ไหปีศาจ - บทที่ 572 ความเข้าใจในแก่นแท้ทักษะแห่งการอัญเชิญ
บทที่ 572 ความเข้าใจในแก่นแท้ทักษะแห่งการอัญเชิญ
บทที่ 572
ความเข้าใจในแก่นแท้ทักษะแห่งการอัญเชิญ
ผู้บัญชาการหลิงหลงเดินจากไป
ก่อนไป นางได้ข่มขู่ลั่วอู๋ ไม่อนุญาตให้เขานำเรื่องที่นางเล่าไปบอกใครต่อ
ซึ่งแน่นอนว่าลั่วอู๋ไม่สามารถปฏิเสธได้อยู่แล้ว
สีหน้าของนางดูดีขึ้นมาก ตอนที่นางเดินจากไป
ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครรอบตัวนางที่นางจะเผยความรู้สึกอันอัดอั้นนี้ออกมาได้ และในคราวนี้นางก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดของนาง โดยใช้ประโยชน์จากเรื่องของแก่นวิญญาณเสือขาว นางจึงได้ระบายความเบื่อหน่ายมากมายที่สะสมมาตลอดหลายปีของนางออกมา
หลังจากนั้นลั่วอู๋ไม่ได้กลับไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิในทันที แต่ตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูล ฉูก่อน
เพราะเขามีบางอย่างที่ต้องทำที่นี่
ทันทีที่เขามาถึงคฤหาสน์ตระกูล ฉู ทั้งฉูจานเทียน และ หลินกุย ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของตระกูล ฉูนั้น ต่างก็เลือกที่จะเก็บตัวฝึกฝน
ส่วนฉูจงฉวนนั้นอยู่ในมิติไห เขากำลังพาท่านหญิงหยู่ ไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมของมิติไห
ท่านหญิงหยู่ นี่เป็นคนที่มีเกียรติมาก
อย่างไรก็ตามนางไม่เคยได้แต่งงานก่อนที่นางจะเสียชีวิต อีกทั้งนางยังเป็นราชาผีมานานเพียงแค่ร้อยปีกว่า ๆ เท่านั้น นางจึงไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับโลกในยุคสมัยนี้มาก่อน แม้ว่านางจะเคยใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาอันมืดมนวุ่นวายมาก่อน แต่นางก็ยังคงสามารถรักษาหัวใจที่เหมือนเด็กได้มาถึงตอนนี้ นางจึงดื่มด่ำกับโลกอันสวยงามและดูมีความสุขอย่างยิ่ง
“ ท่านหญิงหยู่” ลั่วอู๋แสดงความเคารพเล็กน้อย ยังไงซะนางก็เป็นบรรพบุรุษของพวกเขาเมื่อหลายพันปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นนางควรค่าแก่การเคารพในแง่ของหนึ่งในผู้เสียสละของจักรวรรดิในอดีต “ท่านได้วางแผนว่าจะทำอะไรต่อในอนาคตหรือเปล่า?”
ท่านหญิงหยู่หยุดสานมงกุฎวงดอกหญ้าในมือ นางเริ่มรู้สึกสับสน “ข้า … ข้าไม่รู้”
ลั่วอู๋ ยกให้เป็นหน้าที่ของฉูจงฉวนในทันที
ฉูจงฉวนกระซิบ “มันคงดีกว่าถ้าท่านจะพักอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อนในตอนนี้ หากท่านคิดได้ว่ามีที่ที่ท่านอยากจะไปจริง ๆ เมื่อไหร่ ท่านก็สามารถออกไปได้ทุกเมื่อ”
“ได้เลย” ท่านหญิงหยู่พยักหน้าแล้วก้มศีรษะสานมงกุฎดอกหญ้าในมือของนางต่อด้วยรอยยิ้ม
ลั่วอู๋ และ ฉูจงฉวน มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้
ท่านหญิงหยู่เองก็เป็นหนึ่งในราชาผี ความแข็งแกร่งของนางจึงไม่น่าจะธรรมดาอย่างแน่นอน
จู่ ๆ ท่านหญิงหยู่ก็เงยหน้าขึ้นอย่างครุ่นคิดคิด แล้วพูดว่า “แต่ข้าจะไม่ต่อสู้ ข้าเกลียดการต่อสู้”
“ …… ”
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่พวกเขาเข้าใจได้
แม้ว่านางจะเคยเข้าร่วมกองทัพพันธมิตรของมนุษยชาติในอดีต แต่นางก็มีส่วนร่วมเพียงแค่ในด้านการขนส่งเท่านั้น ในบันทึกของราชาหมอกซานเหรินนั้น นางเป็นเด็กผู้หญิงที่รักชีวิตมาก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่บุคคลเช่นนี้จะไม่ชอบการต่อสู้
นางได้กลายเป็นราชาผี หลังจากการตายของนางและต้องเข้าร่วมการต่อสู้หลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้เมื่อนางเป็นอิสระ นางจึงไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้โดยธรรมชาติ
ฉูจงฉวน พยักหน้า “แน่นอน”
พวกเขาทำอะไรได้
อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไปถึงจุดวิกฤตระหว่างชีวิตและความตาย ท่านหญิงหยู่เองก็น่าจะเต็มใจเคลื่อนไหวออกมาปกป้องพวกเขาอยู่ดี
ท่านหญิงหยู่เลือกที่จะอยู่ในมิติไหอย่างมีความสุข นางไม่ต้องการที่จะอยู่ในแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่มีพื้นที่แคบและไม่สามารถมองโลกภายนอกได้ การใช้ชีวิตที่นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ลั่วอู๋ส่งผู้นักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัด สองสามคนมาหานางในทันที โดยให้พวกเขาทำหน้าที่รับใช้ดูแลนาง
เขาไม่ได้กลัวว่าจะมีอะไรผิดปกติกับท่านหญิงหยู่ เพียงแต่กลัวว่าจะมีคนมาตกหลุมรักนางเสียมากกว่า
ลั่วอู๋ ดึง ฉูจงฉวน ออกไปข้าง ๆ “เจ้ามีแผนอะไร”
“ข้ามีแผนอะไรงั้นเหรอ ?” ฉูจงฉวน ไม่เข้าใจ
“ ท่านหญิงหยู่เป็นราชาผี นางถือเป็นสัตว์วิญญาณชนิดหนึ่ง ซึ่งเจ้าสามารถทำพันธสัญญาด้วยได้” ลั่วอู๋กล่าว
“ ทำพันธสัญญากับท่านหญิงหยู่น่ะเหรอ?” ฉูจงฉวนที่ตื่นเต้นส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้หรอก นางจะไปยอมรับได้ที่ไหนกันเล่า”
ตามหลักแล้วสัตว์วิญญาณระดับเพชรนั้นสามารถ ทำพันธสัญญาวิญญาณกับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงได้
แต่ท่านหญิงหยู่นั้นเป็นราชาผีที่มีมิติวิญญาณระดับเพชร ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป หากเขาต้องการจะทำพันธสัญญาวิญญาณกับนาง อย่างน้อย ๆ เขาต้องมีความแข็งแกร่งระดับสูงสุดของทองขั้นสูงเสียก่อน
เขาจะต้องอดทนจนกว่าตัวเองจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดของมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง
นั้นหมายความว่าเขาจะต้องอ่อนแอกว่าคนอื่น ๆ ที่มีมิติวิญญาณระดับเดียวกัน เป็นช่วงเวลาอันยาวนาน
แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้มเบี้ยว ๆ ของเขา “ข้ามีแต่ความเคารพต่อท่านหญิงหยู่ เช่นเดียวกับผู้อาวุโส ข้าคงรู้สึกไม่สบายใจหากจะทำสัญญาสัตว์วิญญาณกับนาง ภูตไฟของข้านั้นได้ดูดซับพลังวิญญาณในสุสานราชาผีมา มันจึงสามารถยกระดับขึ้นมาถึงตรงนี้ได้ นอกจากนี้รูปสลักของท่านหญิงหยู่ ทำให้มันประทับใจมาก ดังนั้นมันจึงเลือกรูปลักษณ์ของท่านหญิงหยู่มาเป็นรูปร่างของมัน หากท่านหญิงหยู่ รู้เรื่องนี้ข้าเกรงว่านางจะตบข้าตาย”
“ก็คงเป็นอย่างนั้น” ลั่วอู๋พยักหน้า
แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญก็ตาม
แต่มันก็น่าจะยากที่ท่านหญิงหยู่จะยอมรับได้อยู่ดี
ลั่วอู๋ กล่าวเสริมว่า “ถ้างั้น เจ้าเตรียมตัวรึยังว่าจะผ่านมิติวิญญาณไปสู่ระดับทองขั้นสูงเมื่อไหร่”
“ตอนนี้” ฉูจงฉวน กล่าวอย่างจริงจัง
“ทำไมต้องรีบขนาดนี้ล่ะ เจ้าเพิ่งเรียนรู้แก่นแท้ของทักษะมาเองไม่ใช่เหรอ ?”
“มันมากพอแล้ว” ฉูจงฉวน มีแววตาที่ดูสว่างเล็กน้อย “ข้าต้องการที่จะเชี่ยวชาญในแก่นแท้ทักษะแห่งไฟ จนกว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเพียงพอแล้ว ข้าถึงจะพยายามทำความเข้าใจแก่นแท้ของทักษะอื่น ๆ”
เขาเลือกที่จะฝึกฝนแก่นแท้ทักษะให้เชี่ยวชาญไปที่ล่ะอย่าง
วิธีนี้นั้นมีประสิทธิภาพและง่ายกว่า
มันไม่ได้มีเส้นทางอื่น ๆ กำหนดไว้สำหรับให้เขามากมายหลายเหมือนลั่วอู๋
นอกจากนี้ ฉูจงฉวน นั้นเป็นคนที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับแก่นแท้ทักษะแห่งไฟ จึงคาดว่าเขาคงจะก้าวข้าม ขั้นแรกของแก่นแท้ทักษะไปถึงขั้นที่สองอย่าง “ความเข้าใจเบื้องต้น”แล้วเป็นที่เรียบร้อย
ดังนั้นมันจึงเหมาะกับเขามากกว่าที่จะเชี่ยวชาญไปทีล่ะแก่นแท้ทักษะ
แต่มันไม่ใช่สำหรับ ลั่วอู๋
“ดี” ลั่วอู๋พยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นข้าก็จะไปเก็บตัวฝึกเช่นกัน แล้วเจอกันใหม่”
ฉูจงฉวนถาม “แล้วเจ้าล่ะ พร้อมที่จะก้าวข้ามยกระดับมิติวิญญาณรึยัง ?”
“อืม ข้าพร้อมแล้ว”
ลั่วอู๋เองก็กำลังเริ่มที่จะก้าวข้ามมิติวิญญาณเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้เห็นราชาผีเฮนเทียนที่ตื่นขึ้นมา เขาก็ได้รับความรู้สึกใหม่ ๆ
มันเป็นการเกริ่นนำไปสู่แก่นแท้ทักษะ
แก่นแท้ของทักษะในการเรียกแหล่งที่มาของพลังวิญญาณ
แก่นแท้ทักษะแห่งการอัญเชิญ ซึ่งสามารถทำให้สัตว์วิญญาณที่ถูกอัญเชิญแข็งแกร่งขึ้นและอยู่ได้นานขึ้น
ลั่วอู๋กลับไปที่ห้องฝึกฝนของเขา
ตอนนี้มีแสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างในมือของเขา
“ อัศวินแสง ภูตสวรรค์แห่งการเกิดใหม่และการทำลายล้าง ถ้าข้าจำไม่ผิดพวกมันเคยถูกกล่าวถึงไว้ใน หนังสือโบราณของสำนักเฉียนหลง ต่างจากเจ้าแห่งแสงที่ไม่มีอยู่ในบันทึกใด ๆ เลย”
ว่ากันว่าหมื่นปีก่อน เคยมีสัตว์วิญญาณที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิจากต่างมิติมาเยี่ยมเยียนมนุษยชาติ มันมีพลังวิญญาณอันยอดเยี่ยมราวกับเทพเจ้า ราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของแสงสว่าง มันมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ผู้คนจึงเรียกมันว่าเจ้าแห่งแสง
เจ้าแห่งแสง ได้เดินทางเข้าสู่อาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะและตระหนักถึงสัจธรรมเป็นเวลาสามปี จากนั้นมันก็ใช้พลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่ อวยให้แก่มวลมนุษยชาติแล้วจึงจากไปอย่างเงียบ ๆ
ตั้งแต่นั้นมาสัตว์วิญญาณธาตุแสงก็ถือกำเนิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง
“รากฐานพลังวิญญาณของพวกเจ้ามาจากเจ้าแห่งแสง” ลั่วอู๋ หายใจเข้าลึก ๆ “มาเถอะให้ข้าได้ปลุกพลังที่แท้จริงของพวกเจ้า”
แทนที่เขาจะเรียกภูตสวรรค์แห่งการเกิดใหม่และการทำลายล้าง ซึ่งเป็นตัวแทนของการทำลายล้างและการเกิดใหม่และภูตที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ ลั่วอู๋กลับเลือกภูตแห่งปัญญาที่เขาคุ้นเคยมากที่สุดแทน
ในใจของเขานึกถึงภาพพลังวิญญาณการอัญเชิญของราชาผีเฮนเทียนอย่างต่อเนื่อง
“ออกมา”
มือของลั่วอู๋กลายเป็นสีขาว
จากนั้นดาวหกดวงอันสว่างไสวก็ปรากฏขึ้น เสาแสงขนาดใหญ่สาดส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นภูตแห่งปัญญาผู้สง่างามก็ปรากฏตัวขึ้นช้าๆพร้อมกับถือหนังสือสีทองในมือของมัน
แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
แววตาของภูตแห่งปัญญาดูลึกซึ้งขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่าลมปราณของมันแข็งแกร่งขึ้น จนใกล้จะเกินกว่าระดับทองขั้นสูง
ยิ่งไปกว่านั้นหนังสือทองคำในมือของมันก็ดูเหมือนจะมีแสงสีทองส่องสว่างยิ่งกว่าเดิม มีคำพิเศษอื่น ๆ บันทึกเอาไว้ในนั้น
“มันได้ผล” ลั่วอู๋พึมพำ
เขาตระหนักถึงแก่นแท้ของทักษะแห่งการอัญเชิญได้สำเร็จ
ความเชี่ยวชาญในทักษะ “รวมพลเทวดา” ได้เพิ่มขึ้นมาจาก 35% เป็น 40%
แน่นอนว่าความเชี่ยวชาญในแก่นแท้ของทักษะวิญญาณ ย่อมช่วยให้ความเชี่ยวชาญในทักษะเพิ่มขึ้นมามาก