ไหปีศาจ - บทที่ 566 กลับไปยังสุสานของราชาผี
บทที่ 566 กลับไปยังสุสานของราชาผี
บทที่ 566
กลับไปยังสุสานของราชาผี
ณ ภูเขากุยโต
มันเพิ่งจะมืด
ภูเขาที่ดูเหมือนเป็นภูเขาธรรมดา กลับมีไฟผีสีเขียวเข้มสั่นไหว ลมพัดแรงทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่น
เดิมทีแทบไม่มีคนอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ที่นี่ มีเหลือเพียงคนชราที่โดดเดี่ยวซึ่งไม่อยากจากไป ซึ่งเพิ่มความแปลกประหลาดให้กับสถานที่นี้เล็กน้อย
“นี่คือเนินผีเหรอ?” เสียงของผู้บัญชาการหลิงหลงกลายเป็นเสียงเย็นเล็กน้อย
แม้ว่านางจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ แต่นางก็ไม่เคยมา พลังหยินที่ค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นทำให้นางรู้สึกถูกคุกคาม
ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่ น่าจะมีราชาผี 23 ตน ในหมู่พวกเขาคนที่มีอำนาจมากที่สุดน่าจะเป็นราชาผีชื่อเฮนเทียน”
ฉูจานเทียนสูดลมหายใจ
มี 23 ราชาผีถือกำเนิดขึ้นมา?
นี่คือสถานที่ต้องสาปแบบไหนกัน? มันคือยมโลกในตำนานที่มีพลังหยินแข็งแกร่งหรือ?
“ไม่เป็นอันตรายหรอก” ผู้บัญชาการหลิงหลงเย้ยหยัน “ผีมักจะรักษาความแข็งแกร่งได้มากที่สุดเพียง 70% เท่านั้น พวกมันว่างเปล่าและอ่อนแอ”
ลั่วอู๋หัวเราะอย่างขมขื่น
มีเพียงแต่เจ้าเท่านั้นที่สามารถพูดได้
70 % สำหรับพวกเขาก็น่ากลัวมากแล้ว อย่างมากที่สุดพวกเขาก็แค่ลดระดับลงไปหนึ่งหรือสองระดับเท่านั้น
เราควรรู้ว่าราชาผีเหล่านี้เป็นแกนนำของเผ่าพันธุ์มนุษย์ดั้งเดิมสมัยที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ จักรพรรดิที่เกิดในช่วงยุคโกลาหลเช่นนี้ไม่ควรประมาท
ผู้บัญชาการหลิงหลงเหลือบมองไปที่หลินกุย “มีดวิญญาณของเจ้ามีผลในการยับยั้งภูตผีปีศาจอย่างมาก เจ้าสามารถรับมือราชาผีได้สักสิบตนรึไม่?”
แม้จะเผชิญกับจอมป่วนของราชวัง หลินกุยผู้ไม่เปลี่ยนสีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น “เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องตลกรึ?”
การยับยั้งหมายถึงแค่ยับยั้ง มันเป็นข้อได้เปรียบแค่เล็กน้อย
ผู้บัญชาการหลิงหลงไม่สนใจที่จะพูดอะไรให้กำลังใจเขาต่อ นางหันศีรษะและมองไปที่ฉูจานเทียน “เข้าใจแก่นแท้แห่งความตาย ก็น่าจะรับมือไหวได้สักสามตน”
ฉูจานเทียนรู้สึกโล่งใจและพยักหน้า
เมื่อเข้าใจแก่นแท้แห่งความตายแล้ว เขาก็เป็นตัวอันตรายต่อผีอย่างมากด้วย เขากลัวจริง ๆ ว่าผู้บัญชาการ หลิงหลงจะอยากให้เขารับมือสักสิบตน แบบนั้นใครจะทนได้
“ดังนั้นก็จะเหลือราชาผีอีกสิบตน ข้าจะรับมือกับราชาผีที่ทรงพลังที่สุดเอง” ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าวอย่างไม่แยแส แต่จิตสังหารในตัวนางนั้นไม่สามารถยับยั้งได้
นางอดทนกับมันมานานพอแล้ว
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่พอใจเมื่อเร็ว ๆ นี้ นางรู้สึกว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในร่างกายของนางไม่สามารถยับยั้งได้อีกแล้ว
ไอ้คฤหาสน์องค์ชายเฮงซวย!
มากวนข้าทำไม!!
ฉูจานเทียนและหลินกุยนึกถึงคำแนะนำของลั่วอู๋ และพวกเขาก็ระมัดระวังกับการวางตัว ตอนนี้พวกเขาไม่ควรไปแตะต้องอารมณ์ของผู้บัญชาการหลิงหลงเลย
ลั่วอู๋พูดอย่างหมดหนทาง “ผู้บัญชาการหลิงหลง สงบสติอารมณ์เถอะ เรามาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยชีวิตคน ไม่ใช่เพื่อปิดล้อมและปราบปราม เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับราชาผีทั้งหมดหรอก พวกเราแค่แอบเข้าไปแม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเราก็แค่ต้อง เผชิญหน้ากับราชาผีสองสามตนแล้วรีบออกหนีออกมาเท่านั้นเอง”
ผู้บัญชาการหลิงหลงขมวดคิ้ว “อย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว” ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของผู้บัญชาการหลิงหลงแทบจะไม่แสดงร่องรอยของความหดหู่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีความสุขมากนัก นางกล่าวอย่างไม่อดทนว่า “ก็ได้ ๆ ตามใจเจ้าละกัน”
แม้ว่านางจะเดือดดาลด้วยจิตสังหาร แต่นางก็ยังรู้ว่านางมาที่นี่เพื่อตอบแทนลั่วอู๋ ไม่ใช่แค่มาเพื่อระบายความโกรธเท่านั้น
ลั่วอู๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับอีกทั้งสี่คน พวกเขาเข้าไปในสุสานของราชาผีอย่างเงียบ ๆ
หลุมฝังศพของราชาผียังคงเป็นเหมือนเดิมโดยมีหยินหนาแน่นและบรรยากาศที่อึดอัด มีนายพลผีที่แข็งแกร่งอยู่ทุกหนทุกแห่งราวกับเป็นแดนสวรรค์แห่งผี
มีนายพลผีจำนวนมากสวมเกราะที่แตกพังและรูปร่างที่แตกต่างกันซึ่งทำให้ผู้บัญชาการหลิงหลงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ที่นี่ผีมีอยู่เต็มไปหมด ทำไมผีเยอะจัง!
ฉูจงฉวนที่รู้สึก ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะรอไม่ไหว “รีบไป เร็ว ๆ เถอะ จะได้ไม่ต้องอยู่ในที่ที่เป็นราวกับฝันร้ายนี่นานนัก”
ฝูงชนพยักหน้า
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าไป ทั้งสุสานราชาผีก็สั่นสะเทือน และเสียงร้องโหยหวนของผีก็ส่งเสียงระงมซึ่งน่ากลัว
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะกลับมาเพื่อช่วยนังสาวใช้นั่น! ลมปราณของเจ้าข้าจดจำมันได้มานานแล้ว แม้ว่าข้าจะหลับอยู่ข้าก็จะตื่นทันทีที่เจ้ากลับมา” เสียงที่เศร้าหมองดังขึ้น
ตรงหน้าพวกเขาผีที่มีแสงสีเขียวกำลังคืบคลานออกมาจากพื้นดิน เขาไม่ได้ตัวสูงใหญ่ เขาลอยอยู่ในอากาศสวมชุดเกราะที่ขาดวิ่น และปราณของเขาก็มืดมนอย่างยิ่ง ดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งวูบไหวในความมืดเหมือนโคมไฟสีดำ
ราชาผี!
ข้าไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับราชาผีตั้งแต่ก้าวแรก
“เจ้าถึงกับหาคนคุ้มกันมาด้วยเลยรึ?” ราชาผีหัวเราะอย่างเย็นชา “จักรพรรดิวิญญาณสามคนงั้นสินะ ถ้าเจ้ากล้าบุกเข้าไปในสุสานของราชาผี เจ้าก็ต้องอยู่กับข้าที่นี่แหละ”
เสียงหัวเราะเยือกเย็นนั้นมาพร้อมกับสายลมที่แปลกประหลาด
นายพลผีทั้งพื้นที่ล้อมรอบและพร้อมที่จะต่อสู้
ทุกคนมองไปที่ลั่วอู๋
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการมาถึงของลั่วอู๋ที่ปลุกราชาผี
ผู้บัญชาการหลิงหลงหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “ไงล่ะ เจ้ายังคิดที่จะแอบเข้าไปอีกไหม?”
“ช่างมันเถอะ สู้ก็ได้” ลั่วอู๋ยิ้มอย่างขมขื่น
ยังแอบกัดได้อีกนะ
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าราชาผีได้ทันที
มีนายพลผีจำนวนมากอยู่ที่นั่นและเสียงดังที่เกิดขึ้นจะเรียกผีมาทันที
“ฮึ่ม” ผู้บัญชาการหลิงหลงก้าวมาข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งและจิตสังหารที่ไหลออกจากร่าง ทำให้เหล่าผีสั่นและถอยไปหลายฟุต
นางพูดอย่างหยิ่งผยอง “เจ้า? เจ้ามีคุณสมบัติพอรึไง?”
ราชาผีหน้าซีด
ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน? นางมีจิตสังหารร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร
โดยไม่ลังเลใด ๆ เขาเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าและคำราม แต่เสียงคำรามยังคงมืดมนเหมือนเสียงโหยหวนของวิญญาณชั่วร้ายซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก
ผู้บัญชาการหลิงหลงที่ในสายตาฉายแววของการฆ่าฟัน ดาบเลือดเดือดอยู่ในมือ “คิดซะว่าเจ้าโชคไม่ดีแล้วกัน เพราะตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีมากเลยล่ะ”
ทันใดนั้นพลังวิญญาณก็แตกออก
ดาบพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและนายพลผีที่อยู่รอบตัวนางทั้งหมดถูกลากขึ้นไป เงาดาบลอยอยู่ในอากาศจากนั้นก็พุ่งและฉีกทำลายทุกอย่าง
ฆ่า!
ฆ่า!
ฆ่า!
ดาบพลังวิญญาณที่น่ากลัวนับไม่ถ้วนปะทุขึ้น
การได้ปลดปล่อยจิตสังหารในที่สุด ทำให้ผู้บัญชาการ หลิงหลงสบายใจ
ในทันใดนั้นราชาผีก็ถูกสับเป็นชิ้น ๆ ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดและจากนั้นก็สลายกลายเป็นควันฟุ้งกระจาย
มันยังไม่ตายแค่โจมตีและหลบหนี
ในสถานที่แบบนี้มันเป็นเรื่องยากมากที่จะฆ่าราชาผีได้อย่างสมบูรณ์ เว้นแต่สุสานของราชาผีทั้งสุสานจะถูกทำลายจนหมดสิ้นและรากของพวกมันจะถูกตัดขาด
สุสานของราชาผีสั่นสะเทือน
ลมปราณรุนแรงอีกหนึ่งตนปรากฏขึ้น
“ใครกัน? บังอาจมารบกวนการนอนของเรา”
“เป็นมนุษย์อีกแล้ว!”
“ดูเหมือนข้าจะรับรู้ถึงลมหายใจสุดท้ายของมนุษย์นั่นแล้ว”
“ผีเขียวเป็นอะไรไป ร่างสลายไปได้ยังไง?”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คนที่บุกเข้ามาในสุสานราชาผีจะต้องตาย!”
เสียงแห่งความหวาดกลัวดังออกมา
“อืม พวกเจ้าไปช่วยคนก่อนเลย” จิตสังหารของผู้บัญชาการหลิงหลงปะทุอย่างน่ากลัว “เส้นทางนี้จะมีราชาผีขวางทางอย่างแน่นอน งั้นก็มีแต่ต้องฆ่าทั้งหมด”
ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
สถานที่ที่ท่านหญิงหยู่อยู่นั้นตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าสุสานของราชาผีมากและพวกเขาก็รีบไป
“ท่านหญิงหยู่ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว” ลั่วอู๋ตะโกน
เสียงที่ประหลาดใจของท่านหญิงหยู่ดังขึ้น “ในช่วงเวลาสั้น ๆ เจ้ากล้ากลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง”
นางคิดว่าคงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่ลั่วอู๋จะกลับมา
เพราะผนึกวิญญาณทั้งสี่ก็แตกสลายแล้ว และมีตะเกียงวิญญาณทั้ง 49 ดวงเพื่อปกป้องนาง นางไม่ตกอยู่ในอันตราย ใด ๆ ในขณะนี้
ลั่วอู๋พร้อมที่จะดึงเงาดาบต้านสวรรค์ออกมา แต่อากาศก็แข็งตัวในทันที และกรงเล็บผีขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
พร้อมกับส่งเสียงทื่อ
“เมื่อไหร่กันที่สุสานราชาผีของข้ากลายเป็นสถานที่ที่เจ้าจะสามารถเข้าออกได้ตามมใจชอบ?”
รูม่านตาของลั่วอู๋หดหาย
กรงเล็บผีนี้เขาจำได้
เมื่อเขาวิ่งหนีเขาก็เกือบถูกผีกรงเล็บฆ่า โชคดีที่ท่านหญิงหยู่ยื้อเวลาให้เขาไว้ได้สักพักเขาจึงหนีไปได้
นี่คือมือของราชาผีเฮนเทียน!