ไหปีศาจ - บทที่ 569 หลุมฝังศพที่ไม่สามารถถูกทำลายได้
บทที่ 569 หลุมฝังศพที่ไม่สามารถถูกทำลายได้
บทที่ 569
หลุมฝังศพที่ไม่สามารถถูกทำลายได้
ตอนนี้ ณ สุสานของเหล่าราชาผี สถานการณ์นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
ผู้บัญชาการหลิงหลงได้กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ลมปราณของนางมีพลังรุนแรงขึ้นราวกับจะกลืนกินโลกทั้งใบ พลังวิญญาณของดาบสีทองเองก็ขยายใหญ่ขึ้นราวกับจะตัดดาวออกเป็นครึ่งได้ในทีเดียว
“คิดจะใช้ดาบต่อหน้าข้างั้นเหรอ หึ” ราชาผีเฮนเทียนกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นเขาก็เปลี่ยนพลังวิญญาณในมือให้กลายเป็นดาบพลังวิญญาณอันชั่วร้าย
เช่นเดียวกันกับพลังวิญญาณดาบของผู้บัญชาการ หลิงหลง ดาบสีดำนั้นมีพลังวิญญาณอันทรงพลังพุ่งออกมาเหมือนแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลวิ่งผ่านดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อย่างเชี่ยวกราก พลังวิญญาณดังกล่าวได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งสุสานทำให้ท้องฟ้ามืดลง
ใครจะคิดได้ว่าหลังจากปลุกพลัง “ในสมัยที่ยังมีชีวิต” ของเขากลับมาแล้ว รูปแบบการต่อสู้และความแข็งแกร่งของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ดาบทั้งสองนี้มีรูปแบบพลังวิญญาณที่เกี่ยวพันกันในระดับที่ทัดเทียมกัน
ในทันใดนั้นห้วงมิติก็แตกสลายออก เผยให้เห็นความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ ลมปราณของทั้งคู่ได้ทำให้เกิดช่องว่างห้วงมิติแห่งความว่างเปล่าขึ้น
แรงปะทะของผู้แข็งแกร่งทั้งสองแทบจะทำให้พื้นที่สุสานทั้งหมดสลายหายไป
ไม่ว่าพลังวิญญาณฮวงซุ้ยของที่นี่จะใหญ่แค่ไหน แต่มันก็เป็นเพียงสุสานขนาดใหญ่บนภูเขาที่ถูกทิ้งเอาไว้ การต่อสู้ของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรทั้งสองนั้นรุนแรงในระดับที่สามารถทำลายได้แม้กระทั่งทะเลและดวงดาว ฮวงซุ้ยเพียงที่เดียวของสุสานจึงไม่อาจแบกรับไว้ได้
“พลังวิญญาณแบบนี้ หรือว่า … ” ราชาผีตนหนึ่งตกใจและคำราม “เป็นไปไม่ได้ พลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในจิตสังหารนั่นมันพยัคฆ์ขาว ทำไมพลังวิญญาณของพยัคฆ์ขาวถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน?”
ราชาผีคนอื่น ๆ เองก็ตกใจและตะโกนร้องโหยหวนไปทั่วสุสานราชาผี
ราชาผีขมวดคิ้ว
พยัคฆ์ขาว?
ไม่น่าแปลกใจเลย เขารับมืออีกฝ่ายได้ลำบากถึงเพียงนี้
ผู้บัญชาการหลิงหลงส่งเสียงกร้าว เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นได้ล่วงรู้ถึงแหล่งที่มาพลังวิญญาณของนางแล้ว นางจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่ เนื่องจากราชาผีเหล่านั้นอยู่มาเป็นเวลานานหลายพันปีแล้ว พวกเขาจึงมีความรู้อันกว้างขวาง
ลั่วอู๋ตกตะลึง
พยัคฆ์ขาว?
เขาได้รู้เรื่องของมันมาจากบันทึกของราชาหมอก ซานเหริน ว่าพยัคฆ์ขาวนั้นเคยอาศัยอยู่บนโลกนี้ แต่เนื่องจากโดนปนเปื้อนโดยพลังวิญญาณอันชั่วร้าย มันจึงกลายเป็นสัตว์ร้ายสังหาร พยัคฆ์ขาวนั้นเป็นสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิที่มีพลังมากพอ ๆ กับคุน เดิมทีมันเป็นสัตว์วิญญาณที่มีความดุร้ายอยู่แล้ว จึงเป็นผลให้พลังวิญญาณชั่วร้ายสามารถรุกรานยึดครองร่างของมันได้
อย่างไรก็ตามราชาหมอกซานเหรินได้กล่าวอย่างชัดเจนในบันทึกว่า ปรมาจารย์ผู้อาวุโส ผู้อยู่อย่างสันโดษมานานหลายปีนั้น ได้ออกมาขัดขวางมันและเสียชีวิตไปพร้อมกัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพยัคฆ์ขาวนั้นควรจะตายไปนานแล้วตั้งแต่ตอนนั้น
ถ้าแบบนั้นแล้วพลังวิญญาณในตอนนี้มันคืออะไรกัน
“แปลกจริง” ฉูจงฉวน งงงวย “ทำไมราชาผีเหล่านี้ ถึงได้เกรงกลัวรังเกียจพยัคฆ์ขาวกัน ตามหลักแล้วที่ข้ารู้มา แม้ว่าพยัคฆ์ขาวจะเป็นอันตรายและมีจิตสังหารอันรุนแรง แต่มันก็ไม่ได้กระหายเลือดนี่นา”
ข้อมูลนี้นั้นมาจากหนังสือโบราณ
“ อาจจะมีบางอย่างขัดแย้งกันระหว่างพวกเขากับมันก็ได้” ลั่วอู๋พูดอย่างคลุมเครือ
ลั๋วอู๋นั้นไม่อยากเผยแพร่ประวัติศาสตร์อันวุ่นวายและมืดมนในบันทึกของราชาหมอกซานเหรินออกไป เพราะมันอยากจะเชื่อและเคร่งเครียดเกินไป
ฉูจงฉวน พูดด้วยเสียงต่ำ “นี่มันแปลกมาก ที่ทำไมราชาผีตนอื่น ๆ ต้องการฆ่าผู้บัญชาการหลิงหลงยกเว้นราชาผีเฮนเทียนล่ะ”
ลั่วอู๋ตะลึงและหันไปมอง
ราชาผีตนอื่น ๆ ต่างจ้องมองไปที่ผู้บัญชาการหลิงหลง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธราวกับว่าพวกเขามีความบาดหมางต่อกันและต้องการที่จะกลืนกินนางทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิต
ต่างจากราชาฝีเฮนเทียนที่หลังจากที่ได้ยินชื่อพยัคฆ์ขาว เขาก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรอีก
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?” ลั่วอู๋พึมพำกับตัวเอง
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง พวกเขาได้ถูกล่อลวงมาฆ่าสังหารลงที่นี่ พวกเขารู้ถึงเรื่องราวของเลือดและหยาดน้ำตามาตั้งแต่เริ่ม แม้ว่าพวกเขาจะตายไปแล้วจนกลายเป็นผีและกลายเป็นราชาผี แต่ความเกลียดชังที่มีต่อพยัคฆ์ขาวซึ่งสร้างหายนะอันชั่วร้ายไล่ฆ่าสังหารอย่างไร้ขอบเขตก็ยังไม่หายไป นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากเท่าไหร่
แต่ราชาผีเฮนเทียน ในฐานะ “ผู้มีอำนาจมากที่สุด” ของสุสานราชาผี เขาได้ลืมความโกรธแค้นเหล่านั้นไปแล้วงั้นหรือ?
ในเวลานี้เสียงอันอ่อนโยนของท่านหญิงหยู่ก็ดังขึ้นมา “เพราะเขาแตกต่างจากราชาผีตนอื่น ๆ เหมือนกับว่าจิตใจของเขากำลังหลงทางอยู่ มันเป็นเพราะจิตวิญญาณของเขานั้นไม่สมบูรณ์และสับสน เขาได้ดูดซับพลังวิญญาณของเหล่าผีมานานตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน จนกลายเป็นราชาผีระดับพิเศษเช่นนี้”
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
แต่เขาก็พอจะเข้าใจ
บางที แม้ว่าราชาผีเฮนเทียนจะมีความทรงจำของเหล่าผีนับไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่ได้รับอารมณ์และความรู้สึกมาด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกโกรธแค้นเมื่อได้ยินถึงชื่อของพยัคฆ์ขาว
ตอนนี้สถานการณ์ของการต่อสู้ได้ย่ำแย่ลงไปอีกขั้น
แม้ผู้บัญชาการหลิงหลงยังรู้สึกงงงวยกับสายตาที่เกลียดชังเหล่านั้น แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับมัน การต่อสู้ตรงหน้าของนางในตอนนี้นั้นได้ทำให้จิตวิญญาณในการต่อสู้ของนางเดือดพล่าน มันเป็นการต่อสู้ที่ดีเลยทีเดียว
จิตสังหารในร่างกายของนางถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด
ราชาผีเฮนเทียนใช้พลังวิญญาณแห่งไฟที่แท้จริงหุ้มดาบเอาไว้ดาบฟาดฟันใส่ผู้บัญชาการหลิงหลงด้วยการโจมตี อันทรงพลังที่ไม่มีใครเทียบได้แม้กระทั่งองค์จักรพรรดิผู้ทรงพลัง
ทั้งสุสานสั่นสะเทือน
แม้แต่เสาขนาดใหญ่ก็พังทลาย
การต่อสู้ระดับนี้นั้นไม่ควรเกิดขึ้นในสถานที่ที่ “แคบ” เช่นนี้เลย
ราชาผีตนอื่น ๆ เริ่มไม่สบายใจ จนในที่สุดพวกเขาก็ร้องออกมา “ราชาผีเฮนเทียน ได้โปรดอย่าต่อสู้ต่อไปอีกเลย สุสานแห่งนี้กำลังจะพังทลายแล้ว”
ราชาผีเฮนเทียน นั้นมีท่าทีที่แข็งกระด้างมาตลอด ทว่าคราวนี้การแสดงออกของเขากลับซับซ้อนเล็กน้อย เขาที่หยิ่งยโสมา กลับริเริ่มที่จะทำให้อ่อนลงในวันนี้
“ นั่นสินะ คงสู้ต่อไปไม่ได้แล้ว” การที่ดาบของราชาผีเฮนเทียนหยุดลงกลางคัน ทำให้ผู้บัญชาการหลิงหลงต้องตกใจและล้มลงไป
ผู้บัญชาการหลิงหลงไม่พอใจมา “กำลังทำอะไรของเจ้าน่ะ ? ทำไมเจ้าถึงหยุดการต่อสู้ลงกลางคันเช่นนี้?”
“ อย่าไปยุ่งกับเขาต่อเลย” ลั่วอู๋หัวเราะอย่างขมขื่น “สุสานนี้เป็นเหมือนผนึกที่คอยระงับความแค้นและพวกเขาเอาไว้ หากฮวงซุ้ยของที่นี่พังทลายลง ราชาผีทั้งหมดจะหลุดออกไปได้ แบบนั้นความโกลาหลได้เกิดขึ้นทั่วอาณาจักรแน่”
แม้แต่บัญชาการหลิงหลงที่เดือดดาลตลอดเวลาก็ยังเข้าใจได้ว่าเรื่องนี้ ไม่สามารถยอมให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ปัญหาก็คือยังมีบางอย่างแปลก ๆ
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทำไมพวกเขาถึงต้องกลัวการล่มสลายของฮวงซุ้ยด้วยล่ะ?” ผู้บัญชาการหลิงหลงงงงวย
ลั่วอู๋เองก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน
พวกเขาน่าจะต้องการให้ฮวงซุ้ยพังทลายลงมากกว่าสิ
เพราะท้ายที่สุดแล้วสถานที่นี้นั้นมีไว้เพื่อผนึกพวกเขาไม่ใช่เหรอ ?
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทุกคนต่างก็เกลียดพยัคฆ์ขาวมาก แต่แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงริเริ่มที่จะอ่อนข้อลงกันล่ะ นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
ราชาผีเฮนเทียนจ้องไปที่ผู้บัญชาการหลิงหลงและพวกลั่วอู๋ “เจ้ามนุษย์ พวกเจ้าจงออกไปจากที่นี่เถอะ”
เขาไม่ได้อยากจะปรานีอีกฝ่ายมากนักหรอก เพียงแต่เขานั้นอยากจะให้เรื่องนี้คลี่คลายไปได้โดยเร็ว
“ งั้นพวกเราจะพาท่านหญิงหยู่ไปด้วย” ลั่วอู๋พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“ อย่าได้ใจไปเลยน่า!” ราชาผีเฮนเทียนพูดอย่างเย็นชา“ คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆ งั้นเหรอ?”
ผู้บัญชาการหลิงหลงเย้ยหยัน “มาเถอะ มาสู้กันอีกสัก 300 รอบ ข้ายังไม่เหนื่อยเลย”
แม้ว่าพลังวิญญาณนี้จะไม่ได้เป็นของตัวนางเอง และสามารถยืมได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
แต่ตอนนี้น้ำมันของนางก็ยังไม่หมดนางยังพร้อมที่จะสู้ต่อไปได้
ราชาผีเฮนเทียนขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าด้วยความโกรธและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “เอาตัวนางไป แล้วจงออกไปซะ”
ผู้บัญชาการหลิงหลงดูผิดหวังเล็กน้อย
แต่ลั่วอู๋นั้นรู้สึกโล่งใจมาก
ลั่วอู๋ดึงเงาของดาบวิญญาณออกมาจากแท่น ทำให้ลมปราณของดาบนั้นค่อยๆถูกเผยออกมา จากนั้นดวงวิญญาณราชาผีที่เคยส่องสว่าง 49 ดวง ก็ดูเหมือนจะทำตามคำสั่งของราชาผีเฮนเทียนแล้วหายไปอย่างเงียบ ๆ
แน่นอนว่าพวกเขาก็แค่หายกลับไปเป็นสภาพวิญญาณทำให้แสงมืดลงเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ออกไปไหนจริง ๆ
หลังจากนั้นท่านหญิงหยู่ก็เดินออกมา นางมีรูปลักษณ์เหมือนกับรูปสลัก ดูอ่อนโยนและนุ่มนวล มีร่องรอยของความดื้อรั้นที่คิ้ว เห็นได้ชัดว่าช่างแกะสลักนั้นรู้จักนางเป็นอย่างดี ทำให้รายละเอียดต่าง ๆ นั้นสมบูรณ์แบบมาก
มีแววแห่งความตื่นเต้นปรากฏขึ้นในแววตาของนาง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกจากห้องโถงแห่งนี้
“อืม เจ้าได้ตามที่หวังแล้ว ก็จงออกไปซะ” ราชาผีเฮนเทียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ผู้บัญชาการหลิงหลงมองไปที่ลั่วอู๋ ซึ่งลั่วอู๋ก็พยักหน้า
ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องมีข้อพิพาทกันอีก
ความโกรธของผู้บัญชาการหลิงหลงเองก็ได้ถูกระบายออกไปจนหมดแล้ว
“ไปกันเถอะ”
ลั่วอู๋และพรรคพวกเดินจากไป
ปล่อยให้เหล่าราชาผีกัดฟัน อย่างทำอะไรไม่ถูก
“ถ้าพยัคฆ์ขาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง โลกใบนี้จะคงอยู่ได้อย่างไรกันเล่า ?” ราชาผีตนหนึ่งกระซิบกับตัวเอง
“ทั้งที่อยู่ในสภาพแบบนี้ ข้ายังคิดถึงความเป็นไปของโลกได้อีกเหรอเนี่ย!”
“ ทั้งๆที่ ข้า … ”
หลังจากนั้นราชาผีก็มองไปที่ ราชาผีเฮนเทียน
ราชาผีเฮนเทียนพูดอย่างใจเย็น “พวกเราต่างก็ได้ตายจากโลกใบนี้ไปนานแล้ว พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ปล่อยให้คนของยุคสมัยนี้ดูแลกิจการของโลกไปเถอะ หน้าที่สุดท้ายของพวกเราคืออะไรพวกเจ้าก็น่าจะรู้ดี ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะยังจำมันได้ และรักษาสุสานแห่งนี้กันต่อไป”
“ขอรับ” ราชาผีต่างตกลงโดยพร้อมเพรียงกัน