ไหปีศาจ - บทที่ 616 บททดสอบของแต่ล่ะคน
บทที่ 616 บททดสอบของแต่ล่ะคน
บทที่ 616
บททดสอบของแต่ล่ะคน
เมื่อเทียบกับการต่อสู้ระหว่างความมืดและแสงสว่างของเหวินเสี่ยวที่พยายามจนสามารถระงับความมืดของตนเองเอาไว้ได้
บททดสอบของฉูจงฉวนนั้นเต็มไปด้วยความหลงใหลของตัวเขาเอง ซึ่งทำให้ภาพมิติลวงตาของ ฉูจงฉวน เต็มไปด้วยสิ่งสวยงาม
เขาอยู่ในพระราชวังอันหรูหรา
ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นไวน์หอมลอยโชย และเสียงเพลงอันไพเราะ ซึ่งทำให้จิตใจของผู้คนสั่นไหว ใครก็ตามที่มายังที่แห่งนี้คงอดไม่ได้ที่จะเมา
ฉูจงฉวน รายล้อมไปด้วยสาวงามกำลังแข่งขันกันอวดโฉม ต่างคนต่างมีความงามในแบบของตนเองพวกนางเดินไปพร้อมกับฉูจงฉวน ลมหายใจของพวกนางหอมราวกับกลิ่นของดอกไม้ มีแขนที่ขาวเหมือนรากบัว และหน้าท้องที่เผยอออกมา ทำให้ผู้คนสับสน
ยังมีหญิงสาวอีกหลายคนเต้นรำอยู่ในใจกลางพระราชวัง ยืดส่วนโค้งของร่างกายอันสมบูรณ์แบบภายใต้แสงไฟที่สว่างจ้า
กลิ่นธูปหอมหรูหรา ลอยอวลไปทั่ววัง
ฉูจงฉวน ถือแก้วไวน์เอนกายสบาย ๆ บนเตียงใหญ่นุ่ม ร่องรอยของความมึนเมาฉายในดวงตาของเขา เขาไม่ได้นึกถึงคฤหาสน์ตระกูลฉูเลยแม้แต่น้อย
“ฉูจงฉวน … ” หญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนอกของ ฉูจงฉวน อย่างอ่อนแรง ดวงตาของนางเหมือนผ้าไหมและเสียงของนางหวาน ราวกับอยากจะดึงวิญญาณของผู้คนออกมา
ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรเหรอ?”
“ข้าและพี่สาวของข้าอยู่กับท่านมานานแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างขมขื่น“ท่านจะกินพวกเราเมื่อไหร่กัน?”
สิ่งนี้ทำให้บางคนคาดไม่ถึง แต่มันก็เป็นคำพูดอันคลุมเครือที่เพียงพอจะทำให้เข้าใจได้
ฉูจงฉวน ยังคงยิ้ม “ยังไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา ข้ายังไม่อยากผ่านการทดสอบนี้”
ดวงตาของเขาชัดเจนมาก เมื่อเขาพูดเช่นนี้ออกมา
เขาไม่ได้ติดอยู่ที่นี่อย่างไร้สติ
ความสับสนเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของหญิงสาว “ฉูจงฉวน ท่านกำลังพูดถึงอะไร?”
ฉูจงฉวน ส่ายหัว
เขาจะอธิบายให้อีกฝ่ายฟังได้ยังไงกัน
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนมองไปรอบ ๆ อย่างตะกละตะกลาม พลางถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก “มันใกล้จะจบแล้วสินะ ก็คงยื้อไว้นานกว่านี้ไม่ไหวแล้วแหละ ช่างเป็นการทดสอบที่ต้องใช้ความมุ่งมั่นจริงๆ”
จากนั้นเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้า ๆ พร้อมที่จะจากไป
“ อย่าไปเลย ฉูจงฉวน” หญิงสาวคว้าแขนเสื้อของ ฉูจงฉวน จนล้มลงกับพื้นด้วยดวงตาที่อ่อนแรง นางวิงวอน “ได้โปรดอย่าไป”
ครู่ต่อมาเสียงดนตรีและการเต้นรำก็หยุดลง
ผู้หญิงทุกคนต่างมองไปที่ ฉูจงฉวน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อย่าเพิ่งไป ”
ช่างเป็นฉากที่เศร้าจริง ๆ ทั้งเสียงที่เขาได้ยินและน้ำตาที่เขาได้เห็น
มันยากที่จะต้านทานความอ่อนโยนเหล่านี้
ฉูจงฉวนยิ้ม “อย่าได้เอะอะไป ให้ข้าได้ออกไปเถอะ”
หลังจากนั้นเขาก็โบกแขนเสื้อ ผลักผู้หญิงทุกคนก็ออกไป เขาก็ก้าวขึ้นไปในอากาศเตรียมพร้อมที่จะบินออกไปจากดินแดนอันอ่อนโยนนี้
แต่ในช่วงเวลาต่อมาวังทั้งหลังก็มืดลงกลายเป็นฉากของนรก
ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยสัตว์วิญญาณป่าเถื่อน วิญญาณแห่งความแค้นจำนวนนับไม่ถ้วนกู่ร้องโหยหวน ทำให้เขารู้สึกขนลุก ในขณะนี้เหล่าสาวงามที่ไม่มีใครเทียบได้ กลับเต็มไปด้วยเลือดที่หลั่งไหลออกมา ร่างต่าง ๆ กลายเป็นโครงกระดูก ส่งเสียงหวีดร้องคลานไปที่ ฉูจงฉวน
“ยังต่ออีกเหรอ” ฉูจงฉวน มองไปยังนรกเบื้องหน้าเขาโดยไม่มีความกลัวใด ๆ เขาเพียงแค่มองไปยังเหล่าโครงกระดูก และร่องรอยแห่งความสงสารฉายออกมาผ่านแววตาของเขา “โครงกระดูกของเหล่าหญิงสาว แม้จะเป็นของปลอม แต่ก็ทำให้ข้ารู้สึกเสียใจได้จริงๆ”
จากนั้นเงาของอาชูร่าก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของฉูจงฉวน พลังวิญญาณอันดุร้ายถูกแผ่ออกมาพร้อมกับความงดงามที่กลมกลืนกัน
“ในนรกแห่งนี้ มีเพียงอาชูร่าที่ทำร้ายข้าได้”
ฉูจงฉวนปล่อยเปลวไฟสีเขียวออกมาจากมือข้างหนึ่ง และใช้พลังวิญญาณสร้างดาบของอาชูร่าออกมาในมืออีกข้าง จากนั้นก็พุ่งเข้าสู่นรก
แม้มันจะเป็นเรื่องโหดร้าย แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียดายเลย
เพียงชั่วพริบตานรกก็พังทลายลง มันถูกเผาไหม้โดยไฟวิญญาณสีเขียวเข้ม
ทุกอย่างเลือนหายไปทั้งหมดในกองเพลิง
……
……
อีกด้านหนึ่งมิติภาพลวงตาของหยู่เฮา นั้นง่ายกว่ามาก
เขายืนอยู่ท่ามกลางอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง
ที่แห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยป่าดึกดำบรรพ์ เต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงตระหง่านและสัตว์วิญญาณอันน่ากลัวซุ่มซ่อนอยู่ทุกหนทุกแห่ง อย่างไรก็ตามขีดปลายทางนั้นคือธารน้ำแข็งขนาดใหญ่
ธารน้ำแข็งแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาคุ้นเคย
ในอดีตเขาได้มายังสถานที่ลับแห่งนี้ เข้าไปในห้วงมิติแยกที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นโลกมิติแห่งน้ำแข็งและหิมะ
โลกเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะนี้ น่าจะเป็นภูเขาแห้งแล้งในอดีต ก่อนที่มันจะแยกออกจากกัน
มันเป็นเรื่องแปลกมาก เนื่องจากตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของภูเขาแห้งแล้งแล้ว พื้นที่ตรงส่วนนี้ไม่น่าจะมีหิมะตกได้ แล้วทำไมธารน้ำแข็งดังกล่าวจึงมาปรากฏขึ้นที่นี่ได้
หยู่เฮา เดาว่านานมาแล้วทั้งทวีปนี้ อาจจะเคยถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ซึ่งทำลายทุกชีวิต แม้แต่แมมมอธธารน้ำแข็งซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่แข็งแกร่ง ก็ไม่สามารถต้านทานความหนาวเย็นอันรุนแรงนี้ได้และในที่สุดก็ถูกแช่แข็งอยู่ในธารน้ำแข็งอันไม่มีที่สิ้นสุดแห่งนี้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากคุณสมบัติความทนทานต่ออากาศหนาวเย็นของแมมมอธธารน้ำแข็ง มันจึงยังไม่ตาย เพียงแต่ยังคงมีชีวิตอยู่ในน้ำแข็งเหล่านั้นมาจนถึงปัจจุบัน
จริง ๆ แล้ว หยู่เฮา มีความลับบางอย่างในใจเขามาตลอด โดยที่เขาไม่เคยบอกใคร
ในตอนที่เขาค้นพบแมมมอธธารน้ำแข็ง เขาพบว่าพวกมันถูกฝังอยู่ลึกลงไปในแผ่นน้ำแข็ง ซึ่งแทบจะไม่สามารถทำลายได้เว้นแต่ฐานรากจะสั่นสะเทือนอย่างหนักจน แผ่นน้ำแข็งยุบลงไปด้านในอย่างสมบูรณ์
และภายในน้ำแข็งและหิมะนั้นไม่ได้มีแค่แมมมอธธารน้ำแข็ง
ด้วยความทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นอันรุนแรง เขาไม่มีเวลามาคิดอะไรมาก เขาจึงเลือกที่จะเขย่ารากฐานของแผ่นน้ำแข็ง
หลังจากการล่มสลายของแผ่นน้ำแข็งช้างแมมมอธธารน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนก็ฟื้นขึ้นมา แต่เนื่องจากการล่มสลายของธารน้ำแข็งด้านบน พวกมันจึงถูกฝังลงไปในแผ่นน้ำแข็งอีกครั้ง
คราวนี้พวกมันไม่รอด
เท่ากับว่าหยู่เฮาได้ฆ่าแมมมอธธารน้ำแข็งตัวอื่น ๆ ทั้งหมด เพื่อรักษาแมมมอธธารน้ำแข็งเพียงตัวเดียว ไว้เป็นความหวังของเผ่าพันธุ์
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา
และภาพลวงตานี้ก็ได้นำภาพเหตุการณ์ในอดีตกลับมาอีกครั้ง
หยู่เฮาเงียบไปครู่หนึ่งและพึมพำกับตัวเอง “ข้าขอโทษ แต่ข้าจะไม่เสียใจกับการกระทำนี้แน่ เพราะหากข้าไม่ทำเช่นนี้แมมมอธธารน้ำแข็ง จะไม่มีโอกาสได้มาปรากฏตัวบนโลกอีกเป็นครั้งที่สอง เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าจะถูกแช่แข็งและลืมเลือนเช่นนี้ตลอดไป”
จากนั้นหยู่เฮาก็วิ่งไปที่ธารน้ำแข็ง
ก้าวย่างของเขามีเพียงความแน่วแน่
เขาไม่มีความลังเลใด ๆ
หลังจากนั้นไม่นานธารน้ำแข็งก็ถล่มลงมาอีกครั้ง
……
……
ด้านหลินยูหลัน นางกำลังมองไปที่ภูเขาเทียนหวัง
ฐานที่มั่นหมู่บ้านตงเทียนถูกปิดล้อม
ฉากตรงหน้านางเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง
ทุกที่เต็มไปด้วยซากศพ ทุกคนที่นางรู้จักต่างจมอยู่ในกองเลือด
นางเห็นพ่อของนางถือมีดแปดวิญญาณ เขาต่อสู้ดั่งวีรบุรุษเพียงลำพังราวกับจะประคับประคองท้องฟ้าทั้งใบ
แต่สุดท้าย หลินกุย ก็พ่ายแพ้และตายไปทั้ง ๆ ที่ยังยืนอยู่
มีดแปดวิญญาณตกลงไปปักบนพื้นที่เต็มไปด้วยทะเลเลือด แต่มันก็ไม่ได้ขยับไปไหนอีก เนื่องจากพลังวิญญาณที่อยู่ในนั้นได้สลายไปแล้ว
นี่คือภาพมิติลวงตาของนาง
ในครั้งเมื่อนางยังเป็นเด็ก นางกังวลว่าจะเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้จะเกิดขึ้นในอนาคต
และฉากนี้ก็ได้ปรากฏในมิติภาพลวงตาของนางอีกครั้ง
นางถูกสั่งให้หนี
นางกลายเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของหมู่บ้านตงเทียน
หลินยูหลัน มองดูเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วจึงรีบวิ่งไปหยิบมีดแปดวิญญาณที่อยู่บนพื้น แล้วพุ่งไปใส่กลุ่ม “ฆาตกร” ที่เข่นฆ่าพรรคพวกของนาง
……
……
ภาพลวงตาของหลี่หยินนั้นอุกอาจที่สุด
เพราะในมิติลวงตานี้มีศัตรูเพียงคนเดียว นั่นก็คือลั่วอู๋
“ฆ่าข้าซะ” ร่างของลั่วอู๋ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด ราวกับว่าเขาได้สัมผัสกับการต่อสู้ที่นองเลือดมา เขาไอเป็นเลือดและพูดอย่างอ่อนแรง “จงรับพลังของข้าไป และล้างแค้นให้กับข้า”
หลี่หยินรู้ดีว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านางเป็นเพียงภาพลวงตา แต่หัวใจของนางก็ไม่สามารถผ่านมันไปได้ มันก็ยากเกินกว่าที่จะหายใจต่อไปด้วยซ้ำ
ตราบใดที่นางฆ่า ลั่วอู๋ ตรงหน้าลงได้การทดสอบก็จะสิ้นสุดลง
เพราะนางมีข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียว
มือของหลี่หยินเปลี่ยนไปเหมือนจะกลายเป็นใบมีดแห่งความมืด นางมองไปที่ ลั่วอู๋ ทั้งน้ำตาแล้วจึงยิ้มออกมา “นายน้อย ข้าจะไม่ฆ่าท่าน พวกเราจะไปด้วยกัน”
หลังจากนั้นหลี่หยินก็แทงมือของนางลงไปที่หน้าอกของตนเอง
การทดสอบล้มเหลว