ไหปีศาจ - บทที่ 604 ออกเดินทางอีกครั้ง
บทที่ 604 ออกเดินทางอีกครั้ง
บทที่ 604
ออกเดินทางอีกครั้ง
จังหวะนั้นเองนักฆ่าลัทธิเต๋าก็เดินเข้ามา
รองเจ้าสำนักหลี่หวู่หยวนได้กลับไปแล้ว เขาจึงไม่ได้เดินมาด้วย
ดูเหมือนว่าหลังจากที่ลั่วอู๋ฆ่านกตัวนั้นไป ลมปราณของมันได้ถูกดึงออกมาพร้อมกับขนของมันด้วยบางส่วน
“ วันนี้ข้าเข้าไปที่เจดีย์เก้าชั้นมาน่ะ” ลั่วอู๋ กล่าว
นักฆ่าลัทธิเต๋าหันไปทางเขาอย่างกะทันหัน “นกประหลาดพวกนี้อาศัยอยู่ที่ชั้น 4 ขอเจดีย์เก้าชั้น”
เขามองไปที่ดวงตาของลั่วอู๋อย่างชื่นชม ” ทั้งที่เจ้าเป็นเพียงแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงมือใหม่แท้ ๆ แต่กลับมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะขึ้นไปยังชั้นที่สี่ของเจดีย์เก้าชั้น ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะไม่เลวเลยทีเดียว”
ลั่วอู๋หัวเราะและไม่พูดอะไร
“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยสอนหลี่หยินในวันนี้” ลั่วอู๋กล่าวด้วยความเคารพ
นักฆ่าลัทธิเต๋าส่ายหัว “ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก หลี่หยินต่างหากที่มีศักยภาพอันดีเยี่ยม หากหลี่หยินมีปัญหาเกี่ยวกับการฝึกฝนใด ๆ ในอนาคต ให้นางมาหาข้าได้เลย”
“ได้เลย” ลั่วอู๋พยักหน้า
“พวกเจ้าเองก็จะไปที่นั่นสินะ” นักฆ่าลัทธิเต๋าถาม
“ถูกต้อง” ลั่วอู๋ตอบ “พวกเรากำลังจะไปที่อาณาจักรภูเขาที่แห้งแล้งกัน”
นักฆ่าลัทธิเต๋าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องระวังกันให้ดี อาณาจักรภูเขาแห้งแล้งนั้นแตกต่างจากอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกายมาก ขนบธรรมเนียมของชาวบ้านที่นั่นดุร้ายและชื่นชอบการต่อสู้”
ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างเข้าใจ
จากนั้นนักฆ่าลัทธิเต๋าก็หยิบหยกสีขาวแวววาว ขนาดประมาณฝ่ามือออกมาพลางถอนหายใจด้วยความหดหู่
“ ข้าไม่มีของมีค่าติดตัวเท่าไหร่ มีเพียงสิ่งนี้อยู่กับข้ามานานหลายร้อยปี และตอนนี้ข้าจะขอมอบมันให้กับเจ้า” นักฆ่าลัทธิเต๋ากล่าวกับหลี่หยิน
แม้ว่าหลี่หยินจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่นางก็สัมผัสได้ว่ามันมีค่ามาก หลี่หยินจึงรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “มันมีค่ามากเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
“อย่าปฏิเสธเลย” นักฆ่าลัทธิเต๋ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขาข้าอยู่ในโลงศพไปข้างนึงแล้ว เจ้าเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของข้า ในไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องตกเป็นของเจ้าอยู่ดีนั่นแหละ”
หลี่หยินรู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก
ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม“ เวลาผู้อาวุโสมอบอะไรให้เจ้า ก็อย่าปฏิเสธเลย รับมันไว้เถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลี่หยินก็ก้มลงน้อมรับของจากนักฆ่าลัทธิเต๋า
การแสดงออกของนักฆ่าลัทธิเต๋าดูซับซ้อน เขามองไปที่ ลั่วอู๋ และถอนหายใจในใจ ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนี้ จะมีความสำคัญมากในหัวใจลูกศิษย์ของเขา
บางครั้งมันก็อาจเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งมันก็อาจจะเป็นหายนะได้เช่นกัน
แทนที่จะสังเกตเห็นจิตสังหารของนักฆ่าลัทธิเต๋า ลั่วอู๋กลับถามเขาอย่างสงสัย “มันคืออะไรงั้นหรือ ท่านอาจารย์ ? มันเอาไว้ใช้ทำอะไร?”
นักฆ่าลัทธิเต๋าสงบสติอารมณ์แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่คือฟันมังกร”
ลั่วอู๋ตกใจมาก
“มังกร ? ท่านกำลังบอกว่ามันเป็นของมังกรอย่างนั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ถามอย่างระมัดระวัง
บางที่ชื่อนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าวัตถุดังกล่าวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นจริง ๆ เสมอไป
ยกตัวอย่างเช่น หญ้ากระดูกงู ที่มีคำว่ากระดูกงูอยู่ในชื่อ จริงๆแล้วมันเป็นแค่หญ้าวิญญาณระดับกลาง ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับกระดูกงูใด ๆ มันเป็นเพียงแค่ชื่อ
“ แน่นอนสิ มันมาจากมังกรแก่นแท้” นักฆ่าลัทธิเต๋ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ มังกรแก่นแท้ มีอยู่จริงหรือเนี่ย?” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
มังกรแก่นแท้เป็นหนึ่งในสัตว์วิญญาณที่น่ากลัวที่สุด แม้แต่ในหมู่ตัวตนผู้มีพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิเอง คำว่า “มังกร” ก็สามารถหมายถึงสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย
แม้ว่าลั่วอู๋จะได้อ่านหนังสือและบันทึกโบราณมามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยได้เห็นข้อมูลเกี่ยวกับมังกรแก่นแท้มาก่อนเลย
นักฆ่าลัทธิเต๋ากล่าวอย่างช้าๆ “เชื่อเถอะว่ามันมีอยู่จริง ไม่เช่นนั้นทำไม ราชวงศ์มังกรเร้นกายถึงได้ถูกเรียกว่าราชวงศ์มังกรเร้นกายกันล่ะ เพราะที่นี่คือดินแดนที่มังกรซ่อนตัวอยู่ไม่ใช่รึไง”
ลั่วอู๋อยากจะถามอีกครั้ง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ต่อ
จากนั้นลั่วอู๋ก็ถามต่อ “แล้วฟันมังกรนี้เอาไว้ใช้ทำอะไรได้งั้นเหรอ ?”
“ มันสามารถใช้ในการป้องกันต้านทานการโจมตีจากตัวตนที่มีพลังของเทพเจ้าได้ แม้แต่การโจมตีของพยัคฆ์ขาวเจ้าสิ่งนี่ก็สามารถใช้ในการต้านทานมันได้ชั่วขณะ” นักฆ่าลัทธิเต๋าตอบ
มันคือประกันความปลอดภัย
การมีฟันมังกรในครอบครองนั้นเทียบเท่ากับการมีเกราะป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองปกป้องร่างกายอยู่ มันสามารถต้านทานการโจมตีได้ทั้งภายในและภายนอก
“ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์” หลี่หยินกล่าวขอบคุณอย่างใกล้ชิด
นี่ทำให้นักฆ่าลัทธิเต๋ารู้สึกพึงพอใจมากอยู่ชั่วขณะ
ยังไงซะ เขาก็ถือเป็นคนใกล้ชิดของนาง
หลังจากขอบคุณอีกครั้ง ลั่วอู๋ ก็เดินจากไปพร้อมกับ หลี่หยิน
หลี่หยินพับเสื้อคลุมขนนกอย่างตั้งใจ แล้วเก็บรักษามันไว้ดั่งสมบัติ
ลั่วอู๋ไม่เข้าใจกับการกระทำของนาง “เจ้าไม่ใส่มันเหรอ?”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าเกรงว่าข้าจะทำให้มันสกปรก” หลี่หยินกล่าว
“ยัยโง่ ถ้ามันจะสกปรก ก็ให้มันสกปรกไปสิ” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสามารถทำความสะอาดมันได้อย่างรวดเร็วด้วยพลังวิญญาณอยู่แล้ว”
แต่หลี่หยินก็ยังไม่ยอม
สำหรับนางเสื้อคลุมขนนกตัวนี้ไม่ใช่เพียงแค่เสื้อคลุมธรรมดา ๆ เท่านั้น มันเป็นสมบัติอันมีค่าที่ไม่สามารถจะปล่อยให้เปื้อนได้
ลั่วอู๋ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ก่อนจะถึงวันนี้ ฉูจงฉวนเองก็ได้หายตัวไปเช่นกัน เขากังวลอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะ
ดูเหมือนแรงผลักดันในชีวิตของเขาจะแห้งเหี่ยวมาก
“ข้าเองก็จะไปที่อาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง” ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ภูเขาแห้งแล้งเป็นสถานที่ที่เหล่านักเรียนของสำนักทุกคนเคยมีส่วนร่วมในการทดสอบการต่อสู้จริง ซึ่งพวกเขาสามารถต่อสู้ได้ตามใจต้องการ
ลั่วอู๋มีท่าทีสับสน “ ด้วยระดับความแข็งแกร่งของเจ้า ยังมีคนที่ทำให้เจ้าลำบากใจได้อีกงั้นเหรอ?”
ฉูจงฉวน นั้นเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นมิติวิญญาณทองขั้นสูงแล้ว ซึ่งในรุ่นของพวกเขามีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้นที่ได้รับการเลื่อนระดับมิติวิญญาณมาถึงระดับทองขั้นสูงในสำนักเฉียนหลง โดยหากนับรวมทั้งลั่วอู๋ และ ฉูจงฉวน ก็จะมีเพียงเจ็ดคนเท่านั้น
และเอ๋าเฉียนจุนเองก็เก็บตัวฝึกอยู่ในเจดีย์เก้าชั้น ส่วนระดับการประเมินของคนอื่น ๆ เองก็ต่ำมากตามที่หนิงปิงหลันกล่าว ซึ่งไม่ควรจะทำให้ ฉูจงฉวน แห้งเหี่ยวมากขนาด
“ข้าไม่ได้คิดจะไปที่นั่นเพื่อต่อสู้ แต่เพื่อเข้าใจแก่นแท้ทักษะ” ฉูจงฉวน ยิ้ม
“ แก่นแท้ทักษะแห่งอะไร?”
“แก่นแท้ทักษะแห่งผืนดิน”
ลั่วอู๋เข้าใจได้ในทันที
ภูตทะเลทรายเป็นตัวแทนของแก่นแท้แห่งผืนดิน และสภาพแวดล้อมบนภูเขาแห้งแล้งก็เหมาะมากสำหรับการทำความเข้าใจแก่นแท้ทักษะแห่งผืนดิน
“เจ้าคงจะไม่ได้ที่จะฝังตัวเองลงไปในดินใช่ไหม ?” เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าสีขาวเปื้อนโคลนของ ฉูจงฉวน ลั่วอู๋ ก็ถามอย่างสงสัย
ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเจ้าต้องการที่จะเข้าใจธรรมชาติละก็ เจ้าจะต้องเข้าใกล้มันเสียก่อน แก่นแท้แห่งไฟทำให้ข้าจำเป็นต้องเข้าไปในหินหนืดของภูเขาไฟ เพื่อแก่นแท้แห่งผืนดินข้าก็ต้องฝังลึกลงไปในผืนดินตามธรรมชาติอยู่แล้ว”
“ ได้เลย” ลั่วอู๋ กล่าวติดตลก “โชคดีที่เจ้าไม่ได้คิดจะทำความเข้าใจ แก่นแท้แห่งสายฟ้า มิฉะนั้นเจ้าคงจะต้องไปนั่งให้ฟ้าผ่าตัวเองทุกวันแน่ มันคงจะหาสถานที่ที่จะมีสายฟ้าฟาดลงมาทุกวันให้เจ้าได้ยากน่าดู”
หลังจากพูดเล่น ๆ ไปสักพักลั่วอู๋ก็พูดอย่างเคร่งขรึม “แก่นแท้ทักษะแห่งไฟและผืนดิน เจ้ามีแผนจะติดตามผลของมันอย่างไร”
แก่นแท้ทักษะทั้งสองไม่ได้อ่อนแออย่างแน่นอน แต่พวกมันต่างก็ยังอยู่ในระดับของแก่นแท้ทักษะที่ห่างไกลจากแก่นแท้อันดับต้น ๆ ในความทรงจำของเขา ฉูจงฉวน มักจะวางแผนไว้ล่วงหน้าเสมอสำหรับการฝึกฝนในอนาคต และเขาไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนแอกว่าคนอื่น ๆ
ฉูจงฉวน ตกตะลึงในตอนแรกและจากนั้นเขาก็หัวเราะ “แน่นอนว่าข้าคิดจะเข้าใจแก่นแท้แห่งธาตุทั้ง 5”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ” ลั่วอู๋แสดงท่าทางเห็นด้วยและเข้าใจ
แก่นแท้แห่งธาตุทั้งห้า ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และผืนดิน หากรวมพวกมันเข้าด้วยกัน ผลก็คือพลังแห่งธาตุอันรุนแรงจนหาที่เปรียบมิได้ พวกมันจะต้องกลายเป็นแก่นแท้ทักษะชั้นยอดอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามการทำความเข้าใจแก่นแท้ทักษะถึง 5 อย่างนั้นจะต้องลงลึกและทุ่มเทเป็นอย่างมาก อีกทั้งพวกมันยังไม่มีจุดรวมซึ่งกันและกัน มันจึงยากมากที่จะเข้าใจพวกมันทั้งหมด
หลายคนเองก็เคยเลือกเส้นทางนี้ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จ
เพราะพลังงานในการทุ่มเทและแรงใจของผู้คนต่างก็มีข้อจำกัด และแก่นแท้แห่งธาตุที่แท้จริงนั้นจะเบ่งบานได้ก็ต่อเมื่อถึงระดับที่สี่ของ “แก่นแท้ทักษะ”
“เจ้ามั่นใจไหม?” ลั่วอู๋ ถาม
ฉูจงฉวนตอบด้วยท่าทางมั่นใจ “แน่นอนสิ”
เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเช่นนี้เสมอ
ต่อมาเหวินเสี่ยวก็เดินมาด้วยแววตาอันมืดมน เขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
ฝูงชนต่างมารวมตัวกันและจากนั้น หลี่หวู่หยวน ก็ปรากฏตัวขึ้น
“เป็นเกียรติที่ได้พบท่านรองเจ้าสำนัก” นอกจาก เหวินเสี่ยวแล้วฝูงชนต่างก็ส่งเสียงร้องโดยพร้อมเพรียงกัน
หลี่หวู่หยวน พยักหน้าช้า ๆ “ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ พวกเจ้าทุกคนควรระมัดระวังตัวตลอดการเดินทาง”
จากนั้นห้วงมิติสู่ สำนักหม่าเฉินในอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งก็ถูกเปิดออก