ไหปีศาจ - บทที่ 578 เจ้าหมายความว่ายังไง
บทที่ 578 เจ้าหมายความว่ายังไง ?
บทที่ 578
เจ้าหมายความว่ายังไง ?
การต่อสู้ในครั้งนี้ดำเนินไปอย่างยืดเยื้อ
อย่างไรก็ตามเอ๋าเฉียนจุนในครึ่งบนของหอคอยสีขาว นั้นเป็นร่างจำลองที่มีมิติวิญญาณเพียงระดับทอง มิติ 10 เท่านั้น เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาพบกับอีกฝ่ายนั้น เอ๋าเฉียนจุนเป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง มิติ 10
แน่นอนว่าปัจจุบัน ลั่วอู๋ มั่นใจเลยว่าเอ๋าเฉียนจุนตัวจริงคงอยู่ในมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว
ถึงอย่างนั้นร่างจำแลงของเอ๋าเฉียนจุน ที่มีมิติวิญญาณระดับทอง มิติ 10 ก็ถือว่าน่าเกรงขามเช่นกัน ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความแข็งแกร่งและความเร็ว ทำให้เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาก
ในการต่อสู้นี้ลั่วอู๋ต้องพยายามอย่างหนัก กล่าวได้ว่าเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการปลดปล่อยลมหายใจมังกรออกมามากกว่าสิบครั้ง จึงจะสามารถจัดการปราบปรามเอ๋าเฉียนจุนให้ถอยไปได้
ความแข็งแกร่งของลั่วอู๋เพิ่มขึ้น แต่ก็อ่อนแอลงไปเช่นกัน
การที่ไม่มีสัตว์วิญญาณอยู่ใกล้ ๆ นั้นทำให้เขาอ่อนแอลง แต่ด้วยที่เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับแก่นแท้ทักษะของระดับมิติวิญญาณทองขั้นสูง มันจึงอุดจุดอ่อนตรงนี้ออกไป
การต่อสู้ดำเนินไปตลอดทั้งวันทั้งคืน
หมัดวายุสายฟ้าคำรนของร่างจำแลงเอ๋าเฉียนจุน ถูกหักล้างโดยพลังวิญญาณแห่งการทำลายล้าง ทำให้ทักษะผสานของเขาถูกทำลายลงโดยลั่วอู๋ในที่สุด
และแล้วร่างจำแลงของเอ๋าเฉียนจุนก็สลายไป
ลั่วอู๋บาดเจ็บสาหัส จนไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถต่อสู้ได้อีก แต่เขารู้สึกว่าได้รับประโยชน์มากมายมาจากการต่อสู้ครั้งนี้ การต่อสู้กับตัวตนระดับสัตว์ประหลาดทำให้ทักษะการต่อสู้ของเขาได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
“พอแค่นี้ดีกว่า ข้าสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว” ลั่วอู๋พึมพำกับตัวเอง ขณะที่ดวงตาของเขาเหม่อมองไปข้างหน้าเล็กน้อย
โชคดีที่ไม่มีร่างจำแลงใหม่ปรากฏขึ้นมาอีก
พื้นที่ทั้งหมดได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จากนั้นร่างของลั่วอู๋ ก็ไปปรากฏขึ้นบนขั้นบันไดจุดตัดระหว่างส่วนบนและส่วนล่างของหอคอย
“ออกมาได้แล้วงั้นเหรอเนี่ย!”
ลั่วอู๋ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
ดูเหมือนว่าเงื่อนไขในการออกก็คือ เขาจะต้องต่อสู้อย่างสุดกำลัง จนใช้พละกำลังทั้งหมดจึงจะออกไปได้
นี่มันโหดร้ายเกินไป
เขาไม่ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเขาถูกฆ่าที่นี่ เขาจะตายจริง ๆ เลยรึเปล่า?
ลั่วอู๋ค่อยลากร่างสะบักสะบอมของเขาลงบันได เขาบาดเจ็บหนักจริง ๆ
ครึ่งล่างของหอคอยสีขาวช่วยเพิ่มการรับรู้ในทุกด้าน ส่วนครึ่งบนช่วยเพิ่มระดับความสามารถในการต่อสู้ หรือก็คือหอคอยนี้จะช่วยพัฒนาเขารอบด้าน มันเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆ
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะหนักมาก แต่แก่นวิญญาณก็ยังปกติดี ตราบใดที่เขาไม่ได้บาดเจ็บจนถึงขั้นนั้น การฟื้นฟูก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ลั่วอู๋ออกจากหอคอยสีขาวและกลับไปที่คฤหาสน์
องค์หญิงเจียโรว ได้มารอเขาอยู่แล้ว
องค์หญิงเจียโรว ตระหนักถึงลมปราณที่พัฒนาขึ้นของ ลั่วอู๋ จึงเดินออกมาตามหาเขา แม้ว่านางจะยังคงโกรธลั่วอู๋อยู่ แต่นางก็เลือกที่จะลืมมันไปก่อน
อย่างไรก็ตาม องค์หญิงเจียโรวก็ยังหาตัวลั่วอู๋ไม่พบ จนได้รู้จากต้าหวงว่า ลั่วอู๋ นั้นได้เข้าไปในหอคอยสีขาว
องค์หญิงเจียโรว รู้ถึงความสามารถของหอคอยสีขาว ดังนั้นนางจึงคิดว่า ลั่วอู๋ เพิ่งเข้าไปในนั้นได้ไม่นาน
ทว่าเมื่อ ลั่วอู๋ ออกมาจากหอคอยสีขาวเขากลับเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ นางจึงประหลาดใจมาก
“ ลั่วอู๋!” องค์หญิงเจียโรวรีบเข้าไปหาเขา นางจับแขนของลั่วอู๋ด้วยท่าทีที่เป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น มีใครบุกเข้ามางั้นเหรอ?”
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ในมิตินี้คนนอกนั้นไม่สามารถบุกเข้ามาได้”
“แล้วบาดแผลพวกนี้ล่ะ?”
“หอคอยสีขาว”
องค์หญิงเจียโรว ตะลึง “เจ้าทะเลาะกับหอคอยสีขาวงั้นเหรอ?”
ลั่วอู๋หัวเราะและส่ายหัว “ ที่พูดก็ถูกอยู่บางส่วน”
ลั่วอู๋ ไม่ได้ปิดบังอะไร เขาบอกกับ องค์หญิงเจียโรว ถึงความสามารถของหอคอยสีขาวครึ่งบน ซึ่งทำให้นางประหลาดใจยิ่งไปกว่าเดิม
“ช่างเป็นมิติที่วิเศษจริง ๆ” องค์หญิงเจียโรว พูดด้วยความสนใจ
ลั่วอู๋ที่ได้ยินก็เผยรอยยิ้มออกมาพลางกระซิบ “เจ้าไม่โกรธข้าแล้วเหรอ”
“ ฮึ่ม!” แก้มขององค์หญิงเจียโรวป่องขึ้นมา นางกลับมามีท่าทางไม่พอใจ “การโกรธจะช่วยอะไรข้าได้ ยังไงซะเจ้าก็ไม่คิดจะพาข้าไปยังอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะอยู่แล้วนี่”
ลั่วอู๋เข้าใจถึงความคับแค้นใจของนาง แต่เขาก็พูดออกมาด้วยความโล่งใจ “มันเป็นคำขอขององค์จักรพรรดิ นอกจากเรื่องนี้แล้ว ข้าจะยอมทำตามใจเจ้าทุกอย่าง หากเจ้าต้องการอะไรในอนาคต”
“จริงเหรอ?” ดวงตาอันสดใสของ องค์หญิงเจียโรว เปิดขึ้นเล็กน้อย
“แน่นอน”
“เจ้าพูดเองนะ ข้าไม่ได้บังคับเจ้า”
ลั่วอู๋ยิ้มเล็กน้อยพลางหัวเราะแล้วจึงพูดว่า “แน่นอน จะให้ข้าทำอะไรให้เจ้าล่ะ องค์หญิง สั่งมาได้เลย”
“ ข… ข้ายังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น” องค์หญิงเจียโรว กะพริบตาอันสว่างชัดเจนของนาง “ข้าจะบอกเจ้าทันทีที่ข้าคิดได้”
ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะความขัดแย้งระหว่างพวกเขานั้นได้ถูกกำจัดไปแล้ว
หลังจากนั้นลั่วอู๋ก็เก็บตัวในห้องฝึกซ้อมเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
สามวันต่อมา
มู่เถามาที่ห้องฝึกฝนและกล่าวด้วยความเคารพ “นายน้อยมีบางอย่างเกิดขึ้นในห้องเล่นแร่แปรธาตุ”
ลั่วอู๋ค่อยๆลืมตาเผยแววตาอันลึกล้ำซึ่งแฝงไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างและการกลืนกิน เมื่อเขาได้ยินเสียงของมู่เถา เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องฝึกไปในทันที
เพียงแค่สามวันอาการบาดเจ็บของเขาก็หายดีเป็นปกติ
มู่เถานั้นมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องเล่นแร่แปรธาตุ แต่เมื่อไม่นานมานี้ลั่วอู๋ได้ให้เขาลาพักร้อน
เพราะตอนนี้เขาได้มอบห้องเล่นแร่แปรธาตุให้กับ ฉูจงฉวน
ชั้นใต้ดินของห้องเล่นแร่แปรธาตุนั้นเต็มไปด้วยไฟใต้พิภพ ในแง่ของอุณหภูมินั้นมันรุนแรงยิ่งใหญ่กว่าภูเขาไฟขนาดใหญ่หลาย ๆ ลูกรวมกันเสียอีก มันจึงเหมาะมากสำหรับการฝึกฝนเพื่อทำความเข้าใจแก่นแท้ทักษะแห่งไฟ
ดังนั้น ฉูจงฉวน จึงขอลั่วอู๋ยืมใช้ห้องเล่นแร่แปรธาตุเป็นที่ฝึกฝน ทำสมาธิสันโดษของเขาเอง
แน่นอนว่าลั่วอู๋อนุญาตเพราะเขาเองก็เห็นด้วย
ตอนนี้การที่มู่เถามารายงานเรื่องของห้องเล่นแร่แปรธาตุ ไม่ได้หมายความเพียงแค่ว่าเขาจะกลับมาทำงานในห้องเล่นแร่แปรธาตุแล้วเท่านั้น แต่หมายความว่าการเก็บตัวฝึกของ ฉูจงฉวน เองก็กำลังจะสิ้นสุดลงด้วย
“ไปดูกันเถอะ!”
ลั่วอู๋รีบตรงไปยังห้องเล่นแร่แปรธาตุ
ฉูจงฉวนนั้นจัดการตารางการฝึกซ้อมของเขาเป็นอย่างดีมาตลอด แม้ว่าบางครั้งเขาจะอู้ไปเที่ยวสถานบันเทิงเริงรมย์ และละเลยการฝึกฝนบ้างเป็นบางครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งการฝึกฝนยามที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว
ณ ห้องเล่นแร่แปรธาตุ
ข้างในนั้น เพดานกลายเป็นดั่งท้องฟ้าที่ถูกเนรมิตขึ้นมา
มีเมฆสีแดงที่สร้างขึ้นจากเพลิงลอยอยู่บนท้องฟ้า ปิดทั่วทั้งท้องฟ้า เหมือนหินหนืดที่กำลังเดือดแสงสีแดงของพวกมันกะพริบ ราวกับว่ารอบ ๆ ที่แห่งนี้ได้กลายเป็นทะเลเพลิง
อุณหภูมิรอบ ๆ ห้องเล่นแร่แปรธาตุดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ปากของลั่วอู๋ปิดลงด้วยรอยยิ้ม
ดูเหมือนว่าฉูจงฉวนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการฝึกฝนครั้งนี้
การเชี่ยวชาญแก่นแท้ทักษะเป็นหนึ่งในวิธีการสำคัญที่สุดในการบรรลุมิติวิญญาณขั้นสูงสุด และฉูจงฉวน ก็ได้เข้าใจถึงมันในระดับที่ ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงหน้าใหม่ไม่สามารถไปถึงได้
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ!” ฉูจงฉวน ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ทั่วร่างของเขาอาบไปด้วยเปลวไฟสีเขียวเข้ม เขาเดินออกมาจากห้องเล่นแร่แปรธาตุอย่างเป็นธรรมชาติและเต็มไปด้วยอิสระ ลมปราณของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
ไฟของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยคุณสมบัติทั้งร้อนและเย็น อันแปลกประหลาด
“ยินดีด้วย ฉูจงฉวน” ลั่วอู๋เองก็หัวเราะดีใจเช่นกัน
ฉูจงฉวน สลายเปลวไฟออกไปอย่างรวดเร็ว ให้มันไหลเข้าสู่ร่างกายราวกับว่าไม่เคยมีมันมาก่อน
“ ยังไงข้าก็คงยังตามหลังเจ้าอยู่สินะ” ฉูจงฉวน กล่าวด้วยความเสียใจ “ข้าอุตส่าห์คิดว่าข้าจะกลับมานำเจ้าได้เสียแล้ว ไม่นึกเลยว่าเจ้าเองก็จะมาถึงมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงแล้วเหมือนกัน”
ลั่วอู๋หัวเราะและไม่ได้พูดอะไรต่อ
อย่างไรก็ตาม ฉูจงฉวน ก็ได้ปรับความคิดของเขากลับมาอย่างรวดเร็ว พลางพูดพร้อมกับขยิบตา “เจ้าลองเดาสิว่า ข้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับแก่นแท้ทักษะแห่งไฟไปถึงขั้นไหนแล้ว”
“สูงสุดของขั้นการเริ่มต้น?” ลั่วอู๋ ถาม
ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้ามันต่ำขนาดนั้น ข้าคงไม่เอามาอวดเจ้าหรอก”
จากสภาพดูเหมือนว่าเขานั้นได้ไปไกลยิ่งกว่าขั้นที่สองอย่าง ความเข้าใจเบื้องต้น ไปแล้ว
มันไม่ได้ต่ำเลย แม้แต่ลั่วอู๋ยังเข้าใจได้ว่าผู้ที่ไปถึงระดับนี้ตั้งแต่เลื่อนขั้นมิติวิญญาณเป็นระดับทองขั้นสูงนั้นหายากมากแค่ไหน ตามปกติแค่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ทักษะ ขั้นแรก ก็ถือว่ายากมากแล้ว
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจแล้วจึงพูดต่อ “เจ้าใกล้ไปถึงระดับที่สาม อย่าง การหยั่งรู้ รึยัง? ”
“เจ้าคงไม่คาดคิดเลยล่ะสิว่า ข้าคนนี้จะ … “จู่ ๆ ฉูจงฉวน ก็หยุดพูดไปกลางคัน และความรู้สึกภาคภูมิใจของเขาก็เริ่มสลายหายไป “เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเจ้าถึงถามแบบนั้น ?”
ลั่วอู๋เลิกคิ้วพลางพูดด้วยรอยยิ้มล้อเลียน “เจ้าหมายความว่ายังไง?”