ไหปีศาจ - บทที่ 623 วิวัฒนาการล้มเหลว
บทที่ 623 วิวัฒนาการล้มเหลว
บทที่ 623
วิวัฒนาการล้มเหลว
เส้นทางแห่งการวิวัฒนาการนั้นยากลำบาก มันคือช่องว่างระหว่างสวรรค์และโลก
ในขณะที่ลั่วอู๋กำลังพูดอยู่ ลูกบอลแสงขนาดใหญ่บนท้องฟ้าก็เปล่งแสงพราวอีกครั้ง คราวนี้มันแทบจะทำให้มิติไหทั้งใบหมดถูกปกคลุมด้วยรัศมีสีขาว
ราชาผีแห่งความมืดพุ่งมาจากที่อันไกลโพ้น และมาถึงที่นี่ในพริบตา
ด้วยความแข็งแกร่งของนาง พลังระดับนี้มันเป็นเรื่องปกติของท่านหญิงหยู่
“เกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าของท่านหญิงหยู่ดูสง่างาม “นี่มันอะไรกัน ข้าไม่ชอบแสงจากมันเลย?”
ท่านหญิงหยู่เองก็อยู่ในมิติไห แม้ว่านางจะอยู่คนเดียว แต่นางก็ไม่รู้สึกเหงา นางมักจะมองดูทิวทัศน์ที่สวยงามในมิติไหอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่านางไม่ได้เห็นมันมานาน แม้ว่าจะเป็นเพียงต้นไม้ แต่นางก็มีความสุขที่จะได้มองมันทั้งวันโดยไม่ได้เดินไปไหน ราวกับว่านางไม่มีความคิดที่จะออกจากมิติไหไปที่อื่น
โดยปกติแล้วนางจะไม่ปรากฏตัว อีกทั้งลั่วอู๋ยังหาตัวนางได้ยากมาก คนที่เขาส่งไปให้คอยดูแลท่านหญิงหยู่ มักจะตามไม่ทันท่านหญิงหยู่
เขาไม่คาดคิดเลยว่านางจะมาปรากฏตัวในวันนี้
“นกโง่กำลังจะวิวัฒนาการ” ลั่วอู๋กล่าว
“แค่นั้นเองเหรอ” ท่านหญิงหยู่ขมวดคิ้วพลางส่ายหัว “แสงนี้ดูเหมือนจะมีผลในการยับยั้งพลังวิญญาณของเหล่าภูตผีปีศาจ”
“ไม่จริงน่า”
ฝูงชนตกตะลึง พวกเขาต่างก็ไม่รู้สึกถึงพลังของแสงนี้เลย
แสงนั้นสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้มันจะมีคุณสมบัติยับยั้งภูตผีปีศาจ แต่มิติวิญญาณของท่านหญิงหยู่ก็อยู่สูงกว่า นางจึงเพียงแค่รู้สึกอึดอัด
ในขณะนี้กลุ่มแสงดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอนแสง มันกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ และเริ่มมีเสียงนกกู่ร้องอยู่โดยรอบ
เสียงร้องของเหล่านกแว่วมา เป็นเวลาต่อเนื่องและยาวนาน
ฉากนี้น่าตื่นตามากเลยทีเดียว ด้วยเสียงของเหล่า เหยี่ยวหยกขาวที่ร้องเพลงกันอย่างพร้อมเพรียง ความสดใสของบรรยากาศก็พราวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ท่านหญิงหยู่มองไปที่กลุ่มนกวิญญาณด้วยความสับสน “พวกมันต้องการทำอะไร?”
“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วอู๋ ถาม
“วิวัฒนาการของมันน่าจะถึงกำแพงแล้วนี่” ท่านหญิงหยู่รู้สึกงงงวยเป็นอย่างยิ่งและกล่าวต่อไป “ตามหลักมันควรจะถูกเปลี่ยนรูปร่างไปเรียบร้อยแล้ว”
นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย
ยิ่งเวลาการวิวัฒนาการนานขึ้น การเปลี่ยนแปลงก็ยิ่งมากขึ้น ความเป็นไปได้มากที่มันจะแข็งแกร่งขึ้นก็เพิ่มสูงขึ้น แต่มันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้นเช่นกัน
“มันน่าจะพอได้แล้วนี่” ท่านหญิงหยู่ส่ายหัว “ต้นกำเนิดแก่นวิญญาณของมันได้พัฒนาไปแล้ว การที่มันบังคับให้ต้นกำเนิดอันไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มันมีความเสี่ยงสูงและอัตราความสำเร็จที่ต่ำเกินไป หากผิดพลาดเล็กน้อยมันจะต้องตาย”
“อา”ลั่วอู๋จ้องมองไปที่แสง
เขาไม่คิดว่าท่านหญิงหยู่เป็นกระต่ายตื่นตูม
แต่ดูเหมือนมันจะเป็นความจริง เขารู้สึกได้ว่าลมปราณของมันสงบลง ในขณะที่การวิวัฒนาการยังคงดำเนินต่อไป
“เจ้านกโง่หยุดเร็ว!” ลั่วอู๋ร้องเสียงหลง
แต่นกโง่กลับเพิกเฉยและยังคงส่องแสงต่อไป
การวิวัฒนาการยังคงดำเนินต่อไป
ทันใดนั้นแสงก็กลายเป็นเหมือนเทียนที่ปกคลุมไปด้วยสายลม แสงนั้นเริ่มสั่นไหวอย่างอ่อนแรงและจางลงอย่างรวดเร็ว
“วิวัฒนาการล้มเหลว” ท่านหญิงหยู่ส่ายหัว “ข้าไม่รู้ว่านกวิญญาณนั่นคิดอะไรอยู่มันโลภเกินไป มันควรจะสำเร็จแล้วแท้ ๆ … ”
แสงสดใสมาบรรจบกันเผยให้เห็นชีวิตที่เกิดจากการวิวัฒนาการ
ใบหน้าของผู้คนต่างตกตะลึง
เนื่องจากสัตว์วิญญาณที่อยู่ตรงหน้านั้นแตกต่างจากนกโง่ที่พวกเขาเคยเห็นอย่างสิ้นเชิง
นกโง่ดั้งเดิมนั้นมีสีขาวทั่วตัว ขนหลากสีของมันนั้นดูศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง เวลามันกระพือปีกขนทั้งเก้าขนของมันจะเปล่งแสง ซึ่งน่าอัศจรรย์มาก
แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ขนาดตัวของมันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า ร่างกายของมันป่องเช่นเดียวกับภูเขาเนื้อ ขนของมันมีสีสันแปลกตามาก ดูเหมือนนกแก้วที่มีสีสันและตัวใหญ่ กรงเล็บของมันมีสีขาวเหมือนเหล็กกล้า อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมร่างกายของมันและบินด้วยปีก
หลังจากดิ้นรนอยู่พักหนึ่งนกโง่ก็ล้มลงกับพื้น แต่มันก็ยังคงหยิ่งยโส มันเปล่งเสียงเพลงอันโกรธเกรี้ยวไปบนท้องฟ้าราวกับจะระบายความไม่พอใจของมัน
มันล้มเหลวในการวิวัฒนาการ
เลยกลายเป็นสัตว์วิญญาณตัวนี้
เมื่อมองไปที่ “ภูเขาเนื้อ” ตรงหน้าเขา ลั่วอู๋ ก็ถอนหายใจพลางสาปแช่ง “สมควรแล้วแหละ เจ้ามันโลภมาก ทั้ง ๆ ที่เจ้ากำลังจะมีการวิวัฒนาการที่ดีแล้วแท้ ๆ เจ้ากลับฝืนที่จะวิวัฒนาการต่อไป”
นกโง่หดคอแล้วครางเสียงต่ำสองสามครั้ง เสียงของมันไม่ดังและชัดเจนอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและเงียบสงบ
ลั่วอู๋ฟังมันผ่านทักษะสื่อสารวิญญาณ
นกโง่คิดว่าวิวัฒนาการของมันดูไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นพวกมันจึงบังคับให้มีการวิวัฒนาการต่อ
การวิวัฒนาการไม่ใช่เรื่องแน่นอน มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะรูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปโดยไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ออกมาน่าเกลียด แต่นกโง่นั้นทะนงตัว พอที่จะรับความเสี่ยงนั้น มันจึงผลักดันต้นกำเนิดแก่นวิญญาณของตัวเองอีกครั้ง หวังว่ามันจะได้รับการเปลี่ยนแปลง
แต่เห็นได้ชัดว่ามันล้มเหลว
การวิวัฒนาการล้มเหลวทำให้ส่วนที่มันไม่พอใจกลายเป็นจุดโดดเด่นยิ่งขึ้น แม้กระทั่งแก่นวิญญาณก็ยังได้รับความเสียหาย
ระดับต้นแก่นวิญญาณของมันในปัจจุบันแม้ว่าจะเป็นมิติวิญญาณทองขั้นสูง แต่พลังที่มีอยู่นั้นอยู่เพียงแค่ ระดับทอง 7 – 8 ซึ่งอ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก
หลังจากได้ยินแบบนั้นลั่วอู๋ก็อดไม่ได้ที่จะเตะนกโง่ “น่าเกลียดเกินไป!?
ด้วยเหตุนี้มันจึงเสี่ยงอนาคตของตนเอง ?
ลั่วอู๋เสียใจและโกรธมาก
นกโง่กล่าวว่า หลังจากความล้มเหลวของการวิวัฒนาการ จุดที่มันไม่พอใจกลับมีความโดดเด่นมากขึ้น ลั่วอู๋เห็นได้ชัดว่าสีขนของมันเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้สีนั้นจะไม่ได้น่าเกลียด แต่นกโง่นั้นชอบสีขาวเป็นทุนเดิม เขาจึงรู้ถึงสาเหตุได้ในทันที
“แล้วแบบนี้เจ้าจะทำยังไงต่อ?” “ แม้ว่าเจ้าจะให้ข้ารักษาแก่นวิญญาณของเจ้าได้ แต่การเปลี่ยนแปลงของรูปร่างอย่างกะทันหันที่เกิดจากความล้มเหลวของการวิวัฒนาการจะจำกัดความแข็งแกร่งของเจ้าเป็นอย่างมาก เจ้าจะทำยังไงต่อ หา?” ลั่วอู๋ถาม
แม้ว่ามันจะบินไม่ได้ แต่มันก็ยังสามารถออกคำสั่งเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำได้ หากมันไม่สามารถวิวัฒนาการได้อีกครั้ง อย่างน้อย ๆ ก็คงกลับไปสู่สถานะเดิมได้
แต่น่าจะต้องใช้เวลานานกว่าเดิมมาก
มันเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะข้ามมิติวิญญาณจากระดับทองขั้นสูงไประดับเพชร ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยแก่นวิญญาณรากที่อ่อนแอและแตกหักในปัจจุบันของมัน
ความเจ็บปวดเล็กน้อยฉายในดวงตาของนกโง่
มันไม่ค่อยมีอารมณ์นี้เลยตอนนี้ มันเจ็บปวดใจมากจริงๆ
บนท้องฟ้ามีนกจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องโหยหวนและไม่อยากจากไป พวกมันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากราชาของพวกมัน และส่งเสียงคร่ำครวญออกมา
ทันใดนั้นมิติไหก็เต็มไปด้วยนกนานาชนิด
ดูเหมือนว่านกโง่จะยังคงได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกน้องของมัน แม้ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่มีนกตัวใดที่เลือกที่จะจากมันไป
ฝูงนกวิญญาณนับไม่ถ้วนแห่ขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกมันเข้าปกคลุมรัศมีของท้องฟ้า ราวกับว่าจะกลายเป็นพระอาทิตย์ตกอันงดงามสวยงามและโหดร้ายครั้งสุดท้าย
ลั่วอู๋ มองไปที่ ท่านหญิงหยู่ อย่างหมดหนทาง “ท่านหญิงหยู่ พวกเราสามารถช่วยมันจากสถานการณ์นี้ได้หรือไม่?”
“ไม่มีทาง” ท่านหญิงหยู่ส่ายหัวอย่างไม่ลังเล
ลั่วอู๋ถอนหายใจ
เขาพอจะเดาคำตอบนี้ได้
หลังจากที่ได้อ่านหนังสือโบราณมากมาย ความล้มเหลวในการวิวัฒนาการเช่นนี้เป็นอะไรที่ลั่วอู๋ได้เห็นมามากแล้วในบันทึก แต่ไม่เคยมีความล้มเหลวของวิวัฒนาการรอบใดที่สามารถย้อนกลับได้
เนื่องจากมันเป็นการเปลี่ยนแปลงแก่นวิญญาณโดยสิ้นเชิง
แม้ว่าจะใช้ “การแก้ไขคุณสมบัติ” ของ ลั่วอู๋ ก็คงไม่สามารถทำให้นกโง่ย้อนกลับไปได้
ในขณะที่เขากำลังทำอะไรไม่ถูก ลั่วอู๋ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่านกวิญญาณทุกตัวที่บินวนเวียนอยู่รอบ ๆ นกโง่ได้หยุดลง จากนั้นพวกมันก็โฉบลงมาบนพื้นก้มหัวลงอย่างเคารพและศรัทธา ราวกับว่าได้ถวายชีวิตให้สัตว์วิญญาณตรงหน้าพวกมัน เป็นความเชื่อในชีวิตของพวกมัน
นกวิญญาณทุกชนิดต่างรวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง
“นกทุกตัวหันหน้าไปทางมันงั้นเหรอ หรือว่ามันกำลังจะกลายเป็นนกอมตะ ?!” หลินยูหลันตะโกนด้วยความประหลาดใจ
ทุกคนต่างสับสนว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่ในเวลาต่อมาพลังวิญญาณของเหล่านกก็ค่อย ๆ ถูกดึงออกมา กลายเป็นแสงอันบริสุทธิ์ ลอยไปหาเจ้านกโง่
ร่างของนกโง่ถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีสีขาว ซึ่งเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง