องค์หญิงเจียโรว เบิกกว้าง “ข้าอยากไปเยี่ยมชมอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะในตำนานมาตลอดตั้งแต่ในตอนที่ข้ายังเด็ก และข้าก็มีเหตุผลที่จะต้องหาน้ำพุศักดิ์สิทธิ์นั่นให้เจอด้วย”
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ข้าจะเป็นคนหามาให้เจ้าเอง การที่องค์จักรพรรดิพูดเช่นนี้ ข้าว่าเขาจะต้องมีเหตุผลที่สำคัญแน่ พวกเราไม่ควรละเมิดมัน”
“ไม่มีทางน่า” องค์หญิงเจียโรว กล่าวด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “ท่านพ่ออาจจะกังวลเกี่ยวกับอันตรายก็ได้ ดังนั้นท่านจึงไม่อยากให้ข้าไป ”
“มันก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่ข้าไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงนั้นได้” ลั่วอู๋พูดอย่างจริงจัง “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปด้วยกัน”
องค์หญิงเจียโรว เม้มปากของนาง ด้วยท่าทีที่ดูเสียใจ
ในเวลานี้ฉิงเหมยที่อยู่ข้างๆก็กระซิบเตือนนาง “ถ้าพวกเราอยู่ในโลกใบเล็กใบนี้ มันก็ไม่มีอันตรายไม่ใช่เหรอเจ้าคะ”
ดวงตาของ องค์หญิงเจียโรว สว่างขึ้น “ใช่ ในตอนที่เจ้าไปที่อาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะ ข้าก็จะซ่อนอยู่ในนี้ แล้วออกไปดูบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อเลี่ยงอันตรายไง”
“ไม่มีทาง!” ลั่วอู๋ปฏิเสธ
“ทำไมล่ะ?”
“ไม่ต้องมาทำไมเลย ทำไมเจ้าคิดว่าข้าจะอนุญาตล่ะ?”
องค์หญิงเจียโรว หันหน้าไปทางอื่นด้วยความโกรธแล้วจึงพูดว่า “ฮึ่ม ถ้าเจ้าไม่ให้ข้าไป ข้าไม่ไปก็ได้ มันจะมีอะไรดีเกี่ยวกับที่นั่นสักเท่าไหร่เชียว? ข้าเกลียดเจ้า ลั่วอู๋ ”
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก
แต่เขาขอยอมให้นางโกรธ ยังดีกว่าที่นางจะต้องมาประสบอุบัติเหตุอะไร
ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้ องค์หญิงเจียโรวโวยวายและออกจากมิติไหไป
เมื่อลั่วอู๋กลับไปยังสำนักโล่พิทักษ์ ที่สำนักโล่พิทักษ์ก็มีผู้มีอำนาจอีกคนมาเยือน
เขาก็คือ เฉินซังเทียน ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณคนแรกของโลก
ทันทีที่เข้ามาเขาก็ถามลั่วอู๋ว่า “หลินเจิ้งอยู่ที่ไหน?”